ตอนที่ 17
ช่วยงานเต็มตัว
“คารวะองค์ชายสี่พ่ะย่ะค่ะ” เสวี่ยกงกงก้มศีรษะแสดงความเคารพองค์ชายสี่ด้วยท่าทางนอบน้อม กู่เหว่ยหยวนเกือบจะยกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัยในท่าทีเช่นนั้น
ความจริงแล้วกงกงผู้นี้เป็นคนที่ฮ่องเต้ให้ความเชื่อใจเป็นอย่างมาก หากจะว่าไปแล้ว เสวี่ยกงกงรับใช้ฮ่องเต้มาตั้งแต่สมัยที่พระองค์ทรงเป็นองค์รัชทายาท แน่นอนว่าฮ่องเต้ย่อมให้อำนาจแก่กงกงผู้นี้หนึ่งส่วน ทั้งสนมนางในหรือแม้แต่องค์หญิง องค์ชายยังต้องให้ความเกรงใจอยู่หลายส่วน ทว่ายามนี้เสวี่ยกงกงกลับแสดงท่าทีนอบน้อมต่อเขาเช่นนี้ เป็นเพราะเหตุใดกันแน่ จะไม่ให้เขาแปลกใจได้อย่างไร
“ตามสบายเถอะ ลำบากเสวี่ยกงกงมารอรับข้าแล้ว รอนานหรือไม่”
“หาได้ลำบากไม่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมยินดี เชิญองค์ชายสี่ที่ตำหนักคุนหนิงเถิด ฝ่าบาทและฮองเฮาทรงรออยู่พ่ะย่ะค่ะ”
“หืม..เสด็จพ่ออยู่กับเสด็จแม่หรือ” เหตุใดจึงเสด็จไปเวลานี้กัน ถึงแม้องค์ฮ่องเต้จะรักและโปรดปรานฮองเฮาจากใจจริงและมิเคยเสื่อมคลาย ทว่าเวลานี้พระองค์จะไม่เสด็จไปตำหนักใด
“พ่ะย่ะค่ะ ฮองเฮาได้รับข่าวว่าองค์ชายบาดเจ็บจึงประชวรยามนี้ทรงดีขึ้นมากแล้ว ทว่าฝ่าบาทก็ยังไม่วางใจ จึงประทับอยู่ที่ตำหนักคุนหนิงตลอด” กู่เหว่ยหยวนตกใจใบหน้าเปลี่ยนสี ครั้นได้ยินว่าแสด็จแม่ไม่เป็นอะไรมากแล้ว ก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เขารีบเดินนำเสวี่ยกงกงไปยังตำหนักคุนหนิงอย่างไม่รอช้า
“หยวนเอ๋อร์ของแม่เป็นอย่างไรบ้าง เจ้าบาดเจ็บมิใช่หรือ จะรีบเข้าวังมาทำไมกัน เหตุใดจึงไม่กลับไปนอนพักที่ตำหนักก่อนเล่า ไหนมาให้แม่ดูสิ” หยางฮองเฮาเห็นบุตรชายองค์เล็กเดินเข้ามา ก็รีบลุกเดินเข้าไปรับด้วยความร้อนใจ
“ลูกคารวะเสด็จพ่อและเสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะ”
“ตามสบายเถอะ เจ้าสี่ตามเสด็จแม่ของเจ้าไปนั่งเถอะ ไม่เช่นนั้นคงจะได้ล้มป่วยอีกรอบ” หยางฮองเฮาหันไปค้อนให้พระสวามี แต่ก็จูงมือกู่เหว่ยหยวนไปนั่งที่ตั่งข้าง ๆ พระองค์
“บอกแม่มาสิ เหตุใดหยวนเอ๋อร์จึงไม่ยอมหยุดพักเสียก่อน หรือเพราะคุณหนูสกุลหลิวผู้นั้นเร่งรัดให้เจ้ากลับมาหานางกันเล่า หยวนเอ๋อร์ร่างกายเจ้ามีค่ายิ่งกว่าทองพันชั่ง ไหนเลยจะมาเสี่ยงอันตรายเพื่อสตรีนางเดียวเช่นนั้น”
“เสด็จแม่เข้าพระทัยผิดแล้วพ่ะย่ะค่ะ เรื่องนี้หาได้เกี่ยวอันใดกับหนิง..เอ่อ..คุณหนูหลิวไม่ ลูกเพียงแต่อยากทำงานที่เสด็จพ่อมอบหมายให้สำเร็จโดยเร็ว ที่รีบร้อนกลับมาก็เพราะอยากจะได้รับคำชื่นชมต่างหากเล่าพ่ะย่ะค่ะ”
ถึงแม้ว่าความจริงแล้ว ความโปรดปรานหรือคำชื่นชมของฮ่องเต้ไม่มีผลอะไรกับเขาเลยแม้แต่น้อย แต่เขาก็ชักจูงให้ทั้งสองพระองค์เข้าพระทัยไปในทางนั้น เพราะไม่อยากให้หลิวอวี่หนิงต้องมาถูกตำหนิเพียงเพราะความใจร้อนของเขาเป็นต้นเหตุ
“เช่นนั้นเราก็คงต้องตบรางวัลให้เจ้าใช่หรือไม่เจ้าสี่ แต่ก่อนที่จะขอรางวัลเจ้าจงเล่าเรื่องทั้งหมดให้เราฟังเสียก่อนเถอะ ยามนี้จอมโจรเยวี่ยถานถูกเจ้าสังหารหรือยัง”
“กระหม่อมมิได้สังหารพ่ะย่ะค่ะ จับเป็นตามพระบัญชา ตอนนี้คุมตัวเอาไว้ที่คุกใหญ่ รอตัดสินโทษพ่ะย่ะค่ะ” ฮ่องเต้กู่เหว่ยซูพยักหน้าลง ดูก็รู้ว่าพอใจเป็นอย่างมาก
แน่นอนว่ากู่เหว่ยหยวนมีโอกาสจะสังหารจอมโจรเยวี่ยถานผู้โหดเหี้ยมอำมหิตนี้เสีย ทว่าเขาจำได้ดีว่า เมื่อชาติที่แล้ว องค์ชายรองก็สังหารโจรผู้นี้ ฮ่องเต้พิโรธเป็นอย่างมาก เพราะพระองค์ต้องการจะจับเป็นเพื่อมาสำเร็จโทษที่เมืองหลวง เพื่อให้ราษฎรได้เห็นจะได้ไม่กล้าเอาเป็นเยี่ยงอย่าง กู่เหว่ยหยวนจึงได้จับตัวกลับมา องค์ชายสี่เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ทั้งสองพระองค์ฟังจนหมดสิ้น ยกเว้นเรื่องที่เขารีบร้อนจะกลับมาหาหลิวอวี่หนิง และเรื่องที่เขาเกือบจะหยุดม้าลงที่จวนสกุลหลิว แน่นอนว่าไม่อาจเล่าออกมาได้
“หยวนเอ๋อร์ลำบากเจ้าแล้ว เป็นเพราะแม่ตั้งเงื่อนไขบ้า ๆ นั่นกับเจ้า หากแม่ยอมมอบโสมพันปีให้เจ้าแต่โดยดี มีหรือเจ้าจะต้องออกไปเสี่ยงเช่นนี้”
หยางฮองเฮายกผ้าเช็ดหน้าเช็ดที่ปลายหางตา หัวอกคนเป็นแม่เจ็บปวดเกินจะบรรยาย ฮองเฮามีบุตรเพียงสองพระองค์ องค์ชายใหญ่กู่เหว่ยเหยาร่างกายไม่แข็งแรงเท่าไรนัก ไม่อาจออกไปตกระกำลำบากได้แต่ถึงแม้จะไม่เก่งด้านบู๊ ทว่าพระองค์ก็ปรีชาสามารถในด้านบุ๋น ส่วนองค์ชายสี่กู่เหว่ยหยวนเก่งกาจทั้งด้านบู๊และบุ๋น แต่ก็ไม่สนใจงานบ้านงานเมือง หยางฮองเฮาไม่อาจเห็นบุตรของเหล่านางใน เสนอหน้ากดศีรษะบุตรของนางได้ จึงบังคับองค์ชายสี่ออกไปปราบโจรที่ตงซาน แต่หากรู้ว่าพระโอรสจะบาดเจ็บอย่างไรเสียพระองค์ก็จะไม่มีวันยอมให้ไป
“หาได้ลำบากอันใด ลูกได้รับใช้เสด็จพ่อ รับใช้บ้านเมืองก็เป็นบุญของลูกแล้ว”
“ไม่เสียแรงที่เกิดมาเป็นบุตรชายเรา เจ้าสี่เจ้าโตเป็นผู้ใหญ่เสียทีนะ ต่อจากนี้ก็จงเข้าประชุมขุนนางที่ท้องพระโรงได้แล้ว”
“เสด็จพ่อลูก..”ฮ่องเต้โบกมือขึ้น ไม่รับฟังคำปฏิเสธของบุตรชาย เหตุใดเขาจะรู้ไม่ทัน กู่เหว่ยหยวนไม่ฝักใฝ่ในอำนาจ ยิ่งบุตรชายผลักไสมากเท่าใด เขาก็ยิ่งวางใจมากเท่านั้น เพราะบุตรแต่ละคนเหมือนเสือหิว จ้องบัลลังก์มังกรตาเป็นมัน
“เจ้าสี่พ่ออยากให้เจ้าเข้ามาช่วยงานได้แล้ว เจ้าจะโยนงานให้พี่ใหญ่เจ้าทั้งหมดได้อย่างไร เจ้าใหญ่ร่างกายไม่แข็งแรงเท่าเจ้าเข้าใจหรือไม่” สีหน้ากู่เหว่ยหยวนพลันเคร่งเครียดขึ้นมา วาจาของเสด็จพ่อชวนให้คิดไปไกลเสียจริง หากมีผู้อื่นมาได้ยินเข้า เกรงว่าหลังจากนี้ชีวิตเขาคงจะหาความสงบสุขไม่ได้อีกแล้ว
“หยวนเอ๋อร์เชื่อเสด็จพ่อเถอะลูก” หยางฮองเฮาย่อมเข้าใจในความนัยของพระสวามี ไม่ว่าจะเป็นกู่เหว่ยเหยา หรือกู่เหว่ยหยวน หากได้เลือกเป็นรัชทายาทก็ย่อมดีด้วยกันทั้งนั้น
“ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่ไว้วางใจลูก ลูกขอน้อมรับพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่ร่างกายลูกยังคงบาดเจ็บอยู่มาก ทรงประทานอนุญาตให้ลูกพักรักษาตัวให้หายดีก่อนได้หรือไม่”
“เช่นนั้นก็รับมื้อกลางวันด้วยกันที่นี่ก่อน แล้วค่อยกลับไปพักเถอะ หากหายดีแล้วก็จงรีบเข้ามาทำงานกับเรา” หากยื้อเวลาออกไปได้อีกสักระยะ เขาก็ยินดีจะยื้อ ไม่ใช่ว่าไม่อยากทำงานรับใช้ราษฎร เพียงแต่ว่าหากเขายังไม่ได้สมรสกับหลิวอวี่หนิง เขาก็ไม่อาจวางใจปล่อยมือจากนางได้เลยแม้แต่น้อย หากเข้ามาทำงานเต็มตัวแล้ว จะปลีกเวลาไปเที่ยวเล่นกับนางได้เช่นไร