ตอนที่ 2 สกุลหลิว

1409 Words
ตอนที่ 2 สกุลหลิว “พี่ใหญ่ข้าจะออกไปข้างนอกนะเจ้าคะ” หลิวอวี่หนิงวิ่งเข้าไปกอดแขนของหลิวอวี่เหวินพี่ชายเพียงคนเดียวของนาง ใบหน้าหวานเงยมองพร้อมกับส่งสายตาออดอ้อนไปให้เพื่อหวังจะให้อีกฝ่ายเห็นใจ มีหรือที่คนตามใจน้องเช่นเขาจะไม่ใจอ่อน หากนางทำตาเช่นนี้ทีไร ต่อให้เป็นภูเขาไท่ซานก็สั่นไหว “หนิงหนิงเจ้าจะออกไปที่ไหนบอกพี่ใหญ่มาตามตรงเถอะ” หลิวอวี่เหวินยกมือขึ้นเคาะปลายจมูกรั้นของน้องสาว เพียงแค่มองตาก็รู้แล้วว่าเด็กผู้นี้ต้องการจะออกไปที่ใด “ข้านัดอาหลีเอาไว้เจ้าค่ะ วันนี้ที่ร้านกวนฮวามีเครื่องประทินผิวแบบใหม่เข้ามาวางขาย ข้ากับอาหลีจึงว่าจะเข้าไปดูเจ้าคะ”หลิวอวี่ เหวินหรี่ตาเล็ก ใบหน้าคมจ้องมองลงมา ทำร่างอรชรเย็นวาบไปทั้งแผ่นหลัง สายตาพี่ใหญ่ช่างน่ากลัวนัก หากนางไม่ใช่น้องสาว ก็คงไม่กล้าออดอ้อนเช่นนี้ “หนิงหนิง..คนอย่างเจ้านะหรือจะสนใจเครื่องประทินผิวอะไรนั่น หึ!!..ข้าว่าเจ้าจะแอบไปหาองค์ชายสี่กระมัง อย่าคิดนะว่าข้าจะรู้ไม่ทันเจ้า องค์ชายสี่เสด็จมาชายป่าท้ายเมือง เจ้าบอกข้ามาตามตรงเถอะ” หลิวอวี่หนิงเบิกตาขึ้น พี่ใหญ่จะร้ายกาจเกินไปแล้ว แต่รู้แล้วอย่างไร นางไม่ยอมรับเสียอย่าง และนางก็นัดอินจูหลีเอาไว้จริง ๆ นี่นา แต่นัดกันไปแอบดูองค์ชายสี่ต่างหากเล่า “พี่ใหญ่หากท่านไม่เชื่อก็ไปถามอาหลีเถอะ ข้ารู้ว่าพี่ใหญ่ไม่ชอบให้ข้าเข้าไปวุ่นวายกับองค์ชายสี่ ข้าย่อมเชื่อฟังท่าน” หลิวอวี่เหวินหัวเราะออกมา ท่าทางดื้อรั้นเช่นนั้น ในสายตาคนเป็นพี่ย่อมมองว่าน่าเอ็นดู “เอาละ ๆ พี่ใหญ่ไม่เถียงกับเจ้าแล้ว หากจะไปร้านกวนฮวาหรือว่าท้ายเมืองก็ไปเถอะ แต่หนิงหนิงองค์ชายสี่มิใช่คนที่พวกเราจะเข้าไปเกี่ยวข้องได้ ตำหนักเชื้อพระวงศ์สูงเกินกว่าที่พี่ใหญ่จะคว้าให้เจ้าได้เข้าใจหรือไม่ เจ้าอยากเห็นพระพักตร์ของพระองค์ก็ไปดูเถิด แต่พี่ใหญ่ขอเจ้าวันหนึ่งเจ้าจะต้องตัดใจให้ได้ เข้าใจหรือไม่ ยิ่งเจ้าตัดใจได้เร็วเท่าไร นั่นก็ย่อมเป็นผลดีกับตัวเจ้า” “หนิงหนิงทราบแล้วเจ้าค่ะ” หลิวอวี่เหวินโบกมือเป็นการอนุญาต ต่อให้ในใจจะไม่ยินดี แต่หากสิ่งนั้นเป็นความสุขของน้องสาว เขาก็ไม่อาจทำใจหักห้าม หลิวอวี่ หนิงเห็นดังนั้นก็สลัดอารมณ์ขุ่นมัวเมื่อสักครู่ทิ้งไป นางไม่เข้าใจเลยสักนิดพี่ใหญ่จะกลัวสิ่งใด หากพี่ใหญ่ออกหน้ามีหรือการพระราชสมรสระหว่างนางและองค์ชายสี่จะเป็นไปไม่ได้ แต่ที่เป็นไปไม่ได้เพราะพี่ใหญ่ไม่อยากให้นางได้แต่งกับองค์ชายสี่มากกว่ากระมัง หลิวอวี่หนิงเป็นน้องสาวเพียงคนเดียวของหลิวอวี่เหวินครอบครัวสกุลหลิวสายหลักเหลือกันเพียงแค่สองคนพี่น้องเท่านั้น บิดาเขาอดีตแม่ทัพอู่เว่ยหลิวอวี่เหอสิ้นชีพอยู่กลางสนามรบ หลังจากที่นำศพบิดากลับมาถึงจวน มารดาทนรับความเสียใจไม่ไหว ก็ปลิดชีพตนเองตายตรงหน้าหีบศพของบิดา ยามนั้นเขามีอายุเพียงสิบเจ็ดเท่านั้นส่วนน้องสาวก็เป็นเพียงเด็กหญิงอายุสิบสองหลังเสร็จสิ้นงานศพบิดา เขาก็พาน้องสาวเพียงคนเดียวมุ่งหน้าสู่เหอตง เลี้ยงน้องไปด้วยทำศึกไปด้วย ครั้นเมื่ออายุได้สิบแปดปีก็ได้รับตำแหน่งแม่ทัพมาครอบครอง อาจเพราะหลิวอวี่เหวินตามบิดาเข้ากองทัพตั้งแต่จำความได้กระมัง ฝีมือการศึกจึงมิได้ด้อยกว่าผู้เป็นบิดาเลยแม้แต่น้อย หากจะพูดไปแล้วความมุทะลุของแม่ทัพหลิวคนลูกออกจะมากกว่าเสียด้วยซ้ำ เพราะอย่างนั้นแม่ทัพหลิวจะไม่ตามใจน้องสาวได้อย่างไร ถึงแม้จะรู้ว่านางมีใจให้องค์ชายสี่ และทุกครั้งที่นางออกจากจวน ก็มักจะไปแอบดูองค์ชายอยู่เสมอก็ตาม เขาก็ทำใจห้ามนางมิได้ ต่อให้ในใจจะรู้ว่าองค์ชายผู้สูงศักดิ์จะรังเกียจน้องสาวเขามากเพียงใด แต่เขาก็ไม่อาจเอ่ยวาจาแม้แต่ครึ่งคำ หวังเพียงแค่เมื่อถึงวันหนึ่งนางจะตัดใจได้เสียที “อาหลีเร็ว ๆ ได้หรือไม่ เดี๋ยวก็ไม่ทันขบวนเสด็จหรอก” หลิวอวี่หนิงควบม้าไปอยู่ที่ข้างหน้าต่างรถม้าสกุลอิน นางเอ่ยเร่งคนบนรถม้าด้วยความร้อนใจ “อาหนิงข้ามิได้เป็นคนบังคับม้าและอีกอย่างที่นี่ในเมืองหลวงนะ เจ้าใจเย็น ๆ ลงหน่อยเถอะ” อินจูหลีบุตรสาวเสนาบดีอินอี้ซวน เปิดม่านหน้าต่างขึ้น นางชะโงกหน้าออกไปมองสตรีที่อยู่บนหลังม้า น้ำเสียงกลั้วหัวเราะเอ่ยออกมา หลิวอวี่หนิงหน้ายุ่งขึ้น นางหันไปมองสหายในรถม้าพลางส่ายหน้าก่อนจะเอ่ยว่า “อาหลีข้ากลัวว่าองค์ชายสี่จะเสด็จเข้าไปในป่าก่อนน่ะสิ เอาอย่างนี้เถอะ เจ้าก็นั่งรถม้าตามข้าไปก็แล้วกัน ข้าจะเร่งนำหน้าไปก่อน ขอให้ข้าได้เห็นพระพักตร์ของพระองค์เพียงเล็กน้อยข้าหลิวอวี่หนิงจะได้นอนหลับฝันดี” อินจูหลีเบิกตาขึ้น นางรีบชะโงกหน้าออกนอกรถม้า ก่อนจะมองซ้ายขวา “อาหลีจะชะโงกหน้าออกมาทำไม เจ้าไม่รู้หรือว่ามันอันตราย” หลิวอวี่หนิงขมวดคิ้วมอง เหมือนกับว่านางกำลังมองหาใครอยู่ “อาหนิงเจ้าพูดจาสิ่งใดออกมา เจ้าเป็นสตรีนะคอยดูเถิดหากท่านแม่ทัพหลิวรู้เข้าเจ้าจะต้องถูกลงโทษ”หลิวอวี่หนิงหัวเราะเสียงดังนางแลบลิ้นออกมาก่อนจะทำหน้าทะเล้นใส่สหายเพียงคนเดียวในเมืองหลวงแห่งนี้อย่างอารมณ์ดี “อาหลีเจ้าคิดมากไปแล้วพี่ใหญ่จะมาได้ยินได้อย่างไรกันเล่า เอาเถอะข้าไม่เถียงกับเจ้าแล้วข้าล่วงหน้าไปก่อนก็แล้วกัน” อินจูหลีมองตามอาชาเหงื่อโลหิตของหลิวอวี่หนิงที่ควบออกไป ฝุ่นคละคลุ้งไปตามความเร็วของม้า มือเรียวปิดผ้าม่านหน้าต่างลง เพียงแค่อาชาที่นางขี่ก็รู้แล้วว่าแม่ทัพหลิวรักน้องสาวร่วมอุทรมากเพียงใด “คุณหนูเจ้าคะบ่าวไม่เข้าใจเลยสักนิด คุณหนูจะออกมากับคุณหนูหลิวทำไมกัน ดูเอาเถอะคุณหนูหลิวทำตัวไร้กฎเกณฑ์ มารยาทอันสตรีพึงกระทำก็หามีไม่ แล้วเหตุใดคุณหนูของบ่าวต้องคบหากับนางด้วยเจ้าคะ” “อาชิงหุบปากของเจ้าเดี๋ยวนี้ หากใครมาได้ยินเข้าจะหาว่าสกุลอินสั่งสอนบ่าวไพร่ไม่ดี” อาชิงก้มหน้าลงทว่าน้ำตากลับคลอไปทั้งดวงตา เหตุใดคุณหนูจึงไม่เข้าใจความหวังดีของนาง ทั่วทั้งเมืองหลวงคุณหนูจวนใดบ้างที่อยากคบหากับคุณหนูสกุลหลิว เพียงแค่ได้ยินชื่อก็หลบหน้าหนีกันทั้งนั้น “เฮ้อ..อย่างไรนางก็เป็นสหายข้า นางอาจจะนิสัยไม่เหมือนคุณหนูในห้องหอไปบ้าง แต่นั่นก็ช่วยไม่ได้ไม่ใช่หรือ บิดามารดานางล้วนจากไปตั้งแต่นางยังเล็กนัก ผู้ใดจะสอนเรื่องเหล่านั้นให้นางกันเล่า และอีกอย่างอาหนิงก็เติบโตขึ้นมาในกองทัพ นิสัยนางจึงเป็นเช่นนั้น แต่นางก็เป็นคนจริงใจเป็นอย่างมาก” “เจ้าค่ะเป็นอาชิงที่พูดไม่คิดไปเอง คุณหนูอย่ามีโทสะเลยนะ” อินจูหลีพยักหน้าอย่างพอใจ นางหันหน้าออกไปมองนอกหน้าต่าง รอยยิ้มบนใบหน้าพลันเลือนหาย ดวงตาเรียวจ้องมองผ่านผ้าม่านออกไปอย่างแข็งกร้าว!!..
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD