6

1213 Words
“สวัสดีค่ะคุณหมอ” เธอลอบมองชายหนุ่มด้วยความเป็นห่วงพร้อมกับชื่นชม แม้ยามนี้ เขาจะดูอ่อนเพลียแค่ไหนแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหมอหนุ่มดูดีเสียจนไม่น่าสงสัยเลยว่าทำไมเลขาฯ เก่าๆ ถึงได้หลงเสน่ห์เขาทุกคน “จะจ้องฉันอีกนานไหม” ธามไทลืมตาขึ้นพร้อมกับมองไปยังเลขาฯ สาวของเขาตั้งแต่หัวจดเท้าราวกับจะตำหนิ “ขอโทษค่ะ” เขมมิการีบหลบตาชายหนุ่มทันที นึกอยากจะตีแขนตัวเองนักที่เผลอมองเขานานจนผิดสังเกต “ใครใช้ให้แต่งตัวแบบนี้” น้ำเสียงนั้นเยือกเย็นเสียจนเขมมิกาอดกลัวไม่ได้ เธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมหมอหนุ่มถึงต้องวางมาดสุขุมเยือกเย็นเช่นนี้ “คะ? เค้กก็แต่งชุดนักศึกษาปกตินะคะ” เอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจ เพราะเธอมาฝึกงานก็ต้องใส่ชุดนักศึกษาถูกต้องแล้ว “ฉันหมายถึงกระโปรง ใครสอนให้เธอใส่กระโปรงสั้นขนาดนั้น นี่มันโรงพยาบาล ถ้าไม่อายพนักงานด้วยกันก็อายญาติคนไข้บ้าง ไม่มีใครเคยสอนหรือไงว่ามันไม่สุภาพ” ธามไทดุด้วยน้ำเสียงจริงจัง เขาไม่ชอบเด็กไม่รู้จักกาลเทศะ อีกอย่าง เขมมิกาก็ใช่คนขี้ริ้วขี้เหร่ การที่ใส่กระโปรงสั้นแบบนี้แน่นอนว่าต้องเป็นเป้าสายตาของหนุ่มๆ ในโรงพยาบาลแน่นอน และคนที่น่าเป็นห่วงที่สุดก็คือตัวเธอเอง “ขอโทษค่ะ พรุ่งนี้ เค้กจะเปลี่ยนไปใส่กระโปรงยาวตามที่หมอสั่ง” เขมมิการู้สึกหน้าชาทันทีที่โดนด่าราวกับพ่อแม่ไม่สั่งสอนเพียงเพราะว่าเธอใส่กระโปรงสั้น แต่ถึงอย่างนั้น หญิงสาวก็จำต้องยอมทำตามที่หมอหนุ่มบอก “อืม เดี๋ยวสิบโมง ฉันมีประชุม เธอก็เตรียมเข้าด้วย” พูดจบ ธามไทก็เปิดเอกสารดูเพื่อเตรียมตัวก่อนเข้าประชุมทันที “เอ่อ หมอเมาค้างเหรอคะ” เท่านั้นก็ถูกสายตาคมกริบมองเธออย่างคาดโทษ “เอ่อ เค้กพูดอะไรผิดไปเหรอคะ” เขมมิกาถามอย่างไม่เข้าใจสายตาดุของเขา ทั้งที่เธอถามด้วยความเป็นห่วงแท้ๆ แต่กลับถูกมองราวกับทำอะไรผิดมา “ไม่ผิด แต่ไม่ใช่เรื่องของเธอ หน้าที่คืออะไรก็ทำไป” ธามไทพูดนิ่งๆ แต่แฝงไปด้วยความรู้สึกทิ่มแทงกลางใจสาว เขาช่างมีพรสวรรค์ทำให้คนอื่นรู้สึกแย่เสียจริง “ก็ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้น เค้กขอตัวไปทำหน้าที่ของเค้กก่อนนะคะ” เขมมิกาเอ่ยพลางมองไปยังหมอธามไทที่ตอนนี้เอาแต่จ้องเอกสารทำราวกับว่าเธอไม่มีตัวตนอยู่ในห้องนี้อีกแล้ว เมื่อเห็นอย่างนั้น หญิงสาวจึงไม่รอช้ารีบเดินออกจากห้องทำงานของเขาไปทันที ก๊อกๆ เจ้าของร่างสูงโปร่งเงยหน้ามองไปยังประตู เขาพอจะเดาออกว่าเป็นใคร ชายหนุ่มมองนาฬิกาข้อมือก็พบว่าตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาประชุมด้วยซ้ำ แต่ทำไมเขมมิกาถึงได้มาตามเขาแล้ว “เข้ามา” คุณหมอหนุ่มเอ่ยอนุญาตเสียงเข้ม ไม่นานร่างเล็กก็เดินเข้ามาพร้อมกับน้ำส้มคั้นในมือ เธอเอามาวางที่โต๊ะให้เขาพร้อมกับส่งยิ้มหวาน “อะไร” ธามไทมองหน้าสาวสวยหน้าใสสลับกับแก้วน้ำส้ม เพราะเขาจำได้ว่าไม่ได้สั่งให้เธอเอามาให้ “น้ำส้มไงคะ” เขมมิกาพูดอย่างหน้าตาเฉย ก่อนจะส่งยิ้มหวานให้หมอหนุ่มอีกครั้ง “ฉันรู้ แต่ฉันไม่ได้สั่ง เอามาทำไม” น้ำเสียงเจือความหงุดหงิด เขาละหมั่นไส้สีหน้ายิ้มแย้มและแววตาเป็นประกายของหล่อนเสียจริง “ก็หมอเมาค้าง เค้กก็เลยเอาน้ำส้มมาให้ดื่ม หมอจะได้ดีขึ้นไงคะ แล้วอย่าเพิ่งว่าเค้กนะคะ ก็หมอบอกเค้กเองว่าให้ไปทำหน้าที่ตัวเอง ก็นี่ไงคะ หน้าที่เค้ก” เขมมิกาพูดเจื้อยแจ้วทันที เธอไม่ได้อยากกวนประสาท แต่เป็นห่วงชายหนุ่ม ไม่อยากให้เขาอยู่ในสภาพเบลอๆ เช่นนี้ไปถึงตอนเข้าประชุม “คงดื่มบ่อยสินะถึงรู้ว่าน้ำส้มช่วยได้” พูดพร้อมกับจ้องหน้าเด็กสาวอย่างประเมิน คงไม่แปลกหากเขมมิกาจะชอบเที่ยว เพราะเด็กสมัยนี้สิ่งยั่วยุเยอะแยะ การไปเที่ยวดื่มแอลกอฮอล์กลายเป็นเรื่องปกติสำหรับยุคสมัยนี้ไปเสียแล้ว “เปล่าค่ะ เรื่องแค่นี้หาข้อมูลในเน็ตมีเยอะแยะไป” หญิงสาวเถียงแทบจะทันที เพราะเธอไม่เคยดื่มแอลกอฮอล์เลยสักครั้ง เหตุเพราะเสียดายเงินนั่นเอง “หึ เธอจะเคยดื่มหรือไม่ก็เรื่องของเธอ ฉันไม่ว่าอะไรหรอก” ธามไทพูดอย่างไม่ใส่ใจเขมมิกา และไม่ใส่ใจแก้วน้ำส้มด้วยเช่นกัน “เค้กไม่เคยดื่มจริงๆ ค่ะ เสียดายเงิน คนที่ดื่มอะไรพวกนี้ก็เหมือนเอาเงินไปทิ้งกับของไม่มีประโยชน์ชัดๆ” เขมมิกาบ่นอุบอิบ ก่อนจะรีบเอามือปิดปากตัวเองทันทีเมื่อรู้ว่าสิ่งที่เพิ่งพูดไปดันไปเข้าตัวคุณหมอหนุ่มเข้าอย่างจัง “หึ รสชาติชีวิตมันไม่หอมหวานอย่างที่เธอคิดหรอกนะเด็กน้อย ถ้าเธอโตขึ้นเมื่อไหร่ก็จะรู้เองว่า บางครั้ง แอลกอฮอล์ก็ช่วยทำให้บรรเทาความเครียดได้” แล้วส่ายหัวให้กับเด็กตรงหน้าที่ยังมีเรื่องให้สอนอีกเยอะ “เค้กไม่ใช่เด็กแล้วนะคะ” โฟกัสแค่คำว่าเด็กที่ชายหนุ่มพูดขึ้น เพราะไม่อยากให้เขามองว่าเธอเป็นเด็กอีกต่อไป “ไม่เด็กงั้นเหรอ รู้หรือเปล่าว่าฉันแก่กว่าเธอเท่าไร ถึงกล้ามาเถียงแบบนี้” ธามไทใช้น้ำเสียงเยือกเย็นอีกครั้ง เขาไม่ได้โมโห แต่อยากจะสั่งสอนเด็กคนนี้ให้รู้เสียบ้างว่าอะไรควรอะไรไม่ควร “หมออายุสามสิบเจ็ด เค้กรู้ดีค่ะ เค้กแค่อายุน้อยกว่าหมอ แต่เค้กไม่ใช่เด็กค่ะ” เขมมิกาพูดอย่างคนหัวรั้น รู้ดีว่าเขาแก่กว่าตนเองถึงสิบห้าปี ความคิดความอ่านย่อมต่างกัน แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ใช่เด็กที่เขาจะมาด่าว่าไม่รู้เรื่องรู้ราว “โอเคๆ งั้นบอกหน่อยคุณผู้ใหญ่ ว่าทำไมถึงป่านนี้ไม่ไปเตรียมตัวประชุม” ธามไทเริ่มปวดหัวที่ต้องเถียงกับแม่เด็กรั้นคนนี้จึงเลือกที่จะตัดปัญหาเสียให้จบ “กะ ก็ดื่มน้ำส้มก่อนสิคะ เค้กถึงไป” เขมมิกาพูดด้วยน้ำเสียงกึ่งอ้อนวอน ถึงจะโมโหที่เขาเอาแต่ว่าเธอเป็นเด็ก แต่ถึงอย่างไรก็ยังเป็นห่วงหมอหนุ่มอยู่ดี “ถ้าฉันดื่ม เธอจะไปใช่ไหม” ธามไทถามขึ้นด้วยความรำคาญใจ และเมื่อเห็นว่าเขมมิกาพยักหน้า เขาจึงรีบหยิบแก้วน้ำส้มเข้าปากรวดเดียวจนหมด “โอเคนะ ไปได้แล้ว” พูดพร้อมกับหันไปสนใจเอกสาร ไม่สนใจร่างเล็กที่ตอนนี้ยิ้มออกมาด้วยความดีใจก่อนจะยอมเดินออกไปในทันที
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD