ตอนที่ 6 
สมใจหรือไม่ ดูจากหน้าก็รู้

2411 Words
ใจยังเต้นรัวไม่หยุด ทั้ง ๆ ที่สมองเข้าใจทุกอย่าง เพราะความทรงจำของไรรี่ย์ก่อนหน้านี้ มันพลอยทำให้แก้วเจ้าจอมรู้สึกหวั่นไหวไปกับชายคนนั้นด้วย แต่เมื่อปล่อยไปสักพัก ทุกอย่างจึงกลับเข้าที่ อย่างกับใจดวงนี้ กำลังขัดขืนเรื่องที่เธอกำลังทำอยู่ “ต้องขอโทษด้วยนะไรรี่ย์ ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสแบบนี้อีกนานแค่ไหน ฉันขอทำในสิ่งที่คิดว่าดีที่สุดของทั้งฉันและเธอก็แล้วกัน” เสียงถอนหายใจดังครั้งแล้วครั้งอีก ความทรงจำทำให้คุณหนูของบ้านเดินมาด้านหลัง เป็นสวนซึ่งเต็มไปด้วยดอกไม้หลากชนิด ปลูกแยกแปลงรวมถึงไล่ระดับสีของดอกอย่างชัดเจน กลิ่นหอมปริศนาที่เธอไม่รู้ว่ามาจากดอกอะไร ตอนนี้กระจ่างแล้วว่ามันเป็นกลิ่นของดอกไม้ทุกชนิดรวมกัน กลายเป็นความหอมอันลงตัว รูปปั้นเทพีฟอร์จูน่า กำลังกรีดยิ้มให้ไรรี่ย์อยู่หรือเปล่านะ? แต่ทุกครั้งที่มอง มันทำให้เธอรู้สึกสงบอย่างน่าประหลาด “ทั้งในโลกของเรา และที่นี่ กลับมีเทพีที่ชื่อเหมือนกันด้วยสินะ” เธอเปิดยิ้มเล็กน้อย มองไปรอบข้างด้วยความสบายตา แต่กลับรู้สึกใจสั่นขึ้นมาอีกครั้ง ราวกับว่าเร็ว ๆ นี่จะมีเรื่องให้หัวเสียเกิดขึ้น ไร้ซึ่งเสียงฝีเท้าตามนิสัย ไม่รู้อะไรหอบเอาร่างของเขาเดินตามมาถึงที่นี่ สวนดอกไม้ที่ได้ชื่อว่างดงามที่สุดของอาณาจักรวัลดิส ความกว้างใหญ่กินเนื้อที่กว่าสามไร่ มีดอกไม้ทั้งของท้องถิ่น และดอกไม้หายาก หลายคนเปรียบว่าสวนหลังบ้านแรนเดอร์โค คล้ายสวรรค์มากที่สุด ยิ่งมีหญิงสาวในชุดสีเบจ กำลังล้อไปกับคลื่นลมอ่อน ๆ กลีบดอกคามิเลียช่างเป็นใจ ล่องลอยมาตกกระทบบนตัวเธอหลายจุด ไม่คิดเลยว่าไรรี่ย์จะน่ามองได้ถึงเพียงนี้ และทำให้ความรู้สึกเก่า ๆ หวนกลับมาอีกครั้ง “เฮ้อ~ หิวแล้วแฮะ กลับไปหรือยัง…” แต่เมื่อเธอหันมา รอยยิ้มละไมบนใบหน้าสวยต้องหยุดลงทันที เจ้าหล่อนปรับเป็นความเรียบนิ่งขึ้นมาแทน เรียวแขนเล็กยกขึ้นมากอดอกเอาไว้หลวม ๆ พร้อมเบือนหน้าหนี “ไม่อยากจะคิดหรอกนะ แต่ขอถามก็แล้วกัน ว่ามาหาฉันหรือเปล่า?” เสียงแข็งกว่าเดิมเสียอีก “ฉันแค่จะมาถาม ว่าทำแบบนั้นไปทำไม?” อัลดีนก้าวเท้าเข้าไปใกล้อีกหน่อย แต่เธอกลับถอยห่าง จึงทำได้แค่หยุดช่างว่างระหว่างทั้งคู่เอาไว้ที่ห้าเมตร “เป็นการเรียกร้องความสนใจแบบใหม่เหรอ?” ถึงกับทำให้ไรรี่ย์คิ้วกระตุก รีบสะบัดหน้ามาประจันกับคนมั่นใจในตัวเองมากเกินไปทันที ก่อนจะเดินเข้าไปหาเขาโดยไม่รู้ตัว “เดี๋ยวก่อนสิคะ คุณอัลดีน…” “แล้วไอ้เรียกคุณนี่อีก ทำไมจู่ ๆ ถึงอยากมีมารยาทขึ้นมาล่ะ?” เขากระดกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ส่ายหัวเบา ๆ และเบือนใบหน้าออก “ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ เธอดูจะไร้มารยาทที่สุด” “แล้วจะตามมาทำไมไม่ทราบ?” เป็นคำถามที่ทำให้อัลดีนหุบยิ้มทันที เริ่มมุ่นคิ้วเข้มอีกครั้ง เธอเปลี่ยนไปในชั่วข้ามคืนได้อย่างไรกัน ราวกับว่า… “ถ้ารำคาญกันขนาดนั้น ก็กลับไปสิคะ คุณอัลดีนก็ไม่อยากเห็นหน้าฉันอยู่แล้ว ปากบอกเองว่ารังเกียจ ๆ แล้วจะตามมาทำไม กลับไปบ้านของคุณสิ ฉันสัญญา ว่าจะไม่ไปยุ่งวุ่นวายกับคุณอีก” … ไม่ใช่ไรรี่ย์ “เธอเป็นใคร?” เขาถามขึ้น ทำเอาหญิงสาวถึงกับชะงัก “จะใครเสียอีกล่ะ ก็ไรรี่ย์ไง คิดว่าฉันจะเป็นใครไปได้” ไรรี่ย์รีบเบี่ยงสายตาหลบ ทั้ง ๆ ที่ตัวเองไม่ได้โกหกเขาแท้ ๆ แต่เพราะอะไรกัน ดวงตาสีนิลคู่นั้น กลับทำให้เธอรู้สึกอึดอัด ราวกับว่ามีมีดปลายแหลมมาจ่อที่คอ “ถ้าไม่มีธุระอะไรก็รีบกลับไปเถอะค่ะ ฉันหิวข้าวแล้ว” และอีกเหตุผลสำคัญ เหมือนน้ำตามันจะไหลออกมาอีกครั้ง ทำไมกัน ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้สึกรัก แต่กลับเศร้าทุกครั้งที่เห็นหน้าชายคนนี้ “กลับไปเถอะค่ะ ไปใช้ชีวิตของคุณเถอะ จะไม่มียัยผู้หญิงหน้าโง่ไปตามรังควานคุณอีก คราวนี้คุณจะได้ใช้ชีวิตกับคนที่คุณรักได้เสียที ส่วนฉัน ก็จะใช้ชีวิตของฉัน สักวันคงเจอคนที่เข้ากันได้ ขอโทษสำหรับทุกสิ่งที่ผ่านมา ฉันมันเป็นผู้หญิงที่ไร้ยางอาย ไร้มารยาท ไร้จิตสำนึก เฮ้อ~ พอพูดเองยังรู้สึกแย่เลย ไม่รู้ว่าทนฟังคุณพูดมาได้ยังไงตั้งหลายปี แต่เอาเถอะ ต่างคนต่างอยู่นั่นแหละ ดีที่สุดแล้ว” เสียงถอนหายใจดังออกมาอีกครั้ง ไรรี่ย์กลับหลังหันและกำลังเดินออกไป น้ำตาที่พยายามกลั้น กลับไหลออกมาเสียได้ ให้ตายเถอะ ทั้ง ๆ ที่จะอยากจะตอกหน้าผู้ชายคนนี้ให้เจ็บแสบ แต่ทุกอย่างกลับมาลงที่ตัวเองทั้งหมด เพราะลองค้นดูในความทรงจำ ไรรี่ย์คนนั้น ไม่มีดีอะไรสักอย่าง จะมีหน้าไปว่าเขาได้อย่างไร อัลดีนมองตามหลังหญิงสาวจนเธอลับสายตา ความสงสัยยังคงท่วมท้นอยู่ในใจ ไรรี่ย์คนนั้นราวกับไม่ใช่คนเดิมที่รู้จัก ไม่สิ ราวกับว่าเหมือนเด็กคนนั้นมากกว่า เด็กหญิงที่เป็นรักแรกของเขา ทั้งร่าเริง สดใส ช่างพูด... ไรรี่ย์ แรนเดอร์โค วัยสิบปีคนนั้น สุดท้ายมีแต่ต้องเดินคอตกกลับไปหาแม่ของตน อัลดีนขมวดคิ้วตลอดทาง ซึ่งคนที่ควรจะดีใจมากที่สุดในเรื่องนี้คือตัวของเขาเอง แต่ใบหน้ากลับไม่เป็นอย่างนั้นเลย แม้จะเล็กน้อย แต่คราบน้ำตาที่แก้มของเธอ มันยังติดอยู่ในความรู้สึกไม่จางหาย เพราะอะไรกัน ความรู้สึกที่น่าจะฝังลึกไปแล้ว ถึงมาโผล่เอาเวลานี่ “ดีน” เสียงกดต่ำทำให้รู้ว่าไม่สบอารมณ์ของเอเรน่าลอยมา อัลดีนเงยหน้ามองจากพื้นหินอ่อนจนได้ ไม่รู้ตัวเลยว่าเดินไกลมาถึงห้องโถงของบ้านหลังโตเสียแล้ว “ไปไหนมา” “เดินเล่นครับ” “แกนี่!” อยากจะฟาดลูกชายสักที แต่ก็เกรงใจเจ้าของบ้าน เธอกำลังเดินยิ้มมาใกล้พร้อมของที่สัญญาเอาไว้ “เยอะขนาดนี้เชียวหรือ น้องเรเชล” เรเชลหันไปมองลังขนาดใหญ่ มันอัดแน่นไปด้วยชาผลไม้ทุกรสและทุกกลิ่นนำมาให้เอเรน่า ตอนแรกก็ว่าจะให้น้อยกว่านี้ แต่พอเห็นลูกสาวเสียมารยาทใส่ เธอเลยเพิ่มให้อีกเป็นเท่าตัว “ค่ะ ช่วยรับไปด้วยนะคะ ขอโทษที่ไรรี่ย์ทำตัวเสียมารยาทไปหน่อย” “คนที่เสียมารยาทก่อนคือทางนี้ต่างหากล่ะ” พอคิดแบบนี้ ไม่วายจะหันไปตวัดสายตาใส่ลูกชายอีกครั้ง “แต่เอาเถอะ เอาไว้ให้หนูไรรี่ย์อารมณ์ดี ๆ ก่อน แล้วค่อย…” “อย่าหาว่าน้องอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะคะพี่เอเรน่า แม้จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นมาตลอดเรื่องของไรรี่ย์กับอัลดีน แต่พอลูกพูดออกมาแบบนี้ น้องก็เห็นด้วยเช่นกัน บางที เราเป็นแค่พี่น้องกันอย่างแต่ก่อนก็ได้นะคะ เรื่องธุรกิจ หรือตระกูลอะไรนั่น น้องมองว่ามันเป็นเรื่องรอง เพราะถ้าไรรี่ย์ต้องการแบบนั้น น้องจะไม่ขัดลูกเลยค่ะ” ใบหน้าของเรเชลเต็มไปด้วยความกลุ้มใจ เธอรู้ดีว่าเอเรน่าพยายามแค่ไหนที่จะจับคู่ให้ลูกชายกับลูกสาวของเธอ แต่นั่น มันกลับทำให้ไรรี่ย์เหมือนผู้ชนะตลอดเวลา ทั้ง ๆ ที่อัลดีนไม่ได้มองเธอแบบคนรักเลยสักครั้ง “พี่เข้าใจแล้ว ขอโทษนะเรเชล ที่พี่ทำอะไรตามใจไปหน่อย” เอเรน่าหน้าเจื่อนลง ก่อนจะเปิดยิ้มเล็กน้อย “วันนี่พี่กลับก่อนหน้า เอาไว้วันหลัง พี่จะมาเยี่ยมใหม่… คนเดียว” คิดว่าตอนนี้ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนโดนโกรธเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แขกวันนี้กลับไป แม้จะทำให้บรรยากาศอึมครึมเบาลงบ้าง แต่คนเป็นแม่มีหรือจะไม่ห่วงลูกสาว หันไปหาสาวรับใช้ข้างกายด้วยท่าทีเหนื่อยอ่อน “ไรรี่ย์เป็นอย่างไรบ้าง?” “เออ…” สาวรับใช้ลังเลที่จะพูด เพราะมันอาจจะดูผิดคาดไปหน่อย “… คุณหนูหิว เลยไปหาอะไรทานในครัวแล้วค่ะ” เรเชลอ้าปากค้างไปชั่วครู่ ก่อนจะหัวเราะออกมาเบา ๆ “ให้ตายสิ สงสัยฉันเป็นห่วงเกินไปสินะ แต่เอาเถอะ ไปตั้งโต๊ะเร็วขึ้นหน่อย แล้วพาคุณหนูออกมานั่งรอดี ๆ นะ” “ได้ค่ะคุณนาย” บรรยากาศแสนอึดอัดหายไปทันตา เพราะความหิวของคุณหนูของบ้าน ต่างจากบนรถยนต์คันหรูลิบลับ เพราะตอนนี้ แม่ลูกกำลังเล่นสงครามประสาทกัน ใครพูดก่อนแพ้! “สมใจแกแล้วสินะ” เอเรน่าพูดก่อน แต่เหมือนการแพ้ครั้งนี้ จะสร้างแผลให้คนลูกไม่น้อย “คราวนี้แกจะไปแต่งงาน หรือไปคบกับใครก็ได้ แต่แม่ขออย่างเดียว เห็นแก่สกุลโดโนแวนด้วย” เสียงถอนหายใจออกมาทั้งดังและยาว ทำเอาคนเป็นแม่ตวัดสายตาไปหาทันที “ดีน!” “ตอนนี้เราไม่มีราชวงศ์แล้ว คุณแม่จะเอาเรื่องสกุล หรือเรื่องเชื้อสายมากำหนดชีวิตของผมทำไมครับ อย่างไร คนทั่วไปก็ไม่รู้อยู่ดี เห็นแค่ฉากหน้า คนที่ต้องรับผิดชอบทุกอย่างไม่ว่าจะเวลาไหน มันคือผมนะครับ” “แม่ก็แค่อยากให้แกมีคู่ชีวิตที่พอจะสนับสนุนแกได้” “แล้วแค่นี้มันไม่พอหรือครับ ทั้งธุรกิจ ทั้งเรื่องการเมือง คุณแม่จะให้โดโนแวนครองโลกเลยหรือครับ?” อัลดีนขมวดคิ้วแน่น หันไปสบตาแม่ตัวเองอย่างอาจหาญ “แค่กินอิ่มนอนหลับมันก็น่าจะเพียงพอแล้ว เราโชคดีกว่าคนทั่วไปด้วยซ้ำนะครับ” เอเราน่าพยักหน้าหลายครั้ง และเบือนหน้าหนีลูกชายหัวดื้อ “สงสัย การที่แม่ยอมให้พ่อทำตามใจในตอนนั้น คงเป็นเรื่องที่ตัดสินใจผิดที่สุดในชีวิต หากแม่เลี้ยงแกตลอดเวลา แกคงไม่คิดน้อยแบบนั้น ดีน!” “ผมแค่พูดตามหลักของความเป็นจริงเท่านั้นครับ” พูดแล้วก็เบือนหน้าหนี หลายครั้งที่ทั้งคู่ทะเลาะกัน และมันก็มีแต่เรื่องเดิม ๆ เอเรน่ามาจากตระกูลเก่าแก่ที่สุด นั่นคือ ‘ไกอาร์’ ซึ่งได้ชื่อว่าเข้มงวด และมีระเบียบที่สุด แม้จะเป็นตระกูลเล็ก ๆ แต่กลับคุมอำนาจทางตอนเหนือเกือบทั้งหมด แม้จะมีตระกูล ‘ไคลูม’ อยู่ก็ตาม รถยนต์วิ่งมาจอดที่หน้าบ้านโดโนแวน ทั้ง ๆ ที่เพิ่งไปได้ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น เอเรน่าลงจากรถและสะบัดตัวเดินเข้าบ้านหลังใหญ่ทันที ทำเอาลูกชายส่ายหน้ากับความเอาแต่ใจของเธอ แต่เมื่อเข้ามา กลับทำให้ความหงุดหงิดที่มีอยู่แล้วทวีคูณขึ้น หญิงสาวหน้าตาน่ารัก ลุกขึ้นมองพร้อมรอยยิ้ม เธอราวกับดอกไม้ ทั้งดูน่าทะนุถนอม ผมบลอนด์ยาวสยายเต็มกลางหลัง เหมือนตุ๊กตาไม่ผิดเพี้ยน ดวงตากลมโตราวกับดวงดาวทอระยับด้านใน หากบอกว่าเธอเป็นเทพีแห่งความงาม คงมีคนเชื่อหลายคน อีกทั้งน้ำเสียงแสนอ่อนหวาน กำลังเปล่งออกมาอย่างนุ่มนวล “สวัสดีค่ะคุณป้า วันนี้โซเฟียเอาชาตัวใหม่มาให้ค่ะ เห็นว่าใช้เวลาบ่มหลายปีเลย กลิ่นจึงหอมกว่าชาปกติมากเลยนะคะ” เธอโค้งตัวอย่างอ่อนน้อม และกรีดยิ้มให้ หากเธอไม่ได้มาจากตระกูลพ่อค้า เอเรน่าก็อยากจะรับมาเป็นลูกสะใภ้อยู่หรอก แต่มันไม่ใช่แค่นั้น เพราะในสายตาของคนซึ่งอยู่กับความเป็นและความตายมาหลายปี ความทะเยอทะยานของตระกูลของ ‘โซเฟีย แคลร์’ มันมากเกินไปจนน่ากลัว “ขอบใจนะ” แต่เอเรน่าไม่ได้รังเกียจเธอ เปิดยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ก่อนจะเสสายตาไปมองลังกระดาษกำลังถูกยกเข้ามา ซึ่งด้านในเต็มไปด้วยชาผลไม้จากบ้านแรนเดอร์โค “ป้าเพิ่งได้ชาจากบ้านแรนเดอร์โคมา วันนี้มีแต่คนให้ชาว่ามั้ย” “ค่ะ” โซเฟียยังคงยิ้มรับ แม้จะรู้สึกหน้าเสียที่ชาของตัวเอง มีแค่หนึ่งกระป๋อง คงเทียบกับชายราคาแพงหนึ่งลังไม่ได้ “อ้าว โซเฟีย มาตั้งแต่เมื่อไหร่?” อีกคนเดินเข้ามาพร้อมทักทายอย่างคนคุ้นเคย พร้อมเปิดยิ้มเข้าไปหาเธอ โดยไม่สนใจสายตาของแม่ตนสักเท่าไหร่ “รอนานหรือเปล่า ทำไมไม่โทร. มาก่อนล่ะ?” “ไม่นานเลยค่ะ” คนเด็กกว่ายิ้มกว้างกว่าเดิม หันไปหยิบกล่องซูเปอร์แวร์และยื่นให้ชายตรงหน้าด้วยรอยยิ้มเหมือนเดิม “โซเฟียอบขนมมาให้ เอาไว้ทานกับชาด้วย พี่ดีนจะทานเลยหรือเปล่าคะ โซเฟียจะได้ไปจัดใส่จานให้” “เอาสิ พี่ยังไม่ได้ทานอะไรเลย” เอเรน่ายังคงมองดูเด็กทั้งสองด้วยความเคลือบแคลงใจ ไม่อยากรับเด็กคนนั้นมาเป็นสะใภ้เลย แต่การที่ไรรี่ย์พูดออกมาแบบนั้น มันไม่เท่ากับว่า ตัวเลือกที่ดีที่สุดได้หายไปแล้วหรือ “นิกซ์” เธอเอ่ยเรียกชายในเงามืด เพียงครู่เขาจึงปรากฏข้างกายดั่งสายลม “ช่วยสืบเรื่องตระกูลแคลร์ให้ฉันหน่อย รวมไปถึงซามีร์ พ่อของเธอด้วย” “ครับ นายหญิง” แม้ว่าการทำแบบนี้ อัลดีนอาจจะโกรธเธอมากกว่าเดิมก็เถอะ แต่สำหรับคนเป็นแม่แล้ว หากมีเรื่องไหนคาใจ เธอไม่อยากปล่อยลูกชายไปกับเธอสักเท่าไหร่เลย... “โซเฟีย แคลร์”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD