“แต่พี่อยากได้ไรรี่ย์เป็นลูกสะใภ้จริง ๆ นะ เพราะในวัลดิส ไม่สิ ทั้งสามอาณาจักรนี้ ไม่มีใครเหมาะสมกับอัลดีนเท่าหนูไรรี่ย์อีกแล้ว”
เสียงแว่วมาของแขกสำคัญ ทำให้คนถูกบังคับแต่งกายด้วยเสื้อผ้าคอลเลกชันใหม่จากแบรนด์หรูสีเบจ เป็นชุดเดรสชิ้นเดียวแขนสั้นยาวถึงเข่า ต้องหยุดชะงัก หันไปมองอีกสองคนซึ่งเดินตามหลังมาห่าง ๆ
แต่ประโยคต่อมานี่สิ ทำเอาไรรี่ย์ตึงไปทั้งหน้า “คุณแม่ลองหาดีแล้วหรือครับ?”
“ดีน!”
เสียงตวาดและทรงอำนาจดังลั่น พลอยทำให้คนกำลังจะลงไปชั้นล่างรู้สึกสะดุ้งไปด้วย แต่ก็ว่าเถอะ เสียงทุ้มลึกแบบนั้น ต้องเป็นไอ้คนปากหมาอย่างอัลดีนแน่ ๆ
“ไอ้เวรนี่ หักหน้าฉันแบบไม่เกรงใจคุณแม่เลยเหรอ?” คนสวยกำหมัดแน่น หากอยู่ใกล้ ๆ เธอคงเสิร์ฟหมัดใส่สักทีไปแล้ว ไม่เข้าใจไรรี่ย์คนเก่าเลยจริง ๆ อะไรดลใจให้หล่อนไปชอบคนแบบนั้นกันนะ!?!
“คุณหนู อย่าพูดแบบนั้นสิคะ” คาร่าเดินมาปราม เมื่อได้ยินไรรี่ย์พูดคำที่ไม่เหมาะกับเธอเลยสักนิด
คนสวยประจำวันสะบัดหางตาไป ทำให้ทั้งสองคนตัวชาวาบ รีบก้มหัวลงต่ำทันที “ขะ... ขอโทษค่ะ”
“ปะ... เปล่า ฉันแค่หงุดหงิดไอ้วะ... เออ ไอ้คุณอัลดีนนั่น คาร่ากับลิลลี่ไม่ผิดหรอกนะ” กลายเป็นความรู้สึกผิดขึ้นมาทัน เวลาโมโหทีไร เธอคุมสีหน้าไม่ได้ดังใจนึกเลยแฮะ
ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ แก้วเจ้าจอมเก่งเรื่องปั้นหน้ายิ้มจะตายไป หรือเป็นผลพวงมาจากความทรงจำของไรรี่ย์กัน?
“เราลงไปกันเถอะ อุตส่าห์ใส่สีอ่อนทั้งที ทำตัวให้ดูน่าสงสารหน่อยดีกว่า” ว่าแล้วก็ทำตาตก เบะปากเล็กน้อย เหมือนน้ำตาจะไหลอยู่ตลอดเวลาให้สาวรับใช้ทั้งสองคนดู “แบบนี้เศร้าพอหรือยัง?”
มันช่วยให้คนตัวสั่นอย่างคาร่าและลิลลี่หัวเราะออกมาได้เล็กน้อย ก่อนทั้งคู่จะพยักหน้าพร้อมกัน “ค่ะ ดูเศร้ามาก ๆ เลยค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้น ฉันเดินไปด้วยหน้าแบบนี้เลยนะ” และคนทำหน้าเศร้า ได้กลับหลังหัน เพื่อลงบันไดบ้านหลังใหญ่ ด้วยอาการเกร็งและประหม่าเล็กน้อย
ชุดสีเบจชิ้นเดียวแขนสั้นคลุมเข่ามันสะท้อนเข้าตาพอดี แขกคนสำคัญทั้งสองเงยขึ้นมองหญิงสาวแสนสวยกำลังเดินลงมา พร้อมสาวรับใช้อีกสองคน มันแทบไม่ต่างจากฉากเปิดตัวของเจ้าหญิงในหนังเลยสักนิด
ทั้งเครื่องประดับตรงคอ ใบหู และผม ทุกอย่างดูเข้ากัน แถมยังส่งให้คนใส่ดูมีความอ่อนหวานขึ้น แม้เธอจะมีใบหน้าดุเล็กน้อยก็เถอะ แต่การปล่อยผมยาวสยายเต็มแผ่นหลัง ทัดใบหูหนึ่งข้าง มันทำให้เจ้าหล่อนน่ามองขึ้นเป็นเท่าตัว
ราวกับว่าจะทำให้ใจมันหยุดนิ่ง ใบหน้าสวยนั่น ดูเศร้ากว่าที่เคยเห็น ไม่สิ เหมือนจะเคยเห็นเมื่อนานมาแล้ว ดวงตาคมสวยไม่ได้จ้องมองมาที่ตัวเองอย่างทุกที ทั้ง ๆ ตลอดเวลาเธอเอาแต่ไล่ตามจนน่ารำคาญแท้ ๆ
มีบางอย่างแปลกไป ไรรี่ย์คนนั้น เหตุใดจึงสงบได้ถึงขนาดนี้
“ตายแล้วหนูไรรี่ย์”
“ยังอยู่ดีค่ะคุณป้า ยังไม่ตาย” ไรรี่ย์ตอบกลับทันควันด้วยนิสัยของแก้วเจ้าจอม พร้อมด้วยรอยยิ้ม แต่ทุกอย่างรอบกายกับหยุดชะงักไป สายตาหลายคู่มองมาที่เธอราวกับเป็นสิ่งประหลาด ก่อนเจ้าหล่อนจะหัวเราะออกมากลบเกลื่อน “ฮ่า ๆ ๆ ขำ ๆ ไงคะ เห็นบรรยากาศมันเงียบ ๆ เลยเล่นมุกสักหน่อย แต่ถ้ามันไม่ตลกก็ขอโทษด้วยนะคะ”
“อ๋อหรือจ๊ะ” เอเรน่าพยายามยิ้มกว้าง ก่อนจะเบนหน้าไปหาเรเชล ซึ่งกำลังยิ้มแหยมาให้
‘อาการหนักกว่าที่คิดเยอะเลยแฮะ’
หญิงสาวยิ้มเขิน พยายามไม่มองคนใจร้าย เพราะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอ บางทีโรคไรรี่ย์อาจจะกำเริบแล้วกระโดดเข้าหาชายหนุ่มก็ได้ แต่สุดท้าย ดวงตาสวยดันเปรยไปหาเขาในที่สุด
ถึงกับอ้าปากค้าง แน่ล่ะ แม้ในความทรงจำมันจะมีใบหน้าของชายคนนี้เด่นชัดที่สุด แต่อะไรจะสู้เห็นด้วยตาของตัวเองกันเล่า
รูปหน้าคมคาย ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็มีแต่จุดเด่น ดวงตาเข้มหรี่มองเธอด้วยความสงสัย คิ้วเองก็เช่นกัน ขมวดมุ่นราวกับว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเป็นของประหลาด การที่ไรรี่ย์ปล่อยมุกตลกมันไม่เห็นจะเสียหายตรงไหนใช่หรือไม่ แต่เขากลับมองเหมือนไม่เคยเห็นมาก่อน
หรือไม่เคยเห็นจริง ๆ?
นอกจากดวงหน้าและดวงตาคมเข้มแล้ว ผมยังดำเงางามสุขภาพดี จมูกเป็นสันเด่นชัดรับกับริมฝีปากหยักลึกนี่อีก บอกเลยว่าหล่อเหลาไม่มีที่ติ หล่อแท้หล่อว่า หล่อแบบไม่เหลือที่ให้ใครได้เกิด หล่อแบบไม่เปิดโอกาสให้ใครได้ชื่อว่าหล่อ หล่อเหมือนไม่มีอยู่จริง หล่อดั่งพระเจ้าใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อสร้างเขาขึ้นมา
สรุปเลยว่าโคตรจะหล่อ!
ทำเอาใจสาวโสดไร้ประสบการณ์ความรักเต้นรัวแม้เห็นแค่ใบหน้า ชักเริ่มเข้าใจแล้วว่าเพราะอะไรไรรี่ย์จึงยึดติดกับเขาขนาดนั้น เพราะถ้าเป็นเธอ ก็คงติดแบบเหนียวหนึบเหมือนกัน
ชักเริ่มลังเลที่จะตัดขาดกับชายคนนี้แล้วแฮะ
“หนูไรรี่ย์จ๊ะ” เอเรน่าเข้ามาสะกิดแขนคนตาค้างเอาไว้ “ไปนั่งก่อนเถอะ ถึงจะเป็นหนู แต่ถ้าจ้องมองนาน ๆ แบบนี้ อัลดีนก็มีเขินบ้างนะจ๊ะ”
“ไม่เป็นไรครับ เพราะผมชินแล้ว ปกติทุกคนก็มองผมแบบนี้” อัลดีนเสใบหน้าหนี ก่อนจะยกชาผลไม้ขึ้นมาจิบเบา ๆ
ไรรี่ย์ถึงกับเดาะลิ้นทันที
เสียงเดาะลิ้นทำเอาชายหนุ่มชะงัก เงยหน้าขึ้นมองคนทำตาถลึงใส่ ยิ่งทำให้เขารู้สึกข้องใจยิ่งกว่าเดิม ที่ว่าไรรี่ย์ไม่สบาย คงไม่ใช่ เหมือนเธอเสียสติมากกว่า
“คุณอัลดีนนี่ หลงตัวเองจังเลยนะคะ” เสียงใสแว่วเข้ามาอีกครั้ง ก่อนเจ้าหล่อนจะทิ้งตัวนั่งบนโซฟาตัวสั้น ซึ่งมันตรงข้ามกับคนหล่อ เอ๊ย! คนปากหมาพอดีเป๊ะ!
‘คนบ้าอะไรวะ ยกยอตัวเองได้ด้วย เพิ่งเคยเจอ แต่เอาเถอะ เบ้าหน้าแบบนั้น จะหลงตัวเองคงไม่แปลก’
นอกจากจะด่าในใจแล้ว ไรรี่ย์ยังแสดงมันออกมาบนใบหน้าชัดเจน จนคนเซ้นส์ดีสัมผัสได้ แต่ไม่แน่ใจว่าเรื่องที่คิดอยู่ มันจริงหรือไม่
‘กำลังด่าอยู่หรือเปล่า ไรรี่ย์เนี่ยนะ?’
“อะ… เออ ดูหน้าตาของหนูไรรี่ย์แล้ว สดใสน่าดู แบบนี้ป้าก็หมดห่วง นึกว่าจะเป็นอะไรเยอะเสียอีก” เอเรน่าพยายามพูดขึ้น เพราะไม่อยากให้บรรยากาศมันอึมครึมกว่าเดิม
ส่วนไรรี่ย์เอง หันมายิ้มอย่างสดใส ไม่นาน ชาผลไม้จากแดนไกลได้มาเสิร์ฟตรงหน้าอีกครั้ง กลิ่นของความสดชื่น เจือด้วยความหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของชาแดง เจ้าหล่อนยกขึ้นมากระดกใส่ปากเบา ๆ พร้อมดวงตาเปิดกว้าง
“คุณแม่คะ ชานี่ดีจัง” จากเคยขึงตาใส่ ต่อด้วยด่าในใจ ต่อมาเป็นมองไม่เห็นเสียเลย ยิ่งทำให้อัลดีนขมวดคิ้วเข้มแน่น มองคนกำลังสนทนากับผู้ใหญ่ทั้งสองด้วยความสงสัย
“มีอีกหลายรสเลยนะไรรี่ย์ เมื่อวานไรอันเอามาให้ทุกแบบเลย” เรเชลหันไปยิ้มให้ลูกสาว และหันกลับมาที่คนอายุมากกว่าอีกครั้ง “เดี๋ยวพี่เอเรน่าเอาไปทุกรสเลยนะคะ คาดว่าปีนี้ก็ไม่หมดค่ะ”
“ได้สิจ๊ะ” เอเรน่ายิ้มเจื่อน มองก็รู้ ว่าเด็กสาวผู้กำลังตาตกไปอยู่กับชาผลไม้ กำลังเบี่ยงประเด็นอยู่ “จริงสิหนูไรรี่ย์ ที่ป้ามาวันนี้ ป้าอยากให้ดีนมาขอโทษหนูนะ ที่วันก่อนผิดนัดแบบนั้น”
“อ๋อ~ ค่ะ หนูเข้าใจดีว่าคุณป้าต้องการอะไร” ไรรี่ย์ยอมมองคนตรงข้ามอีกครั้ง ดวงตาเข้มกำลังจ้องเธอแบบไม่เป็นมิตรเลยสักนิด ราวกับสัตว์ที่ระวังตัวตลอดเวลายามรู้สึกถึงภัยอันตราย
แน่ล่ะ เธอจะเป็นพายุไซโคให้เขาเอง เอาให้กระเด็นหาทางกลับบ้านไม่เจอเลยเชียว!
“ถ้าอย่างนั้น…”
“ถ้าคุณอัลดีนอยากขอโทษหนู คงขอโทษไปนานแล้วค่ะ” เธอพูดเจ็บแสบแต่กลับยิ้มแบบนี้ได้อย่างไรกัน? ใบหน้าสวยเสมองเอเรน่าอีกครั้ง “คุณป้า หนูต้องขอโทษล่วงหน้าเลยนะคะ ถ้าต่อจากนี้ไป หนูพูดอะไรไม่น่าฟังไปบ้าง”
ไม่รอให้คนเป็นแม่ตอบ เจ้าหล่อนก็หันขวับไปหาคนเป็นลูกชายทันที “ที่ฉันจะพูดต่อจากนี้ ได้คิดมาทั้งคืน ไม่ ๆ คิดมาตั้งแต่ตื่นขึ้นมาแล้วค่ะ ว่าอยากจะเลิกกับคุณ”
“คุณ? เดี๋ยวสิ เราไม่ได้คบกัน…”
“อ๋า~ จริงด้วย เราไม่ได้เป็นอะไรกัน ถ้าอย่างนั้น สถานะนี้ก็ดีแล้วค่ะ จะได้ไม่ต้องเดือดร้อนให้คุณอัลดีนฝืนใจมาหาฉันอีก ไม่ต้องแสร้งเอาใจเพื่อไม่ให้คุณป้าเอเรน่าดุอีก หรือ กลุ้มใจที่ต้องพาฉันเข้าตระกูลโดโนแวนในฐานะภรรยาอีกต่อไป”
ทั้งบ้านเงียบกริบ ไม่มีใครกล้าหายใจเลยด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าเรื่องที่คุณหนูไรรี่ย์กำลังพูด มันเป็นเรื่องที่เธอกำลังฝืนหรือไม่ แต่ดวงหน้าของเธอตอนนี้ มันช่างเรียบนิ่ง ไร้ความเจ็บปวด และความรู้สึกใด ๆ ทั้งสิ้น
“ไปใช้ชีวิตของคุณอัลดีนต่อไปเถอะค่ะ ฉันเองก็เช่นกัน ไหน ๆ รอดตายมาแล้วก็อยากจะใช้ชีวิตเพื่อตัวเองบ้าง ฉันเบื่อที่จะมีแต่ความทรงจำของคุณ และเบื่อที่ต้องมาฟังคำเหยียดหยาม ดูหมิ่น และทำร้ายจิตใจกันอีกแล้ว”
“คือ… หนูไรรี่ย์…”
ไรรี่ย์หันขวับไปหาเอเรน่าอีกครั้ง เธอกำลังมีสีหน้าไม่สู้ดีเท่าไหร่ แน่ล่ะ ก็ลูกชายโดนด่าต่อหน้าเลยนี่ “คุณป้าไม่ผิดเลยค่ะ ถ้าจะผิด มันผิดที่หนูเอง ที่ต้องแบกรับความหวังลม ๆ แล้ง ๆ มาตลอด ในเมื่อเขาไม่รัก มันก็จบ มีแค่นั้น ไม่อยากดึงดันทำในสิ่งที่เหนื่อยอีกต่อไป คุณป้าเข้าใจหนูใช่หรือเปล่าคะ? คุณแม่ด้วย”
ผู้ใหญ่ทั้งสองพยักหน้าหงึกหงัก พูดมาแบบนี้แล้วใครมันจะกล้าขัดกันล่ะ แถมใบหน้าทะเล้นในตอนแรก หายไปจนไม่เหลือเค้าโครงเดิม มันแสดงว่าไรรี่ย์ในตอนนี้ ‘พูดจริง’
หญิงสาวในชุดสีเบจค่อย ๆ หยัดตัวลุกขึ้น ทุกอย่างที่อยากจะพูดมันได้ถ่ายทอดออกมาจนหมดแล้ว แต่ความรู้สึกของเธอ กลับอึดอัดเต็มอก ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แถมน้ำตาก็เหมือนจะไหลออกมาอีกด้วย
ต้องรีบไปจากตรงนี้ หากมีน้ำตาร่วงมาสักหยด คงมีคนคิดเข้าข้างตัวเองอีกแน่
“หนูพูดจบแล้ว และคิดว่า ทั้งคุณป้า และคุณอัลดีนจะเข้าใจเรื่องที่ฉันต้องการจะเอ่ยไปทั้งหมด ขอบคุณค่ะ” และเดินไปทันที จ้ำอ้าวให้หลุดพ้นจากห้องโถงกว้างให้ได้มากที่สุด
ไม่เข้าใจ ว่าเพราะอะไรถึงต้องรู้สึกเศร้า และเจ็บจี๊ดขึ้นมาในใจทั้งดวงของเธอด้วย ทั้ง ๆ ที่แก้วเจ้าจอม เพิ่งเคยเจอชายคนนี้ครั้งแรก หรือเพราะไรรี่ย์คนเก่ายังโหยหาเขาอยู่อย่างนั้นหรือ
“ไรรี่ย์หยุด เธอควรหยุดไล่ตามคนอื่นได้แล้ว มันถึงเวลาที่เธอต้องหันมองตัวเอง มองสิ่งที่มีและมีความสุขกับมัน ผู้ชายน่ะ… หาใหม่ได้อยู่แล้ว โลกใบนี้มีประชากรเป็นล้าน ๆ คน นอกจากอันดีลคนนั้น มันต้องมีคนที่คู่ควรกับเธอสิ หยุดร้องไห้แล้ว!”
น้ำตายังไหลไม่หยุด พยายามห้าม ทั้งลูบแขนตัวเองหลายครั้ง แต่กลับรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดซึ่งเอ่อล้นออกมาไม่ขาดสาย ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยรู้จัก แต่เพราะอะไรกัน ถึงเจ็บปวดเหมือนอกหักได้ขนาดนี้
ส่วนอัลดีน กำลังขมวดคิ้วเข้มของเขาต่อไป ทั้ง ๆ ที่ควรจะดีใจ เพราะผู้หญิงที่ตนเองพร่ำบอกว่าน่ารังเกียจ กำลังเดินออกไปจากชีวิตของตัวเองแล้ว แต่ใบหน้าของไรรี่ย์เมื่อครั้งยังเด็กกลับลอยวนมาราวกับภาพเล่นซ้ำไม่ยอมเปลี่ยน
เสียดาย ไม่สิ ยังโหยหาเธออยู่ และเพราะอะไรกัน ถึงห่างเหินกันเรื่อย ๆ เพราะนิสัยเอาแต่ใจที่เปลี่ยนไปกะทันหันของเธออย่างนั้นหรือ?
จริงด้วย
พอมาเจอกันอีกครั้ง ไรรี่ย์ก็เปลี่ยนไป และเพราะอะไรเธอถึงเปลี่ยนไป แล้วทำไมตัวเองถึงเอาแต่ตีตัวออกห่างทุกครั้งที่เธอพยายามเข้าหา?
อัลดีนลุกพรวด ไม่รู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ แต่เขาเลือกจะเดินตามเธอไป จากเพียงก้าวช้า ๆ ค่อย ๆ เพิ่มแรงวิ่งเข้าไปอีก ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับเธอด้วยซ้ำ
แต่อยากแน่ใจอะไรสักอย่างเท่านั้น