ตอนที่ 18 รู้ความผิดตัวเองหรือไม่

1322 Words
ตอนที่ 18 รู้ความผิดตัวเองหรือไม่ หลังออกจากวังหลวงก็ไม่มีเหตุผลใดที่จะรั้งชายหนุ่มเอาไว้ได้ กู่เหว่ยหยวนรีบควบม้าไปที่จวนสกุลหลิวอย่างเร่งด่วน ครั้นถึงหน้าประตูจวนก็รีบโดดลงจากหลังม้า โยนบังเ**ยนให้กับหย่งเสียน ส่วนตนเองแทบจะวิ่งเข้าไปในจวนอยู่แล้ว “อาเหวิน หนิงหนิงเล่านางเป็นอย่างไรบ้าง” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาตั้งแต่เจ้าตัวยังไม่ทันได้ก้าวเข้าในห้องโถงเสียอีก หลิวอวี่เหวินรีบเดินขึ้นมาข้างหน้าก่อนจะคุกเข่าลงที่พื้น “หลิวอวี่เหวินถวายพระพรองค์ชายสี่พ่ะย่ะค่ะ” “จะมากมารยาทไปทำไมกัน ที่นี่หาได้มีผู้ใดไม่ รีบลุกเร็วเข้า อาเหวินต่อจากนี้ไปหากไม่ได้อยู่ต่อหน้าผู้อื่นก็จงเว้นเสียมารยาทจอมปลอมเหล่านั้น ใจข้ารู้ดีว่าเจ้าภักดีก็เพียงพอแล้ว” “ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ” แม่ทัพหนุ่มยันกายลุกขึ้น โดยมีมือหนาขององค์ชายผู้สูงศักดิ์ประคองขึ้นมา หลิวอวี่เหวินดีใจเสียจนแทบจะหลั่งน้ำตา ซาบซึ้งเป็นอย่างมาก ยิ่งองค์ชายดีกับเขามากเท่าไร นั่นก็หมายความว่าพระองค์ทรงรักน้องสาวเขามากเท่านั้น เมื่อรักเรือนย่อมรักอีกาบนหลังเรือนด้วยเช่นกัน เขาก็พลอยได้รับอนิสงค์นี้ไปด้วย “หนิงหนิงเป็นเช่นไรบ้าง ข้าอยากพบนาง...ได้หรือไม่” ถึงอย่างไรก่อนที่นางจะได้แต่งเข้าตำหนักหยวนหวังฝูเขาย่อมต้องถามพี่ชายของนางเสียก่อน ถึงแม้ใจจะอยากพบหน้าเพียงใดก็ไม่อาจไม่ไว้หน้าหลิวอวี่เหวินที่เป็นบุรุษองอาจผู้นี้ ‘อาเหวิน ความอยุติธรรมที่เจ้าเคยได้รับ ข้ากู่เหว่ยหยวนขอสาบาน ชาตินี้เจ้าจะไม่ได้รับมันอีกเด็ดขาด หากข้ายังมีลมหายใจ สกุลหลิวของเจ้าข้าจะปกป้องเอง’ กู่เหว่ยหยวนจ้องมองบุรุษตรงหน้า สายตาดำดิ่งลงไปไม่เห็นถึงเบื้องล่าง เขาจดจำทุกอย่างเอาไว้หมดแล้ว ถึงแม้ชาติก่อนจะไม่กระจ่างถึงเรื่องราวทั้งหมด ทว่าก็ปะติดปะต่อเอาได้ไม่ยาก ขุนนางซื่อสัตย์สุจริตเช่นแม่ทัพหลิวน่ะหรือ จะลอบสังหารองค์รัชทายาทและก่อกบฏแน่นอนว่าเรื่องราวเหล่านั้นแม่ทัพหนุ่มไม่อาจรับรู้ หลิวอวี่เหวินขมวดคิ้วขึ้น เหตุใดองค์ชายสี่จึงได้มองเขาเช่นนั้น หรือเพราะกลัวว่าเขาจะไม่ยินยอมให้พระองค์ได้พบกับน้องเล็กอย่างนั้นหรือ เขาเป็นพี่ใหญ่ย่อมเข้าใจหัวใจที่มีรักของทั้งคู่ดี “หนิงหนิงอยู่ที่เรือนด้านหลังพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะให้คนไปตามนางมาพบ...” “ไม่ต้อง อาเหวินหากเจ้าไว้ใจข้า ขอให้ข้าเข้าไปพบนางเองเถอะ นางเพิ่งจะหายป่วย ข้าไม่ต้องการให้นางต้องเหนื่อยเพื่อเดินมาพบข้า” “เอ่อ..เชิญพ่ะย่ะค่ะ” จะทำอย่างไรได้เล่า ในเมื่อพระองค์พูดถึงเพียงนี้แล้ว หากไม่ให้เข้าไปก็จะเป็นการไม่ไว้ใจใช่หรือไม่ เอาเถอะเรื่องความรักของพระองค์เขาก็เห็นแล้ว กู่เหว่ยหยวนเห็นหลิวอวี่เหวินพยักหน้าอนุญาตก็ยิ้มออกมา เขาก้าวขาเดินเกือบจะข้ามประตูออกไปแล้ว แต่ก็ชะงักเท้าและหันกลับมา “จริงสิข้าเกือบลืมไป หนิงหนิงก็สตรีใกล้จะปักปิ่นแล้วเพื่อกันผู้คนครหานินทา เจ้าก็อย่าให้จางผิงซื่อเข้ามาพบนางบ่อย ๆ เป็นดีที่สุด” ใบหน้าแม่ทัพหลิวกระตุกสั่น พระองค์จะเกินไปหรือไม่อาซื่อเป็นสหายในวัยเยาว์ของน้องสาว จะห้ามไม่ให้ทั้งคู่พบกันได้อย่างไร ไหน้ำส้มพระองค์มีมากขนาดไหนกัน “พ่ะย่ะค่ะ” กู่เหว่ยหยวนรีบเดินเข้าไปที่ด้านหลังที่พักของเหล่าสตรี ความจริงแล้วเขาเป็นบุรุษจะเข้ามาในเรือนส่วนหลังหาได้สมควรไม่ แต่แล้วอย่างไรเล่า อย่างไรเสียหลิวอวี่หนิงก็จะเป็นพระชายาของเขา และครั้งนี้นอกจากนางแล้ว จะไม่มีพระชายารองหรือเหล่าอนุมากมายเหล่านั้นอีก องค์ชายสี่เดินเข้ามาก็เห็นสตรีที่งดงามนั่งเอนกายอ่านหนังสืออยู่บนตั่งนอนเล่น นางคงให้สาวใช้ยกออกมากระมัง ชายหนุ่มหยุดเดินและมองเข้าไป ภาพตรงหน้าช่างงดงามราวกับเทพธิดาบนสรวงสวรรค์ นางเอนกายอย่างเกียจคร้าน มือหนึ่งถือหนังสือ อีกมือก็เท้าศีรษะ ริมฝีปากน้อย ๆ ก็อ้าออกรับเอาผลอิงเถาที่สาวใช้ป้อนถึงริมฝีปาก ก่อนจะเคี้ยวเบา ๆ สาวใช้นางนั้นก็ช่างรู้งาน รอเพียงครู่เดียวก็ยื่นจานไปลองที่ริมฝีปาก นางก็คายเม็ดมันออก และกินเข้าไปใหม่ เขาเพิ่งจะรู้ก็วันนี้เองว่านางเองก็มีช่วงเวลาผ่อนคลายเช่นนี้เหมือนกัน เขาเดินตรงเข้าไปและโบกมือไล่สาวใช้ให้ถอยออกไป จนเหลือเพียงเขาและนางสองคนเท่านั้น กู่เหว่ยหยวนหยิบผลอิงเถาและจ่อไปที่ริมฝีปากเล็ก ๆ ดูเหมือนหลิวอวี่หนิงจะเพลิดเพลินกับตำราในมือเสียจนไม่รู้เลยว่ายามนี้ผู้ปรนนิบัตินางหาใช่สาวใช้นามว่าอ้ายลี่ แต่เป็นบ่าวรับใช้นามว่ากู่เหว่ยหยวนผู้นี้ ครั้นเห็นว่าน้ำหวานจากผลอิงเถาเลอะที่ขอบปาก เขาก็ยื่นมือไปเช็ดเบา ๆ ยามนี้หลิวอวี่หนิงก็พลันรู้สึกตัวแล้ว “องค์ชายสี่!!..” ร่างอรชรรีบยกเท้าลงที่พื้นและขยับตัวเตรียมจะคุกเข่าลงไป ทว่ามือหนากลับคว้าเอาไว้เสียก่อน เขาประคองนางนั่งลงไปบนตั่งนอนเล่นเช่นเดิม “หม่อมฉันเสียมารยาทแล้ว ขอพระองค์ทรงลงโทษเพคะ”กู่เหว่ยหยวนยิ้มออกมา ทว่าก็รีบยกกำปั้นขึ้นจ่อปากและกระแอมไอกลบเกลื่อน “เช่นนั้นหนิงหนิงจะให้ข้าลงโทษเช่นไร รู้ความผิดของตัวเองหรือไม่” หลิวอวี่หนิงก้มหน้าลง นางเหลือบหางตามองหาสาวใช้น่าตายสองคนนั้น ทิ้งนางได้อย่างไรกัน “ไม่ต้องมองหาหรอก ข้าไล่พวกนางไปหมดแล้ว ว่าอย่างไรเล่าหนิงหนิงบอกข้ามาสิว่าเจ้ารู้ความผิดของตัวเองหรือไม่” ความผิดของข้าน่ะหรือแน่นอนว่าความผิดเรื่องเดียวที่ข้ามี คือหลงรักบุรุษชั่วช้าเช่นเจ้า ทว่าคำพูดเหล่านั้นก็เป็นเพียงแค่ความในใจ ความจริงแล้วนางจะกล้าพูดได้อย่างไร “หม่อมฉันโง่เขลา ไม่รู้ว่าตนเองเผลอไปล่วงเกินพระองค์หรือไม่ ขอองค์ชายอย่าได้ถือสา” “แน่นอนว่าเราไม่ถือสา แต่ก็ไม่อาจละเว้นโทษได้” คิ้วเรียวกระตุกขึ้น ไม่อาจละเว้นโทษเช่นนั้นหรือ ข้าก็อยากรู้ว่าโทษที่ข้าควรจะได้รับจะมีสิ่งใดเลวร้ายกว่าการที่พี่ชายข้าถูกพวกเจ้ายัดเยียดข้อหากบฏหรือไม่ “เช่นนั้นก็โปรดบอกหม่อมฉันหน่อยเถิดเพคะ ว่าหม่อมฉันผิดที่เรื่องใด” “แน่นอนว่าต้องเป็นเรื่องที่เจ้าไม่ยอมไปรอรับข้าอย่างไรเล่า หนิงหนิงบอกข้ามาว่าข้าควรลงโทษเจ้าเช่นไร” มือบางกำเข้าหากันแน่น หากไม่มีแขนเสื้อบังเอาไว้ กู่เหว่ยหยวนคงจะต้องมองเห็นไปแล้ว “เรื่องนั้นองค์ชายลงโทษหม่อมฉันไม่ได้เพคะ” เสียงหวานพลันห้วนขึ้น เพียงครู่หนึ่งก็ปรับให้อ่อนนุ่มลง แน่นอนว่ากู่เหว่ยหยวนย่อมต้องจับสังเกตได้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD