7

1197 Words
7 เขาไม่สนใจคำพูดของถังม่านชิง แต่มองตามแผ่นหลังของลูกสาว เห็นแผ่นหลังเหยียดตรง มือป้อม ๆ นั่นถูกหย่งเล่อกอบกุมมือ เขาหันเหลือมองมายังบิดาด้วยสายตาที่ว่างเปล่า มุมปากเขาบิดขึ้นมาเล็กน้อย หย่งคังหย่อนก้นนั่งลงอีกครั้ง ในมือไม่มีตะเกียบแล้ว เห็นสีหน้าของบิดาและมารดาดูอย่างไรก็เฉยชาอยู่ดี เขาจึงได้กล่าวถามขึ้นมา “ท่านแม่ ลูกของข้าอีกคนรึ คือ...พวกเขาเป็นแฝดกัน” คำพูดตะกุกตะกักนั่นก็ยิ่งสร้างความปั่นป่วนให้กับสตรีข้างกายนัก “ท่านแม่ทัพอย่าสนใจเลยเจ้าค่ะ” ด้วยเพราะริษยาจึงได้กล่าวขึ้นมาอย่างจงใจ “หุบปาก ข้าไม่ได้ถามเจ้า” หย่งคังดุนางเข้าให้ด้วยความไม่พอใจ ยังพูดแทรกขึ้นมาอีก “จะอยากรู้ไปทำไมกัน เป็นเจ้าที่ไม่สนใจลูกเมีย ทีอย่างนี้จะมาถาม คนเป็นพ่อก็ต้องสนอกสนใจลูกของตัว มีอย่างที่ไหนกลับมาทั้งทีก็ไปคว้าเอาผู้หญิงชั้นต่ำเข้าบ้าน บอกไว้ก่อนเลยว่า หากยืนกรานจะแต่งนางเข้ามา เจ้าจะได้เห็นดีกัน” มารดานึกกรุ่นโกรธ เห็นสตรีนางนี้ปั้นหน้ายิ้มก็ทำให้กินข้าวไม่ลง สองผู้เฒ่าเดินออกจากห้องไปโดยไม่สนใจลูกชายสักนิด “อีกไม่กี่วันจะถึงวันชิวอิกแล้ว ข้าละกลัวเหลือเกินหากหรงเอ๋อร์คิดจะขอหย่ากับเจ้าบ้านั่นจะทำอย่างไร” หลิวซื่อกล่าวขึ้นมา นางร้อนใจนักใครอยากจะอยู่ร่วมเรือนกับคนใจคอคับแคบตีบตันเช่นนี้ “ไม่ต้องห่วงหรอก ข้าจัดการเอาไว้แล้ว ข้าง ๆ จวนของเรามีจวนของท่านเฉาที่เพิ่งจะย้ายไป ข้าน่ะได้ซื้อเอาไว้ คิดว่าจะเอาไว้ให้หย่งเล่อตอนเขามีภรรยา เอาเป็นว่าหากลูกสะใภ้ของพวกเราหย่าจริง ๆ ละก็ ข้าจะยกที่ดินผืนนั้นให้นาง” ชายชรากอบกุมมือภรรยาไป สองผู้เฒ่าต่างก็หวั่นวิตกนัก ฟางหรงแต่งตัวเดินออกจากห้อง นางก็รีบร้อนแจกจ่ายงานที่คั่งค้างเอาไว้ให้กับพ่อบ้านฝูให้ช่วยอีกแรง อากาศก็หนาวเหน็บ ร่างกายก็บอบบาง ยังจะเร่งทำงานและตรวจตราสิ่งของอีก มิหนำซ้ำยังต้องเข้าครัวเอง เตรียมอาหารให้แก่เหล่านายทหารที่พักอยู่นอกจวนอีกราวร้อยกว่าคน “ท่านแม่ลูกกลับมาแล้วเจ้าค่ะ” ฟางหลินกระโดดเข้ามาสวมกอดมารดาด้วยวิชาตัวเบาอันเป็นหนึ่งในสำนักศึกษาหลวง ฟางหรงอ้าแขนออกอุ้มเด็กน้อยเข้ามาแนบอก “มาถึงทั้งที ไปพบท่านปู่ท่านย่าหรือยัง” “พบแล้วเจ้าค่ะ ยังได้พบหน้าท่านแม่ทัพอีกด้วย” ฟางหลินกล่าวขึ้นมา ยังคงซุกใบหน้าเข้าหามารดาด้วยความรัก ภาพนี้ทำให้ใครคนหนึ่งอิจฉาเป็นที่สุด เขามองเห็นสามแม่ลูกในนั้นไม่เขาเคียงกายลูก ๆ ทั้งสองก็ว่าได้ ฟางหรงเหลือบเห็นสามีของนาง ข้างกายของเขายังคงมีสตรีน้อยนางนั้น นางเพียงแค่เลือกที่จะไม่สนใจเขาและท่าทางของเขาอีกแล้ว “อืม เดี๋ยวแม่ไปจัดทำธุระเสียก่อน หิวหรือไม่เล่าในห้องของพี่ชายยังมีสำหรับอยู่อีกนะ” “หิวเจ้าค่ะ ว่าแต่วันนี้ท่านแม่ดูรีบร้อนนัก” ฟางหลินขมวดคิ้วนักเห็นท่านแม่ดูรีบร้อนผิดปกติ “แม่จะเอาของหนังสือไปให้ลุงฝู แล้วก็จะไปเข้าครัวด้วย” สีหน้าของนางก็ยังคงเป็นเหมือนเดิมคือใบหน้านั้นดูซีดเซียวไร้สีเลือด แม้จะแย้มยิ้มให้ลูกสาว แต่นางก็มีเรื่องให้ครุ่นคิดอยู่อีกมาก “งั้นให้ลูกช่วยนะขอรับ” หย่งเล่อเสนอตัวทันใด “ไม่ได้เจ้าต้องไปสำนักศึกษามิใช่รึ” ฟางหรงให้ลูกสาวยืนบนพื้นแล้ว นางย่อตัวลงกล่าวถามลูกชาย “ท่านแม่ลืมไปหรือไม่อีกสองวันจะวันชิวอิกแล้ว ท่านอาจารย์ใหญ่ให้พวกข้าหยุดเรียนเพื่อร่วมสังสรรค์กับครอบครัว ท่านอาจารย์ใหญ่ยังฝากความคิดถึงมาให้ท่านแม่อีกด้วย” หย่งเล่อเพิ่งนึกได้ เขาไม่เกรงกลัวว่าใครจะได้ยิน หรือจะทำให้มารดาเสียหาย หย่งคังได้ยินชายคนอื่นบอกคิดถึงภรรยาก็นึกโมโหเข้าให้ “ดีจริง ๆ มีลูกตั้งสองคนยังมีเวลาสวมหมวกเขียวให้ข้าอีก” “ท่านแม่ทัพจะกรุ่นโกรธไปไย ในเมื่อท่านแม่ของข้าหาใช่เป็นภรรยาของท่าน จงเก็บคำพูดนี้เอาไว้ ย้ำเตือนสตรีข้างกายของท่านเถิดเจ้าค่ะ” ฝีปากของดรุณีน้อยใช่ใครจะทัดเทียมได้ บอกแล้วว่าอย่าให้นางไม่พอใจ และต่อแต่นี้หากบิดายังไม่ยอมรามืออีก นางจะจัดการไล่ตะเพิดสตรีคนนี้ออกจากจวนทันที “ชักจะก้าวร้าวนัก” หย่งคังหลงลืมตัว ตวาดเสียงใส่ลูกสาว เห็นนางสะดุ้งเฮือกตกใจจึงได้หยุดพูดทันที “ท่านแม่ ฮือ ๆ ๆ” จู่ ๆ ฟางหลินก็ร้องไห้ขึ้นมา เพียงแค่เพราะบิดาตวาดเสียงใส่ นางสวมกอดเข้าให้กับพี่ชาย น้ำตานั้นหาได้มีไม่ นางกระซิบเบา ๆ ข้างหูว่า “พี่ใหญ่จัดการเร็ว ๆ เข้า” ใครกล้าล่วงเกินมารดาก็ย่อมต้องเจอนางจัดการ “เห็นหรือไม่ ว่าคำพูดของท่านแม่ทัพ ทำให้น้องสาวของข้าเสียใจ ตั้งแต่เล็กจนเติบโตเข้าห้าหนาว นางภาวนาอยากเห็นหน้าท่านพ่อ นางบอกว่ารักท่านพ่อสุดดวงใจ เป็นวีรบุรุษของแคว้นอู๋ แต่บัดนี้ดูท่านสิ กำลังทำร้ายน้ำใจลูกสาวตนเองชัด ๆ หลินเอ๋อร์ อย่าสนใจเขาเลย ในไม่ช้าเขาก็คงไม่ใช่ท่านพ่อของเราอีกต่อไป” จ้าวหย่งคังไปไม่เป็นทันที เห็นลูกสาวร้องไห้สะอึกสะอื้น อยากโอบกอดตระกองนางปลอบใจเหลือเกิน ใบหน้าพริ้มเพรานั่นยามร้องไห้แล้วน่าสงสารเป็นที่สุด หัวใจของเขาเจ็บแปลบขึ้นมาทันใด “ดีนักมาอยู่ที่จวนเพียงแค่สองวัน วันแรกตีลูกชายข้า วันที่สองทำให้ลูกสาวข้าร้องไห้ ช่างเป็นพ่อที่ดีเหลือเกิน” ฟางหรงอะไรนางก็ยอมและใจอ่อน หากแต่เป็นลูกทั้งสองแน่นอนว่านางไม่ยอมอย่างเด็ดขาด นางยกมือขึ้นชี้หน้าอีกฝ่าย “อย่าได้ริอ่านมาอุ้มลูกของข้า อย่าได้ริอ่านมากอดลูกของข้า พวกเขาสองคนไม่มีพ่ออย่างท่านแม่ทัพ” พลันหัวใจของจ้าวหย่งคังแตกสลายเป็นเสี่ยง ๆ เมื่อถูกฟางหรงประกาศกร้าวออกมา เขาอยากจะอุ้มนางขึ้นมาเช็ดคราบน้ำตานั่น แต่ทว่าหย่งเล่อจับจูงนางออกไปไกลสายตาเขาแล้ว เขาโมโหกรุ่นโกรธเข้าให้ แต่ก็ถูกถังม่านชิงดึงเอาไว้ “พี่สาวใยจะตัดขาดกันเช่นนี้เจ้าคะ แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นเอง” ม่านชิงเสนอตัวปกป้องท่านแม่ทัพที่เห็นว่าจู่ ๆ เขาก็ถูกครอบงำจากลูกสาวถึงขั้นพูดจาไม่ออก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD