7

1396 Words
การประชุมผ่านไปได้ด้วยดี เลขาฯ คนใหม่ของเขาทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม เธอจดรายละเอียดการประชุมส่งให้หมอหนุ่มทันทีหลังจากเสร็จการประชุมเมื่อตอนสิบเอ็ดโมง และแม้ว่าธามไทจะชื่นชมเด็กสาวอยู่บ้าง แต่ก็เลือกที่จะเก็บเงียบเอาไว้ เนื่องจากไม่อยากทำตัวสนิทสนมกับเขมมิกาให้มากจนเกินไป ก๊อกๆ คุณหมอหนุ่มมองไปที่ห้องพร้อมกับถอนหายใจหนักๆ ออกมา แทบไม่อยากจำแล้วว่าวันนี้เขมมิกาเคาะห้องเขากี่ครั้งแล้วกันแน่ จึงตะโกนออกไปด้วยความหัวเสีย “เข้ามา!” “หมอไม่ไปทานข้าวเหรอคะ นี่ก็เที่ยงแล้วนะคะ” เขมมิกาเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงอีกครั้ง ตอนแรก พิมอรเดินมาชวนเธอไปกินข้าวด้วยกัน แต่เธอเห็นว่าหมอธามไทยังไม่ออกไปไหนจึงไม่กล้าไปกินข้าวก่อนเขา “นี่เธอเป็นเลขาฯ นะ ไม่ใช่แม่ที่จะตามฉันไปกินข้าว” ธามไทพูดอย่างอารมณ์เสีย เขาเกลียดผู้หญิงจู้จี้จุกจิกเป็นที่สุด น่ารำคาญ “แต่เค้กเห็นหมอไม่ทานข้าวกลางวันมาสองวันแล้วนะคะ เดี๋ยวจะเป็นโรคกระเพาะเอา” สาวน้อยทำเป็นไม่ได้ยินคำประชดประชันของชายหนุ่ม เพราะที่เธอเลือกเข้ามาในห้องนี้เพราะเป็นห่วงเขา “มันเรื่องของฉัน ออกไปซะ ก่อนที่ฉันจะรำคาญเธอมากกว่านี้” เขาพูดโดยไม่มองหน้าเลขาฯ สาว สายตาจับจ้องอยู่แต่กับกองรายงานการประชุมเมื่อครู่นี้ “หมอเป็นหมอนะคะ น่าจะรู้เรื่องมากกว่าเค้ก เป็นโรคกระเพาะที นานนะคะกว่าจะหาย” “เค้ก!” เป็นครั้งแรกที่ธามไทเรียกชื่อของเขมมิกาออกมา เขาต้องการเรียกเธอเพื่อเตือนสติ เพราะตอนนี้ เจ้าหล่อนกำลังทำให้เขารำคาญอย่างถึงที่สุด “ขอโทษค่ะ” คนตัวเล็กก้มหน้าทันทีที่โดนดุ ในเมื่อเขาไม่เชื่อในความหวังดีของเธอก็จนปัญญาจะไปบังคับ ปล่อยให้เป็นโรคกระเพาะไปเสียให้เข็ด “ทำอะไรอยู่คะธาม” ไม่ทันที่เลขาฯ ฝึกงานจะได้ออกจากห้องชายหนุ่มไป จู่ๆ ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งเปิดประตูห้อง ก้าวเข้ามาอย่างถือวิสาสะ เขมมิกาจ้องมองหญิงสาวร่างสูงโปร่ง อยู่ในสุดเดรสรัดรูปสีครีมเข้ากับผิวขาวอมชมพู ก็อดชื่นชมในความสวยและเด่นของผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ แม้เธอจะคะแนนติดลบเรื่องมารยาทก็ตามที “ศศิ” จบคำนั้น ธามไทก็นิ่งไปทันที และหากเขมมิกาไม่ได้ตาฝาดไป เธอแอบเห็นว่าชายหนุ่มลอบถอนหายใจหลังเห็นว่าผู้หญิงที่มาใหม่เป็นคนชื่อศศิ “ไงคะ ทำอะไรอยู่เหรอ” ศศิไม่พูดเปล่า แต่กลับเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตรงกันข้ามของหมอหนุ่มอย่างสนิทสนม เขมมิกามองภาพนั้นอย่างอึ้งๆ เพราะไม่คิดว่าจะมีใครกล้าเสียมารยาทกับหมอธามไทแบบนี้ “ทำงานสิ คุณคิดว่าผมจะทำอะไรล่ะ” คุณหมอหนุ่มเองก็ไม่ชอบพฤติกรรมของศศิเท่าไรนัก แต่ถ้าคิดอีกมุมหนึ่ง อีกฝ่ายคงคิดว่าเขากับเธอสนิทกันเสียจนไม่ต้องเกรงใจอะไร “แล้วไม่ไปทานข้าวเหรอคะ” ศศิเอ่ยถามขึ้นก่อนที่จะคิดขึ้นได้ว่า ในห้องนี้ไม่ได้มีแค่ตนเองกับธามไทอยู่กันสองคนเท่านั้น จึงรีบหันไปมองนักศึกษาสาวที่ยืนนิ่งอยู่ทันที “ศิลืมไปว่าคุณไม่ได้อยู่คนเดียว ว่าแต่เด็กนี่ใครเหรอคะ?” ศศิมองเขมมิกาหัวจดเท้า สัญชาตญาณบางอย่างบอกเธอว่าเด็กสาวคนนี้ไม่ธรรมดา และด้วยรูปร่าง และหน้าตาที่จัดว่าดีมากทำให้อดกังวลไม่ได้ “อ้อ นั่นเค้ก เด็กฝึกงานของผมเอง” ธามไทตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก “ฮะ? คุณมีเด็กฝึกงานด้วยเหรอคะ ตำแหน่งอะไร?” ศศิถามอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง “เลขาฯ” ธามไทตอบแต่เพียงสั้นๆ เท่านั้น เพราะคิดว่าไม่จำเป็นต้องรายงานหรือขออนุญาตใครทั้งนั้น และเรื่องการจะมีเลขาฯ มันก็เรื่องส่วนตัวของเขา “เอ่อ เค้กขอตัวก่อนนะคะ” เขมมิการู้ว่าสถานการณ์ไม่สู้ดีนัก แม้จะอยากรู้ว่าผู้หญิงที่ชื่อศศิเป็นใคร แต่เธอก็รู้ว่าตอนนี้ไม่ควรเอาตัวเองมาอยู่ในห้องนี้ “เดี๋ยว ฉันยังสั่งงานเธอไม่เสร็จ จะออกไปไหน รอก่อน” ธามไทรีบร้องห้ามทันที ความจริงไม่ได้มีงานจะคุยอะไรกับเขมมิกา ซ้ำก่อนหน้านี้ยังอยากให้เธอออกไปไวๆ แต่เวลานี้เขาต้องการให้แม่สาวน้อยเป็นตัวช่วยกันศศิออกจากเขาแทน “ค่ะ คุณหมอ” เขมมิกายอมอยู่ต่ออย่างว่าง่าย แม้จะยังไม่รู้ว่าหมอหนุ่มจะใช้อะไรเธอก็ตาม “คุณมีธุระอะไรกับผมหรือเปล่าศศิ” ชายหนุ่มเอ่ยถามเสียงนิ่ง อยากรีบคุยกับศศิให้จบ เพราะยิ่งเธออยู่นาน เขาเองก็ยิ่งอึดอัด “เห็นเมื่อคืน พ่อบอกว่าไปทานข้าวกับคุณมา ศิก็เลยคิดว่าอยากจะมาคุยกับคุณเรื่องนั้น คืนนี้ คุณว่างไหมคะ ศิอยากไปดินเนอร์ด้วย” ศศิพูดออกมาตรงๆ เพราะความที่เป็นสาวสมัยใหม่ หมดยุคที่จะรอให้ผู้ชายเข้าหา และยิ่งเป็นผู้ชายเข้าถึงยากอย่างธามไทด้วยแล้วก็ต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อให้ได้ใจเขา “ผมก็อยากไปอยู่หรอกนะ แต่พอดีว่าเย็นนี้ ผมมีนัดแล้ว” หมอหนุ่มตอบแทบจะทันที คำว่า ‘เรื่องนั้น’ ที่ศศิพูดมา เขารู้ดีว่าคือเรื่องไหน และแน่นอนว่า เขาจะไม่พาตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์น่าอึดอัดเช่นนั้น “นัดกับใครคะ” ศศิพูดด้วยน้ำเสียงเจือความไม่พอใจ เพราะโดยปกติ ธามไทไม่ค่อยมีใครนัดคุยงานกันตอนดึกๆ นอกเสียจากว่าจะนัดผู้หญิงคนอื่น “ผมมีนัดคุยงาน ไม่เชื่อถามเค้กดูสิ” ธามไทหันไปมองเขมมิกาด้วยสายตานิ่ง ปกติ เขาไม่ชอบโกหก แต่ครั้งนี้กลับไร้เรี่ยวแรงและสมองตื้อเสียจนไม่อยากจะต่อความยาวสาวความยืดกับศศิ “คะ? เอ่อ ใช่ค่ะ คุณหมอมีคุยงานกับบริษัทที่จะเสนอขายอุปกรณ์ทางการแพทย์ค่ะ” เขมมิกาไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เธอพูดแบบนั้นออกไป และเธอก็ไม่รู้ด้วยว่า ปกติแล้ว ผู้บริหารอย่างธามไทจำเป็นต้องลงมาจัดการเรื่องนี้เองหรือไม่ “อะไรคะ ปกติ ธามไม่เห็นต้องดูแลเรื่องนี้ ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยวศิไปเป็นเพื่อนค่ะ” ศศิเอ่ยถามด้วยความสงสัย ในขณะที่อดคิดไม่ได้ว่าชายหนุ่มหาเรื่องปฏิเสธเธอ “ก็ครั้งนี้ ผมอยากลงมาดูเอง คุณไม่ต้องไปหรอกศิ ผมให้เค้กไปแล้ว และที่คุณถามว่า ทำไมผมไม่ออกไปกินข้าวก็เพราะว่าผมตั้งใจว่าจะไปคุยงานตอนนี้เลย พอดีมีหลายบริษัท อยากรีบคุย รีบเลือกให้เสร็จ” ธามไทพูดพร้อมกับเก็บของโดยที่ไม่สนใจศศิที่มองเขาด้วยสายตาอึ้งๆ “นี่คุณจะไปเลยเหรอคะ” ศศิมองชายหนุ่มที่ทำราวกับตนเองเป็นเพียงอากาศ และรู้ดีว่าเขาจงใจหนีหน้าเธอชัดๆ “ครับ ไปเค้ก” ธามไทพูดและเดินลากแขนเขมมิกาออกจากห้องทันที จนสาวน้อยตั้งตัวไม่ถูก เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มแตะต้องตัวเธอ ศศิมองธามไทด้วยสายตาน้อยใจ รู้ว่าธามไทไม่ได้คิดกับตนเองแบบนั้น แต่ก็ไม่เคยเข้าใจสักครั้งว่าเพราะอะไรเขาถึงทำเหมือนเธอเป็นตัวน่ารังเกียจเช่นนี้ ทั้งที่หญิงสาวเองก็มีหนุ่มไฮโซมากมายเข้ามาจีบ แต่กลับเลือกที่จะปักใจที่หมอธามไท และยิ่งคุณหมอหนุ่มพยายามปฏิเสธเท่าไร ศศิก็ยิ่งอยากชนะใจเขามากเท่านั้น สักวันเธอจะทำให้ธามไทตกหลุมรักเธอให้ได้!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD