ตอนที่ 19
ไม่มีสิ่งใดตอบแทน
“เหตุผลใดกันข้าถึงลงโทษเจ้าไม่ได้ เห็นกันอยู่ว่าเจ้าละเลยไม่ยอมไปรับข้า หนิงหนิงเจ้าไม่รู้หรอกว่า ข้ามองหาไปจนทั่ว ความจริงข้าอยากจะแวะหาเจ้าก่อนที่จะเข้าวังเสียอีก หนิงหนิงข้าคิดถึงเจ้ายิ่งนัก”
หากเมื่อก่อนนางคงจะเขินอาย ยิ้มกว้างออกมา และกระโดดจุมพิตที่แก้มเขาสักที ทว่ายามนี้นางรู้แล้วว่าคนอย่างกู่เหว่ยหยวนไม่คู่ควร
“ดีแล้วเพคะที่พระองค์ไม่ทรงทำเช่นนั้น และที่พระองค์ลงโทษหม่อมฉันไม่ได้เพราะพระองค์ก็ทรงทราบหม่อมฉันเพิ่งจะฟื้นขึ้นมา ร่างกายยังไม่หายดี จะออกนอกจวนไปตากลมได้อย่างไร หรือพระองค์ทรงอยากเห็นหม่อมฉันล้มป่วยไปอีก” สีหน้าที่ดูเหมือนรู้สึกผิด น้ำเสียงคล้ายออดอ้อน หัวใจกู่เหว่ยหยวนพลันสั่นไหว เขารีบยื่นมือไปกุมมือบางเอาไว้
“เป็นข้าที่ไม่ทันคิด ลำบากเจ้าแล้ว อาการเจ้าดีขึ้นบ้างหรือไม่ หมอหลวงโจวเล่า ไปตามหมอหลวงโจวมาพบข้า” อ้ายลี่และไห่ฉินหันมาสบตากันก่อนจะเดินเข้ามาคุกเข่าตรงหน้า ทว่าหลิวอวี่หนิงก็โบกมือให้สาวใช้กลับไปยืนที่เดิม
“องค์ชายเพคะ ร่างกายหม่อมฉันไม่เป็นอะไรแล้ว จึงได้ให้หมอหลวงโจวกลับไปแล้ว หม่อมฉันขอบพระทัยพระองค์ที่ทรงทูลขอโสมพันปีจากฮองเฮาเพื่อหม่อมฉัน” หลิวอวี่หนิงขยับตัวลงจากตั่งและไปนั่งคุกเข่าที่พื้น ก่อนจะก้มโขกศีรษะลงไป
“หม่อมฉันไม่มีสิ่งใดจะตอบแทนพระองค์ได้ นอกจากโขกศีรษะขอบพระทัยเพคะ” กู่เหว่ยหยวนตัวแข็งเกร็งขึ้นมา นางไม่เหมือนเดิม เหตุใดเขาจะดูไม่ออก แต่เพราะเหตุใด เพราะเหตุใดนางจึงเปลี่ยนไปเช่นนี้ หากเป็นเหมือนเมื่อก่อนนางจะไม่มีทางทำเช่นนี้ กู่เหว่ยหยวนมองร่างอรชรที่แนบศีรษะจรดพื้น ดวงตาฉายแววตกใจออกมา
นึกย้อนกลับไปเมื่อครั้งในอดีต ครั้งนั้นเสด็จพ่อประทานเครื่องราชบรรณาการของต่างแคว้นให้กับโอรสธิดาของพระองค์ ยามนั้นเขาได้ไข่มุกราตรีเม็ดใหญ่จากโพ้นทะเล ครั้งนั้นหลิวอวี่หนิงและอินจูหลีต่างก็อยากได้ด้วยกันทั้งคู่ ครั้งนั้นเขาจำได้ดี เหตุผลที่มอบให้หลิวอวี่หนิง เป็นเพราะอีกไม่กี่วันจะถึงวันคล้ายวันเกิดของนาง นางดีใจเป็นอย่างมาก นอกจากกระโดดกอดเขาแล้ว นางยังทำอาหารต่าง ๆ ส่งมาให้เขา นอกจากนั้นยังมีรองเท้าที่นางพยายามเย็บให้เขากับมือ กู่หยวนยังจำได้ดี มือนางถูกเข็มทิ่มแทงสองมือเต็มไปด้วยบาดแผล หากเป็นเช่นเมื่อก่อน นางไม่มีทางขอบคุณเขาเต็มพิธีการเช่นนี้!!..
“หนิงหนิงเจ้าลุกขึ้นเถอะ เจ้ากับข้ายังต้องมากมารยาทเช่นนี้ด้วยหรือ ทีหลังอย่าทำเช่นนี้เคยทำเช่นไรก็ทำเช่นนั้น” หลิวอวี่หนิงลุกขึ้นกลับมานั่ง สิ่งที่นางควรทำนางก็ทำไปแล้ว หลังจากนี้นางก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเกี่ยวข้องกับเขาอีก
“จะทำเช่นนั้นได้อย่างไรเพคะ หม่อมฉันเป็นเพียงสตรีธรรมดาผู้หนึ่ง จะเอาความกล้ามาตีตนเสมอพระองค์ได้อย่างไร องค์ชายทรงล้อหม่อมฉันเล่นแล้ว..”กู่เหว่ยหยวนอ้าปากกำลังจะเอ่ย ทว่าหลิวอวี่หนิงกลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้น
“หม่อมฉันคงต้องเสียมารยาทแล้ว ถึงแม้ตอนนี้อาการป่วยจะทุเลาลงแต่ยังรู้สึกอ่อนเพลียอยู่บ้าง องค์ชายคงจะไม่ถือสาคนอ่อนแอเช่นหม่อมฉันใช่หรือไม่เพคะ” หากบอกว่าเมื่อสักครู่กู่เหว่ยหยวนตกใจแล้ว ยามนี้ก็เรียกได้ว่าหวาดกลัวแล้วเช่นกัน
หลิวอวี่หนิงเงยหน้าขึ้นมองดวงตาที่เบิกกว้างคู่นั้น กู่เหว่ยหยวนผุดลุกขึ้นยืน และมองใบหน้าที่เฉยชาของนาง หัวใจก็เต้นระรัว มือหนาเปียกชื้นไปด้วยหงื่อ
“เช่นนั้นข้ากลับไปก่อน หนิงหนิงเจ้าพักผ่อนดื่มยาให้หายดี เรื่องอื่นล้วนไม่ต้องเก็บมาคิด”
“มีเรื่องใดให้หม่อมฉันต้องคิดด้วยหรือเพคะ” หลิวอวี่หนิงยิ้มออกมา ทว่าแววตากลับหรี่ลง นางกำลังสงสัย!!..นางกำลังสงสัยเขาแล้ว กู่เหว่ยหยวนสูดลมหายใจเข้า เขาก้าวเซถอยหลังไปหนึ่งก้าว
“ย่อมไม่มี เจ้าไม่มีสิ่งใดต้องคิด ข้ากลับก่อน วันหลังจะมาใหม่”
หลิวอวี่หนิงมองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินออกไปอย่างรีบร้อน ดวงตาเรียวแลดูกระจ่างใส กู่เหว่ยหยวนเริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อใดกันนะ ดูเหมือนว่าจะเป็นตั้งแต่ที่เขาล้มป่วย ดูเหมือนป่วยไข้ธรรมดา ทว่าก็หลับไปถึงสองวัน หลังจากนั้นเขาก็เปลี่ยนไป แต่จะเป็นไปได้อย่างไร เพราะในชาติที่แล้ว ก่อนที่เขาจะไปล่าสัตว์วันนั้น เขาก็ล้มป่วยไปก่อนหน้านั้นเช่นกัน แต่หากนางย้อนกลับไปได้ และเขาเล่า เขาจะย้อนกลับไปได้หรือไม่ ไม่ถูกต้องหากเขาย้อนกลับไปจริง เขาควรจะอยู่ห่างจากนาง หลีกเลี่ยงสถานที่ที่ต้องเจอกับนางมิใช่หรือ
“คุณหนูเจ้าคะ...” ไห่ฉินเห็นเจ้านายนั่งขมวดคิ้วมองตามแผ่นหลังขององค์ชายสี่อย่างเลื่อนลอยก็เดินเข้ามาเรียก หากคุณหนูอาลัยอาวรณ์ก็ไม่ควรจะเอ่ยปากไล่พระองค์ไปนี่นา แต่ดูเหมือนเสียงเรียกของสาวใช้จะไม่ได้เข้าไปในหูของหลิวอวี่หนิงเลยแม้แต่น้อย
“คุณหนูเจ้าคะ” หลิวอวี่หนิงพลันได้สติขึ้น เพราะนอกจากเสียงที่ดังข้างหูแล้ว ด้านหน้ายังมีมือของสาวใช้โบกขึ้นมาอีกด้วย
“อาฉินเจ้าจะเสียงดังทำไมกัน อาลี่เจ้าควรอบรมนางบ้าง ไม่เช่นนั้นอีกหน่อยหูข้าคงดับเพราะเสียงของนางแล้วล่ะ”
“คุณหนู..ก็บ่าวเรียกตั้งนานแล้ว คุณหนูไม่ได้ยินเองนี่เจ้าคะ” ไห่ฉินก้มหน้าแง่งอนออกมา หลิวอวี่หนิงเห็นอย่างนั้นก็ยื่นมือไปดึงแก้มของนาง พร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ
“เอาล่ะ ๆ คุณหนูขอโทษเจ้าแล้ว ว่าแต่อาฉินเรียกข้าทำไมหรือ”
“บ่าวไหนเลยจะกล้ารับคำขอโทษจากคุณหนู ต่อไปห้ามพูดเช่นนั้นอีกนะเจ้าคะ คุณหนูไม่จำเป็นต้องขอโทษบ่าวอีก”
“ได้อย่างไรกัน จะเจ้าหรือข้าหรืออาลี่เองก็เช่นกัน หากทำผิดก็ควรต้องเอ่ยคำขอโทษ”
“คุณหนูดีต่อบ่าวนัก บ่าวสัญญาว่าจะอยู่ดูแลคุณหนูตลอดไปไม่ยอมแต่งงานชั่วชีวิต” อ้ายลี่เดินมาคุกเข่าลงตรงหน้า มองคุณหนูอย่างเทิดทูน ชาติที่แล้วนางทำบุญด้วยสิ่งใด ชาตินี้ถึงได้เจอเจ้านายที่ดีเช่นนี้
“บ่าวด้วย ๆ บ่าวก็ไม่แต่งเจ้าค่ะ” ไห่ฉินเห็นว่าอาลี่จะไม่แต่งงาน นางก็ไม่แต่งเช่นกัน
“ฮ่า ๆ ๆ เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเถอะ ข้ากลัวแต่ว่าเมื่อไรที่เจ้าเจอบุรุษหน้าขาวจะร้องมาขอให้ข้าออกหน้าให้น่ะสิ” สองสาวเบิกตาขึ้น ก่อนจะหัวเราะออกมาตามเจ้านายตนเอง เพราะมัวแต่หยอกล้อกันอยู่ นางจึงลืมถามไปเลยว่า เพราะเหตุใดคุณหนูจึงจงใจไล่องค์ชายกลับไปเช่นนั้น