ตอนที่ 16 ทำไมต้องไปพบ

1411 Words
ตอนที่ 16 ทำไมต้องไปพบ หลิวอวี่หนิงเสียบดอกไม้ลงไปในแจกันเป็นดอกสุดท้าย นางขยับตัวออกมาและเอียงคอมองดูอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าดอกไม้จัดเรียงอย่างพอใจแล้ว นางก็เดินกลับมานั่งเก้าอี้ตัวยาว มือเรียวคว้าเอาถุงหอมที่เย็บค้างไว้ขึ้นมาและเย็บต่อไปช้า ๆ สองสาวใช้ต่างก็หันไปสบตากัน และเป็นอาฉินที่เก็บความสงสัยเอาไว้ไม่ได้ “คุณหนูเจ้าคะ บ่าวได้ยินมาว่าองค์ชายสี่เสด็จกลับเข้าเมืองวันนี้ คุณหนูอยากไปรับหรือไม่เจ้าคะ” “เพราะเหตุใดข้าต้องไปรับด้วยเล่า” อาฉินเบิกตาขึ้นอย่างตกใจ ริมฝีปากอ้าขึ้น หลิวอวี่หนิงเห็นดังนั้นก็ยื่นนิ้วไปชิดปลายคางและดันขึ้นอาฉินสะบัดศีรษะเพื่อตั้งสติตนเอง คิ้วเรียวขมวดขึ้น นางจ้องมองคุณหนูตรงหน้าอย่างสงสัย “ทำไมเล่าหืออาฉิน..มองข้าเช่นนั้นหมายความว่าอย่างไรกัน” หลิวอวี่หนิงหัวเราะออกมา ก่อนจะเสียบเข็มลงไปในเนื้อผ้า และดึงขึ้นและเสียบลงไปอีกครั้ง ไม่ได้สนใจอาฉินที่นั่งมองอย่างตกตะลึงอยู่ตรงนั้น “คุณหนู..แต่องค์ชายสี่เสด็จกลับมาแล้วนะเจ้าคะ ไม่ใช่ว่าตอนนี้พระองค์พ้นประตูเมืองเข้ามา อีกไม่นานก็น่าจะผ่านจวนของเรา หรือว่าคุณหนูจะไปรอรับหน้าจวนเจ้าคะ” ต้องใช่แน่ ๆ คุณหนูของนางเพิ่งหายดี คงจะไม่อยากไปเบียดเสียดกับสตรีคลั่งเหล่านั้น รอที่หน้าจวนก็ได้เห็นเช่นกัน “เช่นนั้นบ่าวจะรีบไปจัดเตรียมเก้าอี้นะเจ้าคะ คุณหนูจะได้ไม่ต้องยืนให้เมื่อย” หลิวอวี่หนิงคว้าข้อมือของสาวใช้เอาไว้เสียก่อน อาฉินหันกลับมามอง “ไม่ต้องหรอกข้าไม่ไป” เสียงหวานย้ำอีกครั้งพร้อมกับจ้องหน้าสาวใช้ด้วยความเด็ดเดี่ยวสีหน้าอาฉินเมื่อได้ยินคำปฏิเสธก็ฉงนเป็นอย่างมาก นางเงยหน้ามองคุณหนูของนาง และหันไปยกคิ้วมองอาลี่ เหมือนอยากจะถามว่า เจ้าได้ยินอย่างที่ข้าได้ยินหรือไม่ อาลี่พยักหน้าตอบเบา ๆ ออกมา “ไม่ไป..”เหตุใดจึงไม่ไปเล่า คุณหนูไม่ใช่ว่ากำลังเฝ้ารอองค์ชายสี่อยู่ทุกวันหรอกหรือ แต่เดี๋ยวนะ หลายวันมานี่ คุณหนูมิเคยบ่นถึงองค์ชายสี่เลยสักครั้ง หรือคุณหนูจะน้อยใจที่องค์ชายไปไม่บอก แต่นั่นเพราะคุณหนูยังไม่ฟื้น “ใช่..ข้าไม่ไป อาฉินข้าขอถาม หากข้าไม่ได้ไปรับ องค์ชายสี่จะเสด็จเข้าเมืองมาไม่ได้หรือ แน่นอนว่าไม่!!..ถึงแม้ข้าจะไม่รอรับเสด็จ พระองค์ก็ทรงเข้ามาได้ ไม่ว่าข้าจะไปหรือไม่ ต่างกันที่ตรงไหนเล่า ถึงอย่างไรพระองค์ก็เสด็จกลับเข้าวัง ไปรายงานต่อหน้าฝ่าบาทอยู่ดี” “แต่ว่า...” “ไม่มีแต่ อาฉิน อาลี่ เมื่อก่อนเป็นข้าที่ไม่รู้ความ วิ่งไล่ตามองค์ชายสี่อย่างไร้ยางอาย พวกเจ้าไม่ตักเตือนก็แล้วไปเถิดยังจะสนับสนุนข้าอีก ยามนี้ข้าโตขึ้นแล้ว หากยังจะทำตัวเช่นเดิม พวกเจ้าลองคิดดูสิว่า พี่ใหญ่จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน บรรพบุรุษสกุลหลิวจะปวดใจเพียงใดที่มีบุตรสาวไร้ยางอายเช่นข้า..”คุณหนูหลิวปล่อยมือจากอาฉิน พลางขยับเอนกายลงบนเก้าอี้ตัวยาว ใบหน้าหวานพลันหม่นลง “ไม่จริงเจ้าค่ะคุณหนูของบ่าวหาได้เป็นเช่นนั้น คุณหนูของบ่าวเป็นสตรีที่ดีที่สุด” อาฉินเอ่ยออกไปพลางเห็นคุณหนูของนางส่ายหน้ารีบคุกเข่าลงซบหน้าลงบนหัวเข่า “..เป็นบ่าวที่ไม่รู้ความ บ่าวผิดไปแล้วเจ้าค่ะ” “บ่าวก็ผิดไปแล้วเจ้าค่ะ คุณหนูลงโทษบ่าวเถอะ” อาลี่เองก็เดินเข้ามาคุกเข่าอยู่ข้างอาฉิน หลิวอวี่หนิงเหลือบสายตาขึ้นมอง ก่อนจะกระดกริมฝีปากขึ้น ทว่าก็เพียงแค่ครู่เดียวก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นเช่นเดิม “ไม่โทษพวกเจ้า เพราะข้าไร้มารยาทเอง แต่จำเอาไว้อาลี่ อาฉิน อย่าได้เอ่ยถึงข้าและองค์ชายสี่เช่นนั้นอีก พวกเจ้าก็รู้ดีว่า บัดนี้สกุลหลิวเหลือเพียงแค่ข้าและพี่ใหญ่ ข้ายิ่งไม่อาจทำตัวเหลวไหลเช่นเดิมได้อีก หากวันหน้าข้าตายไป จะได้พบหน้าท่านพ่อ ท่านแม่ และบรรพบุรุษสกุลหลิวอย่างภาคภูมิใจ ว่าข้าหลิวอวี่หนิง มิได้ทำเรื่องน่าอับอาย ผิดต่อสกุล” มือหนากำเข้าหากันแน่น จากตอนแรกนางเพียงแค่จะปรามไม่ให้สองสาวใช้เอ่ยถึงกู่เหว่ยหยวนเท่านั้น ทว่ายิ่งพูดความรู้สึกแท้จริงของนางก็ยิ่งเปิดเผยออกมา คำพูดทุกคำกลั่นออกมาจากภายในใจ ชาติที่แล้วนางโง่งม หลงเทิดทูล(ทูน)บุรุษชั่วช้าเป็นดังเทพเซียน ภายใต้ใบหน้าที่งดงามกลับซ่อนความโหดร้ายเอาไว้มากมายยิ่งนัก หากบอกว่าอินจูหลีเป็นสตรีชั่วช้าแล้วละก็ กู่เหว่ยหยวนก็เป็นบุรุษสารเลว!! ใบหน้าองค์ชายสี่พลันหม่นแสงลง ความผิดหวังเกาะกุมจิตใจ เขาเร่งควบม้าจนบาดแผลอักเสบ เพื่อที่จะกลับมาพบหน้าสตรีอันเป็นที่รัก แต่ผู้ใดจะไปคิดว่านางจะไม่ยอมออกมารับเขา “คุณหนูหลิวเพิ่งจะหายป่วย แม่ทัพหลิวคงไม่ยอมให้นางออกมาก็เป็นไปได้ ไม่แน่ว่ายามนี้นางอาจจะเฝ้ารอพระองค์อยู่ที่หน้าประตูจวนพ่ะย่ะค่ะ” คำพูดของหย่งเสียนพลันดึงความเศร้าหมองของกู่เหว่ยหยวนทิ้งไป จริงสินางเพิ่งจะหายไข้ หากนางมายืนรอรับ เขาก็คงจะปวดใจเช่นกัน “จริงด้วยเช่นนั้นก็รีบไปกันเถอะ อย่าให้นางรอนาน” จากที่วิ่งเหยาะ ๆ อาชาตัวใหญ่พลันกระตุกควบออกไปอย่างรวดเร็ว เหมือนกับรู้ว่าผู้เป็นเจ้าของอยากไปถึงหน้าสกุลหลิวใจจะขาด มันจึงเร่งฝีเท้าอย่างเหน็ดเหนื่อย วิ่งหลบหนีผ้าเช็ดหน้าและดอกไม้ที่เหล่าสตรีโยนอยู่ข้างทาง เพราะไม่มีผู้ใดกล้าโยนของเหล่านั้นใส่องค์ชายสี่ตรง ๆ ถึงจะชื่นชอบมากเพียงใด ก็หวาดกลัวมากเช่นกัน ครั้นมาถึงหน้าสกุลหลิว กู่เหว่ยหยวนก็ต้องผิดหวังอีกครั้ง หน้าประตูจวนปิดเอาไว้อย่างหนาแน่น มีเพียงบ่าวรับใช้ที่ยืนเฝ้าด้านหน้าสองคนเท่านั้น องค์ชายสี่หยุดม้าลงที่หน้าประตู ทำท่าจะกระโดดลงจากหลังม้า ทว่าหย่งเสียนรีบควบม้าไปประชิดด้านข้างเอาไว้เสียก่อน “องค์ชาย...ฝ่าบาททรงรออยู่นะพ่ะย่ะค่ะ” หย่งเสียนหวาดกลัวจนแทบจะหยุดหายใจ ทรงทำเช่นนี้ได้อย่างไร ฝ่าบาทยังรอฟังข่าวอยู่ในวัง ทว่าองค์ชายเหนือหัวกลับจะแวะไปหาคุณหนูหลิวเสียก่อน หักหน้าองค์ฮ่องเต้เช่นนี้ เขาที่เป็นองครักษ์จะพ้นโทษไปได้อย่างไร “เหตุใดหนิงหนิงไม่ออกมารอข้า มิใช่เจ้าบอกว่านางรอที่หน้าประตูหรอกหรือ ไม่ใช่ว่านางล้มป่วยอีกแล้วกระมัง ข้าต้องได้เห็นหน้านางก่อนจึงจะวางใจได้” หากไม่ออกมารับเขา นางก็ต้องล้มป่วยไปอีกแล้ว หัวใจเขาปวดร้าวขึ้น เพียงแค่คิดว่ายามนี้นางคงจะนอนใบหน้าซีดเซียว ไร้เรี่ยวแรงอยู่บนตั่ง เขาก็ร้อนใจจนแทบทนไม่ไหว “เช่นนั้นก็รีบเสด็จเข้าวังรายงานฝ่าบาทก่อนเถอะพ่ะย่ะค่ะ หากพระองค์หยุดที่จวนสกุลหลิวก่อน กระหม่อมเกรงว่า ชื่อเสียงคุณหนูหลิวคงจะถูกพระองค์ทำให้เสียหาย และอีกอย่างฮองเฮาคงไม่ปลื้มเป็นแน่” กู่เหว่ยหยวนตวัดสายตาจ้องมองหย่งเสียนอย่างไม่พอใจ หากไม่ใช่สหายร่วมเรียนด้วยกันมา เขาคงจะลงไปต่อยปากสักที กล้าพูดว่าเขาจะทำให้ชื่อเสียงนางเสียหายหรือ ช่างบังอาจเสียจริง หย่งเสียนหดคอพลางทำท่าหวาดกลัว ทว่าเมื่อเห็นว่าองค์ชายสี่ควบม้าไปต่อก็วางใจลง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD