ในคาบเรียนวิชาการงานอาชีพฯตอนบ่ายควบ 2 ชั่วโมง ดูจะเป็นสวรรค์เล็ก ๆ ของหนุ่ม ๆ ถึงบทการเกษตรในครัวเรือน ครูให้เด็ก ๆ แบ่งกลุ่มเพื่อปลูกผักกลุ่มละหนึ่งแปลง แต่ละกลุ่มก็จะมีผู้ชายที่ต้องลงแรงมากเป็นพิเศษเพื่อขุดดินยกแปลง สาว ๆ ก็จะแบ่งกันไปทำอย่างอื่นผลัดเปลี่ยนช่วยผู้ชายขุดดินบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ ในกลุ่มของเดือนเต็มนั้นประกอบด้วยตัวท็อปของห้องเป็นผู้หญิงสามและผู้ชายอีกสอง แต่ปัญหาก็คือผู้ชายที่ได้มานั้นเป็นผู้ชายทรงสำอางอ้อนแอ้นไปเสียหนึ่ง อีกคนก็เอวบางร่างน้อยเกินกว่าจะมาทำงานหนัก ๆ แบบนี้ได้
“มึงดูกลุ่มอีเดือนสิมันจะไหวไหม ไอ้นิพนธ์ก็เป็นตุ๊ด ไอ้เกรียงไกรก็เด็กขาดสารอาหาร แค่ยกจอบก็จะหมดแรงตายแล้ว” วิชิตรคู่ขาคนสนิทของห้าวหาญว่าพร้อมกับชี้มือไปที่แปลงผักของเดือนเต็ม
ห้าวหาญมองตามนิ้วของเพื่อนไปก็เห็นเดือนเต็มกำลังออกแรงขุดดินในท่าทางเหยาะ ๆ แหยะ ๆ ไม่ทะมัดทะแมง มันดูขัดหูขัดตาจนเขาต้องตัดสินใจเดินตรงเข้าไปเสนอตัวช่วย
“หาไส้เดือนกินหรือไง เขี่ย ๆ เป็นไก่ไม่มีข้าวเปลือกกิน เอาจอบมานี่” เขาว่าก่อนจะเอื้อมมือไปแย่งจอบจากมือของสาวน้อยที่ยืนหอบอยู่บนแปลงดิน
“กลุ่มตัวเองเสร็จแล้วหรือไง ถึงได้มาเสนอตัวช่วยคนอื่น” ถึงห้าวหาญจะเต็มใจแต่ความเกรงใจมันคือหนึ่งในส่วนประกอบของความเป็นเดือนเต็ม ในเมื่อครูแบ่งกลุ่มแต่ละกลุ่มให้เท่า ๆ กันแล้ว การที่ห้าวหาญมาช่วยกลุ่มของเธอมันก็เหมือนไปเอาเปรียบสมาชิกกลุ่มอื่น ๆ โดยเฉพาะกลุ่มของห้าวหาญ
“ยังจะมาปากดีขุดเหยาะแหยะแบบนี้ชาติไหนมึงถึงจะได้ปลูกวะอีเดือน ดูนี่!! กูมันแข็งแรงเป็นชายสมชาย ไม่ใช่เป็นตุ๊ดอย่างไอ้นิพนธ์ แล้วก็ไม่ได้ผอมจะขาดใจตายแบบไอ้เกรียงไกรด้วย” ห้าวหาญอวดสรรพคุณตัวเองไปพร้อมกับขุดดินบนแปลง มีเจ้าของแปลงยืนเอาใจช่วยอยู่ใกล้ ๆ
“ไอ้สิงห์ กลุ่มมึงยังไม่เสร็จเลยเสนอหน้าไปช่วยกลุ่มอื่น มึงกลับมาทำกลุ่มตัวเองเลยนะ” เสียงแววดาวร้องเรียก มันยิ่งทำให้เดือนเต็มเกรงใจ เป็นอย่างที่เธอคิดจริง ๆ งานของห้าวหาญยังไม่เสร็จจะมาช่วยเธอแบบนี้ไม่ได้ มือบางเอื้อมไปแย่งจอบจากมือของห้าวหาญมาถือไว้มั่น ตากลมใสจ้องมองใบหน้าดุดันเชิงขอร้อง เธอไม่อยากถูกมองว่าเอาเปรียบใคร
“กลับไปทำของตัวเองให้เสร็จ แล้วค่อยมาช่วยเรา”
“แต่...”
“ไม่งั้นเราจะไม่ให้สิงห์ลอกการบ้าน” เมื่อหลังชนฝาเดือนเต็มจำต้องยกไม้ตายเด็ดขึ้นมาขู่ ห้าวหาญได้แต่ถอนหายใจและฮึดฮัดกับตัวเอง ก่อนจะเดินย้อนกลับไปที่กลุ่มของตัวเอง
“เอามา พวกมึงนี่มันหาแต่เรื่องอู้งาน ใช้แต่กู ๆ” ห้าวหาญโวยลั่นสนั่นแปลงเมื่อมาถึง มือก็ขุดประชดประชันเพราะเสียอารมณ์ที่ถูกเรียกกลับมา สายตาก็แอบลอบมองอีกคนที่ทำงานแบบนี้ไม่เป็นแน่
“มึงไม่เห็นเหรอว่าอีเดือนมันเลือกแต่คนเก่งเข้ากลุ่ม ไม่ดูสังขาร ของแบบนี้ฉลาดให้ตายก็ทำไม่ได้หรอก มันเป็นงานใช้กำลังโว้ย” แววดาวพูดกับคนอื่น ๆ ที่นั่งจับกลุ่มคุยกันอยู่ข้างแปลง
ความจริงแล้วเกณฑ์การเลือกสมาชิกของเดือนเต็มคือความสนิทที่มีต่อกันมากกว่า ไม่ได้เจาะจงคนเก่งไม่เก่ง แต่มันดันบังเอิญที่คนเก่งดันอยู่กลุ่มด้วยกัน และสนิทกันเองก็เท่านั้น เลยทำให้ถูกมองว่าเลือกแต่คนเก่ง ๆ มาอยู่ด้วยกัน
“พูดมากอีแวว มึงลงมาทำบ้างเลย กูก็เหนื่อยเป็นนะโว้ย” เพราะพูดจาไม่เข้าหู ทำให้ห้าวหาญหันไปจ้องคนพูดตาเขม็ง แต่ไอ้ครั้นจะ
หาเรื่องผู้หญิงมันก็กระไรอยู่ เขาจึงทำได้เพียงโยนงานให้ทำปากจะได้หยุดเห่าเสีย
“อะไรล่ะ ทีอีเดือนมึงอยากช่วย ทีกูคนในกลุ่มมึงไม่ช่วย”
“ก็อีเดือนมันไม่ได้อ้วนเป็นช้างน้ำเหมือนมึง ขยับตัวบ้างเถอะเดี๋ยวไขมันจะไปอุดตันเส้นเลือดตาย” สุดท้ายห้าวหาญก็บังคับแววดาวให้ลุกขึ้นไปทำงานได้สำเร็จ ส่วนตัวเองก็นั่งพักที่ข้างแปลงเพราะเหนื่อยล้าเต็มที
“เฮ้ย!!! เดือนโดนจอบสับตีน”
“เลือดเต็มเลย!!!”
“พาไปห้องพยาบาลเร็ว”
เสียงเพื่อน ๆ โหวกเหวกโวยวายแล้ววิ่งกรูกันเข้าไปมุงดูเดือนเต็มที่ล้มฟุบอยู่กับพื้น เท้าข้างหนึ่งเป็นแผลจากการถูกจอมสับเข้าอย่างแรงจนเลือดไหลอาบ เด็กชายหญิงทุกคนยังตกใจและพากันมุงดูโดยไม่รู้จะช่วยยังไง
“ถอย!! หลบดิ!! มุงอะไรกันวะ หลบ!!” เมื่อได้ยินแบบนั้นห้าวหาญก็ตรงเข้าไปกลางวงทันที เขาทั้งผลักทั้งดันฝูงเพื่อนที่มุงดูออกเพื่อจะเข้าไปให้ถึงตัวเดือนเต็ม ทันทีที่เห็นเดือนเต็มนั่งร้องไห้เอามือพยายามจะจับที่แผล ใจนักเลงก็ชาวาบปานจะขาดใจตาม
“ไปเอาน้ำมาราดก่อน” เขาเริ่มออกคำสั่งแต่ดูเพื่อน ๆ จะยังงุนงง ไม่มีใครขยับไปไหน
“กูบอกให้ไปเอาน้ำมาล้างแผลอีเดือนไง ใครก็ได้! เอาน้ำสะอาดนะ!!”
ห้าวหาญเริ่มเสียงดังขึ้นเมื่อยังไม่มีใครขยับไปไหน เกียงไกรกวาดสายตามองหาน้ำสะอาด ก่อนที่สายตาจะไปบรรจบที่กระติกน้ำ เด็กชายรีบวิ่งไปหากระติกน้ำอย่างเร็วไวกลัวว่าคนที่ส่งเสียงจะต่อว่ากว่านี้
“ระ ..ราดตรงไหน” เกรียงไกรถือกระติกน้ำเอ่ยถามด้วยความหวาดกลัว เพราะเห็น หน้าที่ดูเคร่งขรึมกับสรรพคุณที่รู้ดีกันในห้องของห้าวหาญ เกิดทำผิดใจเขาขึ้นมาอาจจะเบ้าตาเขียวเอาง่าย ๆ
“เอามานี่!! กูทำเอง” ห้าวหาญรับน้ำจากมือเพื่อนมาค่อย ๆ ราดลงบนแผลของเดือนเต็มอย่างระมัดระวัง แต่ด้วยแดดยามบ่ายที่ร้อนระอุทำให้เลือดยังคงไหลนองออกมาไม่หยุด ห้าวหาญตัดสินใจอุ้มเอาร่าง
บางของเพื่อนมาหลบแดดที่ใต้ร่มไม้ใกล้ ๆ ก่อนจะถอดเอาเสื้อนักเรียนตัวเองไปพันที่แผลเพื่อซับเลือด
“ทะ...ทำอะไรน่ะ” เดือนเต็มร้องถาม
“พันแผลมึงไง เดี๋ยวเลือดก็ไหลหมดตัว แดดเปรี้ยง ๆ แบบนี้”
“จะบ้าเหรอ นั่นมันเสื้อนักเรียนนะ”
“จะเสื้ออะไรก็ช่างมันเถอะพันไปก่อน เฮ้ยใครก็ได้พยุงอีเดือนขี่หลังกูที กูจะพามันไปห้องพยาบาล” หลังจากจัดการพันแผลเรียบร้อยแล้ว ห้าวหาญก็หันไปสั่งเพื่อนให้ช่วยประคองเดือนเต็มขึ้นขี่ที่หลังของเขา
“เดือนตัวหนัก...” เสียงบอกเมื่อร่างกายอยู่บนน้ำหนักหลังของห้าวหาญแล้ว
“กูยกไหว เห็นอย่างนี้...กูเคยรับจ้างแบกกระสอบข้าวมาแล้วนะ”
เดือนเต็มรู้สึกเกรงใจเหลือเกิน อุตส่าห์จะทำงานด้วยตัวเองแท้ ๆ กลับกลายเป็นทำคนอื่นวุ่นวายไปหมด และยังต้องมาเดือดร้อนห้าวหาญอีกแล้ว ลำพังแค่ซ้อนจักรยานกลับบ้านด้วยทุกวันก็เกรงใจจนไม่รู้จะตอบแทนอย่างไรแล้ว