12
ทหารนายหนึ่งติดตามแม่ทัพมานาน เมื่อรู้ว่าภรรยาแม่ทัพหายออกจากจวนทุกคนก็ตามหา แต่ทุกคนต้องปิดปากเอาไว้ และทุกคนก็ต้องแสร้งไม่รู้ไม่เห็น มิเช่นนั้นอาหารอร่อย ๆ ฝีมือของฮูหยินพวกเขาก็ต้องอด และอดเท่านั้น
“ท่านแม่ทัพไม่พบฮูหยินขอรับ” คำโป้ปดได้ถ่ายทอดออกจากปากลูกน้องคนสนิท
หย่งคังสีหน้าไม่พอใจนัก เขารีบเช็ดน้ำตาออกก่อนที่ใครจะเห็นเข้า “ไม่พบได้อย่างไร พวกเขาเดินทางไปไม่ไกลหรอก ลูกข้าก็ยังตัวเล็ก ๆ แค่นั้นเอง ค้นหาทั่วหรือยัง”
“ขอรับค้นหาทั่วแล้ว” แต่...ที่ไหนได้ คนพวกนั้นหากไม่อยู่เวรยามก็จะพากันแอบหลบหนี ไปดูคุณชายน้อยออกอาวุธต่อสู้ มิหนำซ้ำยังเก่งกาจนัก เล่นงานทหารในสังกัดจนบาดเจ็บไปหลายคน
คุณหนูน้อยก็ใช่ย่อยเสียที่ไหน มีกระบองหนึ่งอัน นางก็ไม่รอช้า กระโจนขึ้น ฟาดหลบแทบไม่ทัน
“ย๊า...” ฟางหลินกำลังตีหัวทหารคนหนึ่ง เขาหลบหลีกแล้ว แต่ไม่ทันระวัง ถูกคุณหนูน้อยฟาดเข้าให้ที่แขน นางตีชายตัวโต กว่าได้ยืนยืดตัวดูน่ารักเป็นไหน ๆ
“อ่อนหัดจริง ๆ” ฟางหลินส่ายหัวเบา ๆ เหงื่อผุดขึ้นบนหน้าผากของนาง จนทำให้มารดาค่อย ๆ ซับเหงื่อให้
“อย่าอวดตนเก่งกว่าผู้อื่น โลกนี้ผู้ที่เก่งกว่าตนนั้นมีมากมาย” ฟางหรงกล่าวสอนลูกสาวด้วยเหตุผลและชื่นชมอยู่เสมอ
“เคารพพวกท่านอาทั้งหลายเป็นอาจารย์ ต่อแต่นี้จงสำรวมกิริยาให้มาก คิดอ่านให้รอบคอบเสมอ อย่าให้วาจาเหยียดหยันผู้อื่นที่พ่ายแพ้”
เหล่าทหารที่หลบออกมาหาคุณหนูและคุณชาย ซาบซึ้งใจนัก พวกเขาได้เป็นทั้งท่านอาและยังเป็นท่านอาจารย์อีกด้วย ใครจะไม่ดีใจเล่าที่มีฮูหยินเป็นคนมีจิตใจเมตตาและยังโอบอ้อมอารี ยกย่องพวกเขาอีก
สองพี่น้องยืนตรง ยื่นมือประสาน โค้งศีรษะลงเล็กน้อย และกล่าวขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงกัน
“ขอรับท่านแม่, เจ้าค่ะท่านแม่ พวกข้าทั้งสองจะเชื่อฟังและเป็นลูกที่ดี กตัญญูต่อท่านแม่”
แม่ทัพจ้าวหัวเสียหนักมาก เข้าห้องนอนกอดหมอนและร่ำไห้ นึกถึงวันเก่า ๆ ที่ได้พบนาง ตั้งแต่วันแรกที่หลงรักดรุณีน้อยนั่น กระทั่งเมื่อได้หมั้นหมายกับนาง ทุกอย่างสิ่งที่เขาคิดว่านางกระทำเพื่อเข้าตั้งมากมาย ก็เพียงแค่หวังจะเป็นฮูหยินของเขาและกอบโกยผลประโยชน์
เขาคิดว่านางเป็นสตรีจอมเจ้าเล่ห์มากด้วยมารยา นึกไม่ถึงว่ายามที่นางจากไป ภายในอกมันปวดร้าวนัก และลูกทั้งสองยังไม่ได้กอดแต่กลับถูกเขาตำหนิ อีกคนก็ถูกเขาตี ช่างเป็นพ่อที่เลวชั่วช้ายิ่ง หนังสือหย่านั่นเขามองครั้งแล้วครั้งเล่า นึกแค้นนัก
ตัวต้นเหตุมิใช่ใครเป็นเขาเองต่างหากที่ชั่วร้ายเช่นนี้ มองนางด้วยอคติ มิคิดว่าสิ่งที่นางได้ทำล้วนเป็นเพราะความรักที่มอบให้ สุดท้ายแล้วไป๋ฟางหรงก็จากไป
จ้าวหย่งคังฉีกหนังสือหย่าออกเป็นชิ้น ๆ แววตานั่นหาได้เสียดายไม่ เขากรุ่นโกรธตนเองเพียงใด เพราะสมองของเขามันช่างเลอะเลือนเข้าให้แล้ว
ถังม่านชิงประคองตนเองให้ออกมาจากห้อง นางคิดว่าจะมาขอร้องให้เขาลงโทษไป๋ฟางหรง เมื่อนางถูกพยุงเข้ามา ก็พบว่าท่านแม่ทัพจ้าวกำลังนั่งกุมขมับอยู่ในห้อง
“ท่านแม่ทัพ” น้ำเสียงช่างดูเหมือนเจ็บปวดนัก นางค่อย ๆ เดินเข้ามาด้วยเพราะยังคงปวดใบหน้าของนาง มือข้างหนึ่งกุมแก้มเอาไว้ อีกข้างจับท้องน้อยตนเอง ตัวของนางโก่งงอตัวเล็กน้อย นั่นเพราะยังมีอาการไม่สู้ดีสักเท่าไหร่
จ้าวหย่งคังปรายตามองมายังถังม่านชิง “มีอะไร” น้ำเสียงเย็นชา และท่าทีหมางเมินทำให้คนรับฟังถึงกับอ้ำอึ้ง
นางฝืนยืนตัวตรงขึ้นมา “ท่านแม่ทัพดูสิ่งที่ฮูหยินของท่านทำร้ายข้า ท่านแม่ทัพให้ความเป็นธรรมกับข้าด้วยนะเจ้าคะ” ม่านชิงทรุดกายลงเกาะขาของจ้าวหย่งคัง
เขายืนนิ่งงันมองดูสภาพที่น่าอนาถใจ “ลุกขึ้นมาเถอะ” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา และไม่ได้รับปากกับนางว่าจะทวงความเป็นธรรมให้แต่อย่างใด เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ข้าไม่อาจทำตามคำที่เจ้าขอได้ กลับไปพักผ่อนรักษาตัวให้ดี”
“อะไรกันท่านแม่ทัพ เป็นพี่สาวทำร้ายข้า ท่านดูไม่ออกหรืออย่างไร แท้ที่จริงแล้วพี่สาวนั้นร้ายกาจนัก นางทำทุกอย่างก็เพราะมีใจริษยา ยังป้อนยาพิษให้ข้า” ถังม่านชิงใส่ความอีกฝ่าย และยานั่นนางคิดว่าเป็นยาพิษแน่ ๆ
“เหลวไหลนัก หรงเอ๋อร์ไม่มีวันกระทำตนเช่นนั้นเป็นแน่” เขาค่อนข้างมั่นใจนัก หรี่ตามองสตรีข้างกายที่นำมาด้วย เกิดรู้สึกคล้ายว่าตนเองนั้นโง่งมมากขนาดไหนกัน จึงได้หลงเชื่อนางเสียทุกครั้งไป
ถังม่านชิงจุกแน่นกลางอกขึ้นมา เมื่อเห็นทั้งแววตาและน้ำเสียงที่คล้ายราวกับว่าเขากำลังเปลี่ยนไป นางจึงได้รีบร้อนกล่าวขึ้นมาอีกครั้ง แต่...ครั้งนี้นางจะต้องกุมเขาเอาไว้ให้ได้ “หรือเป็นข้าที่ผิดเอง ท่านแม่ทัพข้าผิดไปแล้ว ท่านยกโทษให้ข้าเถิดเจ้าค่ะ ต่อไปนี้ข้าจะเป็นเด็กดีเชื่อฟังท่าน” นางรีบบีบน้ำตาให้มันไหลออกมา
“กลับไปพักเถอะ” เขาไม่มองนางเสียด้วยซ้ำ เพราะกำลังครุ่นคิดอยู่ว่า ทั้งลูกและภรรยาจู่ ๆ จะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยได้อย่างไรกัน มันจะต้องมีอะไรที่เขาพลาดไปแน่ ๆ
ฟางหรงอยู่ในเรือนใหม่ มีของตกแต่งไม่มากนัก คิดว่าพรุ่งนี้ท่านพ่อและท่านแม่น่าจะสั่งให้คนไปซื้อและจัดเตรียมของมาให้อีกจำนวนหนึ่ง ยังมีบ่าวไพร่ที่ท่านทั้งคู่กำชับเอาไว้ว่าจะคัดเลือกคนที่ไว้ใจได้ให้มาอยู่ที่เรือนใหม่อีกสิบห้าคน
พวกท่านทั้งสองเกรงว่าลูกสะใภ้จะลำบาก นางก็ยังคงยืนกรานว่าจะหย่าขาดกับเขา ท่านผู้เฒ่าไม่เอ่ยปากห้าม กลับมอบเรือนหลังใหญ่โต เนื้อที่กว้างขวางนักให้นางและลูก ๆ อาศัย ยังเปลี่ยนเจ้าของโฉนดที่ดินให้เป็นชื่อของนางอีกด้วย
ท่านแม่มอบเครื่องประดับที่อยู่ในห้องเก็บเครื่องประดับนั่นส่งให้นางพรุ่งนี้อีกสามหีบขนาดกลาง ดูแล้วว่าจะมีใครรักลูกสะใภ้เหมือนลูกสาวตนเองก็คงหาได้มีไม่ ยามนี้ฟางหรงดื่มยาบำรุงลงท้องไปสองถ้วย ช่วงนี้ก่อนจะถึงงานต้อนรับราชทูต อาการป่วยของนางก็คงจะดีขึ้นมาก