ตอนที่ 20 แม่นมเผิง

1419 Words
ตอนที่ 20 แม่นมเผิง สามวันแล้วที่กู่เหว่ยหยวนไม่ได้เข้ามากวนใจหลิวอวี่หนิง นั่นเพราะอะไรนางเองก็สุดจะรับรู้ อาจเพราะฮ่องเต้มอบตำแหน่งในราชสำนักให้ อาจเพราะเขาจะต้องเข้าว่าราชการทุกเช้า หรือจริง ๆ เขาอาจจะรู้ตัวแล้วว่า ตนเองเกลียดนางเหมือนเช่นชาติก่อน แต่นั่นนับว่าเป็นอะไรได้ ต่อให้นางจะแค้นเคืองในเรื่องของชาติที่แล้วมากเพียงใด แต่เพราะในชาตินี้ยังไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น จะให้นางไปแก้แค้นก็คงจะเป็นไปไม่ได้ และอีกอย่างตอนนี้นางเป็นเพียงคุณหนูหลิว จะมีอำนาจใดในมือกันเล่า แต่ถึงนางจะไม่อยากแก้แค้น แต่ก็ไม่ใช่ว่านางจะไม่ป้องกัน “พี่ใหญ่หนิงหนิงขอตามท่านเข้าไปในกองทัพได้หรือไม่” หลิวอวี่เหวินจัดอาภรณ์บนตัวเสร็จก็หันไปมองน้องสาวที่ยืนยิ้มอยู่นอกประตูห้อง โผล่เพียงใบหน้าเข้ามาเท่านั้น แม่ทัพหลิวเห็นน้องสาวกลับมาสดใสฉายแววดื้อรั้นเช่นเดิมก็สบายใจขึ้นมา ก่อนหน้านั้นเขาก็คิดว่าน้องสาวถูกของอัปมงคลตามที่แม่นมเผิงหวาดกลัวหรือไม่ จะไม่ให้คิดเช่นนั้นได้อย่างไร ก็นั่นไม่ใช่เพราะ หลิวอวี่หนิงฟื้นขึ้นมาก็เปลี่ยนไปราวคนละคนหรอกหรือ แต่หลายวันเข้าไปแล้ว กลับเห็นว่านอกจากหญิงสาวจะมีความคิดรอบคอบขึ้น อย่างอื่นก็ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนไปแม้แต่น้อยแต่ถึงอย่างไรคำพูดของแม่นมเผิงก็ไม่อาจมองข้าม แม่นมเผิงเป็นแม่นมของท่านพ่อ นางเลี้ยงท่านพ่อมาตั้งแต่เกิด หากจะกล่าวว่าสองพี่น้องสกุลหลิวเคารพแม่นมผู้นี้เหมือนดังผู้อาวุโสของสกุลก็ไม่ผิดนัก “ไปบอกแม่นมเผิงสักคำเถอะ แค่ที่เจ้าล้มป่วยไปนางก็รู้สึกผิดมากพอแล้ว” “ไม่ใช่ความผิดนางเสียหน่อย” “ข้าก็บอกนางแล้ว แต่นางก็บอกว่าหากนางไม่กลับไปเยี่ยมญาติที่ต่างเมืองมีหรือจะยอมปล่อยเจ้าออกไปเที่ยวเล่น” “ถึงอย่างไรข้าก็แอบออกไปอยู่ดี”หลิวอวี่หนิงก้มหน้าคอตกถึงจะพูดไปอย่างนั้นก็เดินกลับไปทางเรือนของแม่นมเผิงอยู่ดี “แม่นมเผิงทำไมไม่ให้สาวใช้ทำเล่า” ครั้นเมื่อเดินเข้ามาเห็นแม่นมผู้ชรากำลังก้มหน้าเย็บตู้โตวให้นางก็แสบกระบอกตาขึ้น ร่างอรชรเดินไปนั่งด้านข้างและล้มตัวนอนหนุนลงบนตักอุ่น “สาวใช้พวกนั้นมือหยาบ แม่นมจะกล้าให้พวกนางทำได้อย่างไร ตู้โตวของคุณหนูจะต้องตัดเย็บอย่างดี เวลาสวมใส่จะได้สบาย ตะเข็บด้ายไม่บาดเนื้อ” มือเหี่ยวย่นลูบไปบนเส้นผมเงางาม พลางยิ้มออกมา “คุณหนูดูสิอยากได้ลายไหนเป็นพิเศษหรือไม่ แม่นมจะปักให้” หลิวอวี่หนิงส่ายหน้า “ไม่เจ้าค่ะ ไม่ต้องมีลายก็ได้แม่นมจะได้ไม่เหนื่อยเกินไป” “แม่นมไม่เหนื่อยเจ้าค่ะ ขอให้ได้ทำโน้นทำนี่ให้คุณหนูกับท่านแม่ทัพบ้างเถอะ แม่นมอยู่เฉย ๆ เบื่อยิ่งนัก” หลิวอวี่หนิงปล่อยให้แม่นมเผิงลูบเส้นผมตนเอง นางปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาช้า ๆ ก่อนจะหลับตาลง ภาพในอดีตไหลย้อนเข้ามาดังสายน้ำ นางจำได้ดีว่าวันที่นางออกเรือน แต่งเข้าตำหนักองค์ชายสี่ แม่นมเผิงดีใจเป็นอย่างมาก ทั้งเช้าทั้งเย็นยิ้มไม่ยอมหุบ วันเข้าหอก็กลัวว่านางจะเขินอาย นั่งเฝ้าหน้าห้องหอไม่ไปไหน แต่ไหนเลยนางจะได้เข้าหอเหมือนคู่สามีภรรยาอื่น กู่เหว่ยหยวนไม่แม้แต่จะมาเปิดผ้าคลุมหน้าให้นางเสียด้วยซ้ำ กว่าที่นางจะได้พบหน้าพระสวามีก็ร่วมสามวันผ่านไปแล้ว ทั้ง ๆ ที่ตนเองทั้งเศร้าใจและปวดใจ แต่แม่นมเผิงกลับเอาแต่ปลอบนางไม่หยุด เรื่องนั้นก็ช่างมันเถิด แต่ผู้ใดจะไปคาดคิดกันเล่าว่า หลังจากนางแต่งเข้าไปไม่ถึงปี กู่เหว่ยหยวนก็แต่งชายารองเข้ามา หลังจากนั้น แม่นมเผิงของนางก็ไม่เคยมีรอยยิ้มบนใบหน้าอีกเลย แม่นมสั่งนักหนาไม่ให้นางไว้ใจอินจูหลี ทว่านางกลับโง่เขลาจนทำให้แม่นมต้องตายจาก คืนวันนั้นปิ่นปักผมของชายารองหายไป ค้นไปค้นมาก็เจอในห้องแม่นมของนาง แน่นอนว่าแม่นมปฏิเสธ ร้องขอให้นางเชื่อ นางย่อมเชื่ออย่างไม่มีข้อกังขา แต่ทั้งพยานและหลักฐานก็มัดตัวเอาไว้แน่นหนา หลิวอวี่หนิงก้มศีรษะขอรับโทษจากกู่เหว่ยหยวนแทนแม่นมชรา เรื่องก็น่าจะจบเพียงเท่านั้น เพราะกู่เหว่ยหยวนก็ลงโทษเพียงแค่ให้แม่นมอยู่แต่ในเรือนไม่ให้ออกมาข้างนอก ทว่ากลับไม่เป็นอย่างนั้น เพราะไม่กี่วันต่อมา อ้ายลี่กลับพบร่างบวมอืดลอยอยู่ในสระน้ำท้ายตำหนัก แม่นมของนางถูกฆ่าตายอย่างอนาจนัก “ร้องไห้ทำไมกันเล่าเจ้าค่ะ มีเรื่องใดให้ปวดใจกัน ผู้ชราต้องขยับร่างกายเสียบ้าง มิเช่นนั้นคงเหี่ยวเฉา” แม่นมเผิงประคองใบหน้าหลิวอวี่หนิงขึ้นมาและบรรจงเช็ดหยาดน้ำตาออกไป “จริงเจ้าค่ะ เป็นหนิงหนิงที่ไม่รู้ความ แต่แม่นมต้องสัญญาว่าจะไม่ให้ตัวเองเหน็ดเหนื่อยจนเกินไป” “เจ้าค่ะ ๆ แม่นมรับรู้แล้ว คุณหนูเข้ามาหาแม่นมไม่ใช่เพื่อพูดเรื่องนี้หรอกกระมัง มีเรื่องอื่นใดหรือไม่” “ปิดแม่นมไม่ได้จริง ๆ หนิงหนิงจะตามพี่ใหญ่ไปค่ายทหารเจ้าค่ะ ไม่ได้เข้าไปหลายวันแล้ว วันนี้ร่างกายหายดีแล้ว อยากจะไปยืดเส้นยืดสายบ้าง” “เพิ่งจะหายป่วยแท้ ๆ จะต้องตามท่านแม่ทัพออกไปลำบากทำไมกัน ปีหน้าก็ปักปิ่นแล้วคุณหนูต้องเรียนรู้หลักสตรีได้แล้วเจ้าค่ะ อีกหน่อยแต่งออกไปจะได้ไม่ขายหน้าบ้านสามี” “ไม่ฟัง ไม่ฟัง ไม่ฟัง แม่นมไม่ต้องพูดแล้ว หนิงหนิงจะไม่แต่งงาน จะอยู่กับแม่นมไปตลอดชีวิต” “อีกไม่นานแม่นมก็จะต้องตามนายท่านกับฮูหยินไปยังปรโลก..”มือบางยกขึ้นไปปิดกั้นคำพูดเหล่านั้น นางส่ายหน้าอย่างดื้อรั้น ทว่าแม่นมเผิงกลับอุ่นไปทั้งหัวใจ “ไม่ฟังแล้วเจ้าค่ะ หนิงหนิงจะกลับมากินข้าวเย็นกับแม่นมนะ หากแม่นมเย็บเสร็จแล้วก็เข้าครัวทำเนื้อชุบแป้งทอดผัดเปรี้ยวหวานให้ข้ากับพี่ใหญ่ด้วยนะเจ้าคะ หนิงหนิงไปก่อนแล้ว” แม่นมเผิงถอนหายใจออกมาก่อนจะบ่นอีกสองสามคำสาวใช้ในห้องพลันหัวเราะขึ้นมา “แม่นมเผิงช่างน่าอิจฉายิ่งนัก คุณหนูกับท่านแม่ทัพให้ความเคารพเหมือนญาติผู้ใหญ่ เช่นนั้นของเหล่านั้นก็อย่าทำเลยเจ้าค่ะ ให้ข้าทำเถิด” อาเหยาสาวใช้ที่มีหน้าที่รับใช้แม่นมเผิงโดยเฉพาะหัวเราะออกมาอย่างไม่จริงจังนัก นางไม่ได้อิจฉาอย่างที่ปากว่า คุณหนูเคารพแม่นมเผิง นางที่เป็นสาวใช้ดูแลแม่นมเผิงย่อมได้รับอนิสงค์ไปด้วย ของดีอันใดล้วนถูกแบ่งให้นางทั้งสิ้น คนเราต้องรู้จักพอ หากมักใหญ่ใฝ่สูงเกินวาสนาจุดจบมักไม่ดีนัก “ของใช้ส่วนตัวคุณหนูเจ้าไหนเลยจะทำได้ อาเหยาเจ้ายังไม่รีบไปแจ้งห้องครัวให้ออกไปซื้อวัตถุดิบทำอาหารให้คุณหนูอีก” “เจ้าค่ะอาเหยาไปเดี๋ยวนี้แหละ” แม่นมเผิงยิ้มกว้างออกมาทั้งปากและดวงตา นางรับรู้ถึงความรักของคุณหนูและท่านแม่ทัพ และแน่นอนว่านางเองมองทั้งคู่เป็นหลานแท้ ๆ ของตัวเองไปนานแล้ว สามีและลูกชายของนางล้วนตายไปในกองทัพทั้งสิ้นตั้งแต่ทั้งสองตายจากไป ชั่วชีวิตนางก็ไม่เคยคิดจะก้าวออกจากสกุลหลิวอีกต่อไป อยู่เป็นบ่าวสกุลหลิว ตายก็เป็นผีสกุลหลิว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD