แพรวพรรณอึกอักอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะโพล่งออกไป
“คือแพรวฝากท้องแล้วน่ะค่ะ” เธอกลับลำ เขาหรี่ตามองทันที
“เมื่อไหร่แล้วครับ”
“ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันค่ะ”
“งั้นหมอนัดตรวจท้องวันไหนอีกครับ พี่จะพาไปหาหมอ”
“ให้ลุงปลั่งพาไปก็ได้ค่ะ”
“พี่อยากไปด้วยครับ”
“แพรวจำไม่ได้น่ะค่ะ เดี๋ยวจะบอกพี่อิฐอีกทีนะคะ”
“แจ้งพี่ก่อนล่วงหน้านะครับ จะได้เตรียมตัว”
“ค่ะ” เธอรับคำใบหน้าจืดเจื่อน
“คืนนี้พี่ไปงานเลี้ยงไร่ข้าง ๆ แพรวเตรียมตัวเอาไว้นะครับ ตอนเย็นพี่กลับมาจากไร่ จะได้ไปพร้อมกัน”
“แพรวรู้สึกปวดหัวน่ะค่ะ ขอไม่ไปได้ไหมคะ” ตอนนี้เธอไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรทั้งนั้น ไม่อยากไปไหนมาไหนกับเขาด้วย กลัวหลุดจนมีพิรุธโดนจับได้
“เป็นอะไรมากหรือเปล่า”
“ไม่ค่ะ แค่เพลีย ๆ” เธอบอกเขาเสียงเนือย ๆ ที่เสียงเป็นแบบนั้นเพราะอ่อนล้ากับความรู้สึกของตัวเอง มันไม่สบายใจนั่นเอง
“ไปหาหมอไหม”
“นอนพักเดี๋ยวก็คงหายค่ะ พี่อิฐไม่ว่าอะไรแพรวใช่ไหมคะ ที่แพรวไม่ได้ไปด้วย”
“ไม่ว่าครับ แล้วแพรวไปฝากท้องกับหมอคนไหนครับ”
“หมอ... หมอ... เอ่อ... หมอวิศรุตค่ะ หมอวิศรุต” เธอโกหกคำโต อึกอักนึกชื่อหมออยู่นาน
แต่คิดว่าคงไม่มีอะไรหรอก สามีของเธอคงไม่บังเอิญเจอกับหมอวิศรุต โลกคงไม่กลมขนาดนั้น จริงไหม?
ในตอนเย็นอิฐต้องไปงานเลี้ยงคนเดียว แต่เขาคิดว่าจะอยู่แค่ประเดี๋ยวเดียว เพราะนึกเป็นห่วงภรรยา เธอนอนซมทั้งวัน สาวใช้บอกว่าไม่ยอมออกจากห้อง เขาคิดว่าจะกลับไปดูเธอ ถ้าอาการไม่ดีขึ้นจะได้พาไปหาหมอเสียเลย
เขาคอยโทรมาถามอาการของเธอตลอดทั้งวัน เธอบอกว่าไม่เป็นอะไร แค่เพลีย ๆ เขาก็โล่งใจไปเปลาะหนึ่ง แต่ก็ไม่ทั้งหมด ถ้าอาการของเธอไม่ดีขึ้น ดื้ออย่างไรก็จะอุ้มไปหาหมอให้จงได้
อิฐขอตัวเจ้าของงานกลับเมื่อมาร่วมแสดงความยินดีเรียบร้อยแล้ว เขาเดินออกจากงาน ก่อนจะชนกับร่างผอมเพรียวของใครคนหนึ่งเข้า
“ขอโทษครับ” เขากล่าวขอโทษอย่างสุภาพ
พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นหน้าหมอวิศรุต เขารู้ว่าหมอคนนี้เป็นหมอสูตินารีเวช แต่ไม่เคยคุยด้วยเท่านั้น เนื่องจากคุณหมอทำงานในโรงพยาบาลและเปิดคลินิกอยู่ในตัวเมืองจึงเคยเห็นอยู่บ้าง
“ไม่เป็นไรครับ” หมอวิศรุตตอบแบบไม่ถือสา
“อ้าว... คุณหมอนั่นเอง เห็นภรรยาผมบอกว่าไปฝากท้องกับคุณหมอ เมื่อหลายวันก่อน รอบหน้าผมพาเธอไปตรวจครรภ์คงได้เจอกับคุณหมออีกนะครับ” อิฐยิ้มให้อีกฝ่าย ดีใจที่ได้เจอกับหมอประจำตัวของภรรยา
“ฝากท้องอะไรกันครับ คุณเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า”
อิฐเปิดประตูเข้าห้องนอนด้วยสภาพเมามาย กลิ่นเหล้าฉุนกึกที่กระทบกับจมูกทำให้แพรวพรรณต้องเบี่ยงหลบ ปากและจมูกร้อน ๆ ของสามีสัมผัสเธอทั่วใบหน้า
“พี่อิฐ อื้อ... กลับมาแล้วเหรอคะ ทำไมกลิ่นเหล้าหึ่งขนาดนี้” เธอดันใบหน้าเขาออกห่าง แต่เขาตะโบมจูบลงมาอย่างหนักหน่วง
แพรวพรรณดิ้นหนีอย่างตกใจ ผลักเขาไปอีกด้าน อิฐยอมปล่อย เขามองภรรยาผ่านแสงสลัวของโคมไฟ
“พี่อิฐ มองแพรวแบบนั้นทำไมคะ”
“วันนี้พี่เจอหมอวิศรุตที่งานเลี้ยงด้วย”
“หมอวิศรุตทำไมคะ” เธอทำหน้างง ก่อนจะอ้าปากค้าง
“โกหกทุกเรื่องเลยใช่ไหม”
“คือว่าแพรว...” แพรวพรรณอึกอักอ้ำอึ้ง
“ทำแบบนี้ทำไม” น้ำเสียงของเขาดูเย็นชา แพรวพรรณหน้าซีด ก่อนจะเอาความโกรธเข้ามากลบเกลื่อนเรื่องที่ตัวเองทำผิดเอาไว้
“พี่อย่ามาหาเรื่องแพรวนะ”
“พี่เคยหาเรื่องแพรวเหรอ”
“พี่เป็นคู่หมั้นของแพรว แต่ไปรักไปชอบคนอื่น แถมเขายังเป็นเพื่อนแพรว พี่ทำได้ยังไง ตอบแพรวมาหน่อย ตอบมา! ว่าทำร้ายจิตใจแพรวแบบนี้ได้ยังไงกัน” เธอโผเข้าหาเขาทุบตีอย่างเจ็บแค้นใจ ร้องไห้สะอื้นกับอกกว้างของเขา
เขาเชยคางสาวให้แหงนขึ้นสบตาก่อนจะบดจูบลงไปเต็มเหนี่ยว เธอดิ้นรนทุบตีแผ่นหลังของเขา ก่อนจะแน่นิ่งไป รู้ตัวอีกทีก็ถูกกดลงบนเตียงนอนหนานุ่ม
อิฐทิ้งตัวลงนอนบนเตียงข้าง ๆ เขาเอามือก่ายหน้าผาก อาการชะงักของเขาทำแพรวพรรณเม้มปากแน่น
“พี่อิฐรังเกียจแพรวเหรอคะ” เงียบไม่มีเสียงตอบ เขานอนหลับตาเหมือนกำลังใช้ความคิด ถึงจะเมาแต่เธอก็รู้ว่าเขามีสติ
“ตอบแพรวมาสิ” ไม่ได้อยากโวยวาย แต่เธอทนไม่ไหว ทุบตีเขาไม่ยั้ง
เขารวบมือเธอเอาไว้มองด้วยสายตาลุกวาบ แพรวพรรณเม้มปากแน่น คนพูดน้อยเงียบเสียงไป แม้จะเมาแต่อิฐก็ไม่พูดมาก เธอรู้จักนิสัยข้อนี้ของเขาดี ผู้ชายบางคนเมาแล้วพูดมาก แต่อิฐยิ่งเมายิ่งไม่พูด เขาจะหลับไปเอง
อิฐยังเงียบ เขารู้ดีว่าเอ็นดูคู่หมั้นสาวเหมือนน้องคนหนึ่ง ไม่ถึงกับรับเธอเป็นภรรยาไม่ได้ แต่ตอนหมั้นกันนั้นยังเด็กนัก พอเจริญวัยขึ้น เขาก็ไม่ได้คิดกับเธอเหมือนคนรักทั่วไป ยิ่งเธอตามติดเขามากเท่าไหร่ เขายิ่งรู้สึกอยากหนี แต่เพราะนิตยาพูดให้เขาเปิดใจ เขาชอบนิตยาน่ะใช่ แต่ยังไม่ถึงกับรัก ที่เขายอมแต่งงานกับแพรวพรรณเพราะเธอบอกว่าท้อง และเขาก็เป็นลูกผู้ชายพอที่จะรับผิดชอบ คิดว่าการอยู่กันไปและปรับตัวเข้าหากันอาจจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น
“เรื่องแค่นี้แพรวยังโกหก ต่อไปก็คงหาเรื่องอื่นมาโกหกอีก” เขาพลิกกายหนี แพรวพรรณเม้มปากแน่น
“พี่อิฐหันมาคุยกันให้เข้าใจเดี๋ยวนี้นะคะ จะหันหลังใส่แพรวแบบนี้ไม่ได้นะ” ยิ่งเขาไม่อยากคุยกับเธอ แพรวพรรณยิ่งอยากเอาชนะ
“พี่อิฐ หันมาคุยกับแพรวเดี๋ยวนี้ คุยกันให้รู้เรื่อง” เธอกระชากไหล่กว้างของเขา
“ยังไม่สำนึกอีกนะว่าตัวเองทำอะไรผิด” เสียงเขาพูดอย่างเบื่อหน่าย แพรวพรรณเม้มปากอย่างเอาแต่ใจ
“พี่อิฐทำผิดกับแพรวก่อน”
“พี่ให้โอกาสแพรวได้คิด ไม่ใช่เอาแต่ใจแบบนี้ พี่ไม่เคยใช้ความเป็นคู่หมั้นล่วงเกินแพรวแล้วพอไปเจอผู้หญิงคนใหม่ก็คิดจะทิ้ง พี่ให้เกียรติแพรวเสมอ”
“ให้เกียรติแพรวเหรอ” เธอทวนคำของเขา สติขาดผึง เพราะเขาให้เกียรติเลยจะทิ้ง แต่พอเข้าใจว่าเธอท้องเลยจะแต่งงานด้วยอย่างนั้นเหรอ หญิงสาวถอดเสื้อผ้าออกจากกาย เขามีอารมณ์กับเธอนี่นา ถ้าเธอแก้ผ้าเขายังจะเป็นสุภาพบุรุษอยู่อีกไหม
“ทำอะไรน่ะแพรว” คนเมาแทบสร่างเมาเมื่อเห็นคนตรงหน้ากระชากเสื้อผ้าออกจากกาย ไม่นานก็เปลือยเปล่า เขาห้ามไม่ทัน และได้แต่นิ่งอึ้ง
“พี่อิฐเป็นสุภาพบุรุษใช่ไหมคะ” เธอโผเข้ากอดเขาทั้งยังเปลือยเปล่า อิฐดึงร่างเปลือยออกห่าง
“อย่าทำแบบนี้แพรว”
“ไม่เคยรักแพรวเลยใช่ไหม ขนาดแก้ผ้าก็ไม่เอาเหรอคะ แพรวขี้เหร่ตรงไหน นิสัยไม่ดียังไง พี่อิฐถึงรังเกียจแพรวแบบนี้ ตอบมาสิ” เธอบดจูบเขาแบบบ้าคลั่ง อิฐสบถ เขาผลักร่างน้อยจนล้มไปบนเตียงกว้าง
“มีสติหน่อยสิแพรว” เขาเดินหนี มองเธออย่างดุดัน แพรวพรรณร้องไห้ ก่อนจะปาดน้ำตาทิ้ง
“พี่อิฐไม่เอา งั้นแพรวไปนอนกับคนขับรถ คนสวน คนงานก็ได้” คนบ้าเลือดเดินหลุน ๆ ไปที่ประตูห้อง อิฐตามไปกระชากร่างของเธอ กอดเอวบางอุ้มกลับมากดลงบนเตียงกว้าง
“หยุดนะแพรวพรรณ”
“อย่ามายุ่งกับแพรว”
“ทำอะไรไม่มียางอาย” แพรวพรรณเม้มปากแน่น ตัวสั่นระริก โถมร่างเข้าหาเขาอย่างโมโห
“พี่อิฐไม่ได้ตายด้าน ก็ลองดูว่าใครจะชนะ” เธอไม่ยอมแพ้ โผเข้าหาเขา ถอดเสื้อผ้าเขาออก อิฐรวบผมของเธอ ก่อนจะพาไปยังห้องน้ำและเปิดน้ำฝักบัวรดไปทั้งร่างของเธอ
“มีสติหรือยัง” เขาเอ่ยถาม ในขณะที่เธอกอดตัวเองร้องไห้เบา ๆ
“พี่จะหย่ากับแพรวใช่ไหมคะ” เธอเงยหน้ามองเขาดวงตาแดงก่ำ
อิฐมองภรรยานิ่ง ดวงตาของเขาอ่านยาก เธอกะพริบตาก้มงุด รู้สึกสมเพชตัวเองอย่างที่สุด
“รังเกียจอะไรแพรวนักหนา แพรวแค่อยากให้คนอื่นรู้ว่าพี่อิฐเป็นของแพรว” เธอชอบแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ เขาเลยรำคาญอย่างนั้นเหรอ เธอกัดปากตัวเอง อยากจะเอ่ยว่าต่อไปจะทำตัวดี ๆ แต่ปากขยับไม่ออก มันอดสูใจอย่างประหลาด