13
ฟางหลินเด็กน้อยน่ารักและพูดจาฉะฉานเดินเข้ามาพร้อมกับอ่างน้ำอุ่น ๆ ใบขนาดที่นางถือได้ “ท่านแม่ถอดรองเท้าเจ้าค่ะ แช่น้ำอุ่นหน่อยจะได้สบายตัว” นางตัวเล็กเพียงเท่านี้กลับรู้จักดูแลท่านแม่แล้ว
หย่งเล่อเดินเข้ามาพร้อมกับน้ำมันหอม เขาฉีกยิ้มทันที “ท่านแม่ขอรับ ต่อไปนี้ลูกทั้งสองจะดูแลปรนนิบัติท่านแม่เอง” เพราะมารดาทำงานทั้งวันเหนื่อยมามาก ในหนึ่งวันงีบหลับจริง ๆ ไม่ถึงสองชั่วยามเสียด้วยซ้ำ
ตั้งแต่เขาจำความได้ก็เห็นมารดาวิ่งวุ่นวายจัดการงานต่าง ๆ ยามเมื่อเขาสามหนาว เดินทางไปสำนักศึกษา มารดาคล้ายว่าจะเบาลง แต่ก็หาใช่เช่นนั้นไม่
สามหนาวพวกเขายังเด็กมา ๆ ยังจดจำได้ว่าวันแรกที่ไป ท่านแม่ร้องไห้สงสารพวกเขานัก น้องรองกระจองอแง จนเขาต้องโอบกอด และทำตัวเข้มแข็งนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
“พวกเจ้าช่างเป็นเด็กดีนัก เมื่อครู่แม่ดื่มยาไปแล้ว อีกเดี๋ยวก็คงจะต้องนอน” นางแย้มยิ้ม มองดูลูกสาวนวดฝ่าเท้าให้นาง มือป้อม ๆ นั่นทำให้นางซาบซึ้งระคนเอ็นดูนัก ช่างรู้ความเสียจริง
นึกไม่ถึงว่าสวรรค์ยังเมตตาส่งลูกที่ประเสริฐมาให้นางถึงสองคน สามีไม่รักใคร่เอ็นดู ยามนี้มิได้สน ขอเพียงแค่ข้างกาย มีเจ้าผักกาดสองหัวนี้อยู่ด้วยย่อมมีแต่ความสุข
“มีใครอยากนอนกับแม่บ้างหรือไม่” คำกล่าวนั้นย่อมทำให้เด็ก ๆ ทั้งสองต่างกระโดดดีอกดีใจเสียยกใหญ่ บรรยากาศที่มีเพียงสามคนแม่ลูกช่างดูสงบสุขนัก
ท่ามกลางความเงียบเหงาและอ้างว้าง ชายผู้หนึ่งหงอยเหงาอ้างว้างจนต้องออกจากจวนยามดึกดื่น เขาควบอาชาตัวโปรดออกจากจวนไปเพียงผู้เดียว หวังตามหาภรรยาและลูกชาย มีเพียงแค่แสงสว่างบนฟ้าในราตรีกาลเป็นเพื่อนให้คลายเหงา
“นี่” เสียงโหวกเหวกตามมาด้านหลัง “เจ้าจะไปไหนกันแน่” สหายข้างกายกล่าวถาม เขาคือท่านรองหลิวมู่ฉวน ญาติทางมารดาร้องตะโกนส่งเสียงถาม เขาเร่งตะบันห้อม้าออกมาก็กลางดึกดื่น
“ข้าจะไปตามหาหรงเอ๋อร์” เขาหยุดม้าได้ทัน เท้าของม้านั่นยกขึ้นตะกุยกลางอากาศเข้าให้ ด้วยเพราะแม่ทัพจ้าวกระตุกสายบังเ**ยนม้าเอาไว้
“ข้าถามจริง ๆ เจ้าจะตามนางกลับมาทำไมกัน ในเมื่อไม่รักแล้วก็ควรจะปล่อยนางไป” หลิวมู่ฉวนอยากได้ยินคำตอบนั่น ด้วยเพราะสงสารหลาน ๆ ที่น่ารักทั้งสอง ไม่อยากจะให้พวกเขากลายเป็นกำพร้า บิดามารดาแยกทางกัน
“ใครบอกว่าข้าไม่รักนาง” จ้าวหย่งคังกล่าวน้ำเสียงแผ่ว แววตามีความเศร้าหมองระคนเสียใจนัก
“รัก!” เขาหัวเราะเบา ๆ “เหตุใดจึงเลือกเมินเฉยเย็นชาใส่นางเล่า จดหมายท่านป้าบอกว่าเคยส่งไปให้เจ้าตั้งหลายฉบับ แต่เป็นเจ้าไม่ตอบกลับมา จะไม่ทำให้ท่านป้ากับท่านลุง รวมถึงพี่สะใภ้น้อยใจได้อย่างไรกัน”
“จดหมายอันใด ข้าไม่เห็นจะรู้เรื่องสักนิด” เขายังงุนงงไม่น้อย มารดาเขาใจแข็งขนาดนั้นเชียวหรือไม่ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบของเขาบ้าง
“เช่นนั้นเจ้าก็คงจะต้องถามหาความจริงจากแม่นางถัง ที่เจ้านำมาด้วยแล้ว พี่ชายท่านหลงกลอุบายนางให้แล้วล่ะ” เขาไม่ได้ชักแม่น้ำทั้งห้า แต่ก็รู้สึกเหมือนมีเส้นผมบังตา จนมองอันใดคลาดเคลื่อนไป
“พี่สะใภ้ข้า ทั้งน่ารักอ่อนหวาน แม่ทัพแดนใต้ ยังกล่าวชมเชย ฮูหยินแม่ทัพทั้งหลาย นางรู้จักใครก็มักจะส่งของไปให้เสมอ นางผูกไมตรีก็เพราะพี่ชาย แต่ท่านกลับมองว่านางจงใจครอบครองท่าน” หลิวมู่ฉวนแสยะยิ้มเยาะคนโง่งม
“เสียดายนัก หากพี่สะใภ้เป็นของข้า ข้าจะดูแลทะนุถนอมนางบนฝ่ามือมิให้เสียอกเสียใจเช่นนี้” คำพูดประโยคนี้หลิวมู่ฉวนจงใจกล่าวให้ญาติผู้พี่กรุ่นโกรธ
“เสียใจด้วยนะ คนที่ครอบครองหัวใจของนางคือข้า” เขาดูมั่นอกมั่นใจนัก
“แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว ข้าจะเกี้ยวนางมาเป็นภรรยา อ้อ...ข้าลืมบอกไปว่า ท่านอาจารย์ใหญ่สำนักศึกษาหลวงน่ะ เขาก็หมายตาพี่สะใภ้มานานแล้ว เห็นทีว่าคราวนี้พี่ชายต้องเร่งพิชิตใจนางอีกครั้ง แต่...ใครจะเป็นฝ่ายครอบครองนางก็คงจะไม่ใช่ท่านแน่ ๆ”
หลิวมู่ฉวนหัวเราะเบา ๆ น้ำเสียงที่เขากล่าวนั้นจงใจยั่วยุญาติผู้พี่ชัด ๆ ตัวเขาเองเพียงแค่สงสาร หวังปลุกปั่นป่วนประสาทญาติผู้พี่ให้คิดไตร่ตรองให้ดี ในเมื่อสตรีที่มองว่าไร้ค่า หาใช่ไร้ประโยชน์ไม่
เพียงแค่นางเลือกที่จะปกปิดและซ่อนมันเอาไว้ มีเพียงแค่ญาติผู้พี่ของเขากระมังที่ช่างจะดูตาบอดเสียจนมองว่านางเป็นเพียงแค่เศษฝุ่นอันไร้ค่า แท้ที่จริงแล้วนางคือ อัญมณีที่หายากที่สุดก็ว่าได้
“ฝันไปเถอะ ข้าจะกุมหัวใจนางให้ได้อีกครั้ง ไม่ว่าจะยากสักเพียงใดข้าก็จะทำ”
“ถามนางหรือยังว่าต้องการท่านหรือไม่ ชอบโอ้อวดตนข่มผู้อื่นนัก ช่างน่าขัน”
"หลิวมู่ฉวนเจ้าจะเป็นปรปักษ์กับข้าใช่หรือไม่"
“แน่นอน ข้ายืนอยู่ฝั่งพี่สะใภ้” เขาบิดมุมปากขึ้นเล็กน้อย ประโยคหลังเพียงแค่ล้อเล่นคิดกลั่นแกล้งอีกฝ่ายให้เดือดดาล ยิ่งเห็นญาติผู้พี่เคร่งเครียดยิ่งชอบใจ ให้สาสมกับสิ่งที่ทำให้หลานชายและหลานสาวเสียอกเสียใจและผิดหวังกับบิดาเช่นนี้
“เพราะข้าจะแย่งนางมาจากท่าน”
จ้าวหย่งคังหัวเสียนัก ญาติผู้น้องคนนี้ฝีปากไม่เบา อ้าปากก็คิดจะช่วงชิงภรรยาของเขา ช่างน่าขบขันตนเองนัก มีสตรีที่ดีพร้อมอยู่ในมือ กลับกลายเป็นเขาเองที่ปล่อยนางไป เขายิ้มเยาะหยันตนเองนัก มองญาติผู้น้องด้วยความไม่พอใจ
“คิดผิดแล้วน้องชาย ข้ายังไม่ได้ลงนามในหนังสือหย่า เช่นนั้นแล้วเจ้าคิดให้ดี ๆ” แววตาเหี้ยมกล่าวออกไป “ข้าจะไม่ออกตามหานางแล้ว ถึงอย่างไรนางก็ต้องกลับมาแน่นอน” เขามั่นใจนัก
ในเมื่อนางประกาศขอหย่า แต่เขายังไม่ได้ลงนาม เช่นนั้นแล้ว เขารอโอกาสที่จะให้นางเดินมาและเขาจะทำให้นางติดกับ คราวนี้จะเป็นกับดักหลุมพรางรัก
“อย่าด่วนมั่นใจนักเล่า หากผิดหวังครั้งนี้เกรงว่าท่านกับนางจะไม่ได้พบหน้ากันอีกตลอดกาล” คำพูดของเขานั้นเชือดเฉือนญาติผู้พี่แทนพี่สะใภ้ เขาเอาอะไรมามั่นใจนักหนาว่าพี่สะใภ้กับหลาน ๆ จะใจดียอมเดินเข้ามาติดกับ
นางอยู่แค่จวนข้าง ๆ เพียงแค่เส้นผมบังภูเขาเท่านั้น ญาติผู้พี่ก็ยังโง่งมเป็นบ้าสติฟั่นเฟือน อะไรจะสาแก่ใจเขา ไม่เท่ากับได้เห็นน้ำตาของพยัคฆ์ร้าย ฟูมฟายจนแทบจะทำให้ผู้คนขบขัน นี่และหนาที่เขาว่า
ขึ้นอย่างเสือลงอย่างหมา
ก็เห็นแต่จะมีญาติผู้พี่เขานี่แหละ