9
“เจ้านี่ช่างใจร้อนจริง ๆ” ฟางหรงแสยะยิ้มขึ้นมา เหยียดมองอีกฝ่ายเข้าให้ “ใช่ว่าใครจะเป็นก็เป็นได้ เด็กอย่างเจ้าจะดูแลจวนที่ใหญ่โตเช่นนี้ได้อย่างไรกัน” นางกล่าวขึ้นมา สีหน้าเรียบเฉย แววตาว่างเปล่า แต่มุมปากกลับบิดขึ้นมาเล็กน้อย
“อีกอย่างสตรีเช่นเจ้าวัน ๆ เอาแต่นั่ง ๆ นอน ๆ รักสบายเกรงว่าเป็นนายของจวนบ่าวไพร่คงจะไม่เคารพเป็นแน่ พ่อแม่สามีชังหน้า เจ้าก็จะยิ่งกว่าข้าเสียอีก ผู้หญิงดี ๆ ที่ไหนวิ่งตามผู้ชายจากแดนเหนือมาถึงเมืองหลวง หากไม่ใช่นางโลมชั้นต่ำ!”
“มันจะมากเกินไปแล้วนะ” ม่านชิงคิดจะตบตีอีกฝ่าย นางจึงได้ปรี่เข้าไป
ฟางหรงยิ้มเหี้ยมขึ้นมา ยกเท้าฟาดเข้าให้ที่ใบหน้าของถังม่านชิง และเห็นนางเสียหลักหงายท้องไป จากนั้นนางก็ไปรับอีกฝ่าย ลากสตรีหน้าด้านไร้ยางอายนั่นเข้าไปในเรือนของนาง หากมีใครเห็นเข้าทุกคนจะคิดว่านางรังแกอีกฝ่าย เช่นนั้นก่อนไปก็ขอจัดการสตรีหน้าด้านคนนี้เสียหน่อย
“ปล่อยข้านะ ปล่อยสิ ท่านแม่ทัพกลับมาข้าจะฟ้องเขา!” ม่านชิงดิ้นหนีแต่ก็ไม่เป็นผล และยังถูกสาวใช้ของฮูหยินเอก ช่วยลากนางเข้าไปข้างในอีกด้วย
อาชุนยึดตรึงร่างของถังม่านชิงเอาไว้แน่น ฟางหรงยิ้มเหี้ยมขึ้นมา แววตาเป็นประกายวาวโรจน์อัดแน่นไปด้วยความชิงชัง “ข้าจะบอกเจ้าให้นะ คำพูดที่น่าฟังมันเป็นเช่นไร คำพูดที่ทิ่มแทงใจคนเป็นเช่นไร สตรีเช่นเจ้าหากไม่ใช่นางโลมชั้นต่ำแล้วจะเป็นคุณหนูได้อย่างไรกัน”
ฟางหรงบีบปากของถังม่านชิงเอาไว้แน่น “กินมันเข้าไป” น้ำเสียงเหี้ยมแฝงด้วยกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัว ถังม่านชิงนึกไม่ถึงว่าฟางหรงจะโหดเหี้ยมเช่นนี้
“ข้าจะบอกเจ้าให้นะ ถึงข้าจะอ่อนแอขี้โรคเช่นนี้ แต่ข้าใช้สมองไม่ใช่ปาก อย่างเจ้า คิดจะช่วงชิงตำแหน่งฮูหยินเอกของข้า มันไม่ง่าย หากอยากได้เจ้าก็ต้องแลกมันมา” สิ่งที่ถังม่านชิงกินเข้าไปนั้นไม่มีพิษสักนิด
จากนั้นฟางหรงจึงให้อาชุนปล่อยตัวของถังม่านชิง ฝ่ามือฟาดเข้าให้ที่แก้มของนางทั้งซ้ายและขวา ก่อนสุดท้ายนางจะจากลา จึงได้มอบรอยส้นเท้าของนางบนหน้าของอีกฝ่าย เสียงหวีดร้องนั่นดังออกมาถึงข้างนอกห้อง
เดือดร้อนไปถึงสองผู้เฒ่าจะต้องมาห้ามปรามเข้าให้ เมื่อคนชราทั้งสองคล้ายว่าจับจูงกึ่งวิ่งกึ่งเดินนั่น มายังเรือนของลูกสะใภ้ไม่ห่างไกลสักเท่าไหร่แต่เข้ามาพบ มีแม่นางถังนอนอยู่กับพื้น ใบหน้าของนางปูดบวมและยังมองเห็นเส้นผมเป็นกระจุกหล่นอยู่บนพื้นอีกด้วย
“ลูกสะใภ้ที่แสนดีของข้า ถูกนังผู้หญิงบ้าคนนี้กลั่นแกล้งเข้าให้แล้ว ดูสิทำให้เด็กดีเรียบร้อย กลายเป็นแบบนี้ไปได้ เพราะไอ้ลูกชั่วคนนั้นแท้ ๆ” หลิวซื่อร่ำไห้ อดสงสารสะใภ้ไม่ได้ นางตีโพยตีพายกล่าวโทษลูกชายตัวเอง ฟางหรงยืนเรียบร้อยกลายเป็นเด็กดีน่ารักอีกครั้ง หลังจากเมื่อครู่ถูกปีศาจร้ายเข้าสิง
ไม่มีใครสนใจคนที่นอนกองอยู่บนพื้นสักคน มีแต่คนเมินเฉยนางคล้ายกับว่าเป็นเพียงสิ่งไร้ค่า ไร้ตัวตนให้ผู้คนเหลียวแล “นังผู้หญิงคนนี้ ข้าว่าน่าจะลากนางออกไปประจาน ผิดคิดแย่งสามีชาวบ้าน” ชายชรากล่าวขึ้นมาทันใด สีหน้านั้นบึ้งตึงเคร่งเครียดนัก
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ไหนเลยจะเป็นเช่นนั้น ในเมื่อท่านแม่ทัพมีใจให้นาง สิสู้ให้สมหวัง ลูกสะใภ้คนนี้ทำให้ท่านพ่อ ท่านแม่อับอาย มีจิตริษยาจึงคิดจะขอหย่าเจ้าค่ะ” ฟางหรงสีหน้านั่นดูแน่วแน่นัก สาวใช้ลากสตรีคนไร้ค่าออกไปมิให้เป็นอัปมงคลเรือนของเจ้านาย
สองผู้เฒ่ากุมขมับทันใด หลิวซื่อจับมือลูกสะใภ้เอาไว้ มิคิดเอ่ยปากห้าม “แม่เข้าใจเจ้า แต่ว่าแม่มีเรื่องขอร้องได้หรือไม่”
“หากลูกสะใภ้ทำได้ ขอให้ท่านแม่บอกมาเจ้าค่ะ” ฟางหรงยินดี ถือว่าตอบแทนที่ดูแลนางระยะเวลาที่อยู่ที่นี่ พวกท่านทั้งสองมิเคยเจ้ากี้เจ้าการอันใดกับนาง ยังเอ็นดูนางเป็นอย่างดีอีก
“เจ้าเห็นจวนข้าง ๆ หรือไม่ พ่อซื้อเอาไว้ให้เล่อเอ๋อร์ แต่เจ้าคิดหย่าร้าง พ่อกับแม่มิขัดขวาง ขอเพียงแค่เป็นความสุขของเจ้า พวกเราแก่แล้วจะอยู่ได้อีกไม่นาน ขอร้องสะใภ้เห็นใจพ่อกับแม่ด้วย ช่วยอยู่ที่จวนหลังนั้นจะได้หรือไม่” ชายชรากล่าวขึ้นมา ระยะเวลาร่วมหกปี สะใภ้คนนี้เป็นที่น่าภาคภูมิใจ เดินทางไปไหนมีแต่คนยกย่องว่าได้สะใภ้ดี
เพียงแค่ได้ยินพวกท่านทั้งสองมิขัดขวาง ฟางหรงคุกเข่าลงก้มหน้าแนบพื้น ใบหน้าของนางเปี่ยมไปด้วยความสุขและรอยยิ้มยังมีม่านน้ำตาเจือจางคลออยู่กระบอกตาของนางอีกด้วย “ลูกขอบคุณท่านพ่อ ท่านแม่ที่เมตตาเจ้าค่ะ”
“หนังสือหย่าให้เจ้าเขียนมันเองเถอะนะ แม่ตามใจเจ้าขอเพียงแค่ย้ายไปอยู่ที่จวนข้าง ๆ ก็พอ แม่สัญญาว่าจะไม่ให้ใครไปรบกวนเจ้าอีก” หลิวซื่อใจหายนัก ลูกสะใภ้ที่เอ็นดูมาหลายปี จู่ ๆ ก็จะกลายเป็นเพียงแค่อดีตสะใภ้แล้ว
“เหตุใดลูกชายข้ามันจึงโง่นัก สู้หลานข้าก็ไม่ได้” ชายชราสบถด่าอย่างหัวเสีย หลานชาย หลานสาวทั้งสองมีหัวคิดมิใช่หูตามืดบอดจิตใจคับแคบ ถือตนเองเป็นที่ตั้งเช่นนี้
“คอยดูเถอะข้าจะให้หลินเอ๋อร์ จัดการกำราบพ่อชั่ว ๆ ให้อยู่หมัด” ชายชรายังรู้สึกหงุดหงิดทุกครั้ง
“เอ้า พวกเจ้ายืนงงอยู่ทำไมกัน ช่วยฮูหยินจัดการย้ายเรือน” น้ำเสียงเหี้ยมของหลิวซื่อกล่าวขึ้นมา นางคือฮูหยินผู้เฒ่าที่มัดใจสามี เพราะชายชราผู้นี้รักเดียวใจเดียวคงมั่น ผิดก็แค่ลูกชายเท่านั้น เหตุใดกันจึงได้โง่เง่าถึงเพียงนี้
“ข้าให้เวลาพวกเจ้าย้ายของเพียงแค่ครึ่งชั่วยาม เร็ว ๆ ลงมือเข้า” ชายชราออกคำสั่ง บ่าวไพร่วิ่งวุ่นวายไปทั่ว พากันหยิบจับอลหม่านน่าดู เด็ก ๆ ทั้งสองยังไม่รู้เรื่องเดินมาก็พบว่าเหตุใดห้องท่านแม่จึงวุ่นวายถึงเพียงนี้
แฝดผู้พี่ขมวดคิ้วกล่าวถามขึ้นมา “ท่านแม่เราจะย้ายแล้วหรือขอรับ” เขาพอเดาออก ในสิ่งที่เขาคิดการณ์เอาไว้ ว่าคงจะต้องมาถึงแน่ ๆ
“ย้าย เราจะไปไหนกันหรือเจ้าคะ” ฟางหลินในมือยังคงมีตำราฝึกฝนวรยุทธ์ขั้นกลางอยู่ในมือ ใครคิดว่านางเป็นเด็กและยังเป็นสตรีคิดผิดแล้ว