-ห้องพยาบาล-
ครูประจำห้องพยาบาลจัดการทำแผลให้กับเดือนเต็มจนเรียบร้อย โชคดีที่แผลไม่ได้ใหญ่จนถึงขั้นต้องเย็บ ไม่อย่างนั้นต้องส่งไปโรงพยาบาลเป็นแน่
“ขอบใจนะสิงห์ เราลำบากสิงห์อีกแล้ว” เดือนเต็มหันไปบอกกับเพื่อนที่นั่งชะเง้อมองดูอยู่ไกล ๆ ตอนแรกเขาก็ไม่ได้รู้สึกอะไรหรอก จนมาส่งเดือนเต็มถึงห้องพยาบาลถึงนึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองกลัวเลือด พอเห็นเลือดมาก ๆ เข้าก็เกิดจะวูบเอาดื้อ ๆ
“เออ กูทำดีหวังผล กูแค่จะขอลอกการบ้านมึงทุกวัน” พูดออกไปตามนิสัย ทั้งที่ตนเองรู้สึกจะเป็นลมบางระลอก
“เราอยากให้สิงห์มาทำกับเรามากกว่า เราจะได้ช่วยสอนให้ จะได้สอบได้”
“โอ๊ย!! สอนไปก็ไม่จำหรอก สมองกูมันฝ่อตั้งแต่อยู่ในท้องแม่แล้ว” ห้าวหาญยังคงปฏิเสธเสียงแข็ง “แล้วยังเจ็บอยู่มั้ย”
เห็นท่าไม่ดีคนหัวไวจึงพาเปลี่ยนมาเรื่องแผล เบนความสนใจจากเรื่องการบ้านที่เดือนเต็มอยากที่จะสอน เขาขี้เกียจจะต่อล้อต่อเถียงกับเดือนเต็มเรื่องนี้ พูดจนปากจะฉีกเจ้าหล่อนก็ไม่เคยเข้าใจ
“ดีขึ้นเยอะแล้ว เสื้อนี่เดี๋ยวเราให้แม่เราซื้อใช้นะ มันพันที่...เอ่อ...เท้าไปแล้ว อีกอย่างเลือดคงจะซักออกยาก”
“โอ๊ย!! ไม่เป็นไรเสื้อกูมีเป็นเข่ง รุ่นพี่ให้ไว้ใส่ไม่หวาดไม่ไหว”
“ไม่ได้หรอก ไม่งั้นเราคงรู้สึกผิดแย่”
“เอางี้ก็แล้วกัน ถ้าอยากชดใช้เปลี่ยนเป็นน้ำเต้าหู้ร้านป้าแป๋วถุงนึง” เขาตื่นไม่เคยทันป้าแป๋วเลยขายหมดก่อนตลอด แต่เดือนเต็มมาเรียนแต่เช้าน่าจะทันซื้อ เขาเพียงอยากให้เดือนเต็มทำอะไรที่มันไม่มากเกินไป เสื้อตัวหนึ่งไม่ใช่บาทสองบาทไม่อยากรบกวนขนาดนั้น อีกอย่างที่ช่วยนี่ก็เต็มใจ เขาทนเห็นแม่เดือนเต็มของเขานั่งร้องไห้น้ำตานองไม่ได้หรอก หากว่าเจ็บแทนได้เขาก็อยากจะเจ็บแทนเหลือเกิน...
ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์แผลของเดือนเต็มเริ่มเข้าที่เข้าทาง ดีที่ช่วงเจ็บแผลมีเพื่อน ๆ และห้าวหาญคอยช่วยประคองเวลาไปไหนมาไหน จนตอนนี้เริ่มเดินได้ปกติแล้ว เด็กชายที่ดูเหมือนจะเกเรในสายตาคนอื่นก็คอยเอาใจใส่ดูแล ไม่ว่าเดือนเต็มจะพูดบอกว่าเกรงใจแค่ไหนก็ตาม
สัปดาห์ของการประชุมผู้ปกครองเป็นหนึ่งในเรื่องเดือดร้อนของเด็กเกเร ซึ่งหนึ่งในเด็กที่ต้องเป็นเดือดเป็นร้อนแน่ ๆ ก็คือห้าวหาญ ครูจะรายงานพฤติกรรมของเด็กเกเรให้พ่อแม่ได้ฟังอย่างละเอียด และห้าวหาญก็คงโดนแม่ต่อว่าแน่
“กูจะทำไงดีวะ ถ้าแม่รู้ว่ากูไม่ค่อยส่งการบ้านได้ด่ากูเปิงแน่” ห้าวหาญบ่นกับเพื่อน ๆ ที่จับกลุ่มนั่งคุยกันระหว่างรอพ่อแม่เข้าประชุม หลังจากครูคุยกับพ่อแม่เรียบร้อยแล้วถึงจะส่งสัญญาณเรียกเด็ก ๆ เข้าไปในห้องอีกที
“กูก็ไม่ต่างกัน ยิ่งถ้าแม่รู้ว่ากูเอาตังค์ไปซื้อหนังสือการ์ตูน แถมซื้อมายังโดนครูยึดอีก แม่ได้หักค่าขนมกูแน่ ๆ ” วิชิตรเสริมขึ้นบ้างอย่างเป็นเดือดเป็นร้อน
“ไม่อยากโดนแม่ด่าพวกมึงก็ทำตัวให้มันดีดีสิวะ ดูอีเดือนเต็ม อีแจงจิตสิ ได้รางวัลนักเรียนดีเด่นมาตั้งแต่ตอนประถม ขึ้น ม.1 มาแล้วมันก็ยังได้” แววดาวเสริมต่อ
“เออ แต่อีเดือนมันก็สวยดีนะ เรียนก็เก่ง บ้านก็รวย มีรุ่นพี่มาจีบบ้างไหมวะ” พรเพ็ญมองดูสาวน้อยที่นั่งหัวเราะร่วนอยู่กลางวงสนทนาของอีกกลุ่ม เป็นกลุ่มรวมดาวเด่นที่ทั้งเรียนเก่งและครอบครัวมีฐานะ พลางพูดเชยชมขึ้น
“แบบนั้นเหรอสวย ใครชอบมันก็ตาบอดแล้ว” ห้าวหาญรีบแย้งขึ้นทันทีทันใด
“มึงสิตาบอดให้สิงห์ อีเดือนน่ะเหรอไม่สวย ขาวอย่างกับไข่ปลอก แก้มป่อง ๆ เหมือนซาลาเปา แถมหน้าอก โอ๊ย....”
“นี่หน้าอก หน้าอกเหรอ ทะลึ่งนะมึง” วิชิตรไม่ทันได้พูดจนจบบาทาของเพื่อนที่นั่งฟังเขาบรรยายพร้อมทำท่าประกอบก็ยันเข้าที่เอวด้านซ้าย จนทำให้เขาหงายลงไปนอนอยู่บนพื้น
“ไอ้สิงห์มึงถีบกูทำไม?” วิชิตรลุกขึ้นแล้วหันไปโวยใส่เพื่อน แต่ห้าวหาญกลับทำไม่รู้ไม่ชี้เฉไฉมองไปทางอื่น ประหนึ่งว่าเสียงของวิชิตรเป็นเพียงแค่เสียงนกเสียงกา
“น้องชื่อเดือนใช่ไหมคะ” สาวมอปลายคนหนึ่งเดินตรงเข้ามาในกลุ่มของเดือนเต็ม ก่อนจะเอ่ยถามคนที่นั่งอยู่กลางวงด้วยน้ำเสียงสุภาพน่าฟัง
“ใช่ค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“คือเพื่อนพี่ฝากของมาให้น่ะ” รุ่นพี่ยื่นปากกาลูกลื่นสีชมพูส่วนปลายประดับด้วยดินปั้นรูปหัวใจสีแดง เขียนข้อความภาษาอังกฤษเล็ก ๆ ไว้กลางหัวใจว่า I Love You
“หู๊ย....เดือน นั่นพี่ขวัญ เพื่อนกลุ่มพี่ธนาที่เป็นสภานักเรียนเชียวนะ” เด็กสาวคนหนึ่งในกลุ่มพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ท่าทีดีใจราวกับตนเองที่เป็นคนได้เสียอย่างนั้น
“แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพี่ธนาจะเป็นคนฝากมาสักหน่อย ในสภามีผู้ชายตั้งหลายคน” สาวน้อยอีกคนแย้งขึ้น
“จะใครก็ช่างเถอะ อิจฉาเดือนจังมีรุ่นพี่มาจีบด้วย”
“เขาแค่เอาปากกามาให้เอง ไม่เห็นจะจีบตรงไหนเลย” เดือนเต็มพูดอย่างถ่อมตัว แต่หารู้ไม่ว่าเพื่อนคนอื่น ๆ กลับมองในแง่ลบด้วยความริษยา
“แหมเดือนปากกาที่มีรูปหัวใจอยู่บนหัว แถมเขียนว่า I Love You เนี่ยเหรอจะไม่ใช่จีบ” แก้มขาวเนียนแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย เกิดมาเป็นผู้หญิงเมื่อถูกจีบก็ต้องเขินเป็นธรรมดา