ตอนที่ 3
องค์ชายเปลี่ยนไป
“ทุกอย่างเตรียมพร้อมหมดแล้ว เชิญเสด็จพ่ะย่ะค่ะ” กู่เหว่ยหยวนเอามือไขว้กันไว้ที่ด้านหลัง ดวงตาคมมองออกไปตามทาง หย่งเสียนหนึ่งในสี่องครักษ์เห็นดังนั้นก็ส่งสายตามองตามทางที่องค์ชายสี่มองไปด้วยเช่นกัน
“องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ” หย่งเสียนเห็นว่ากู่เหว่ยหยวนไม่ได้ตอบสิ่งใดออกมาก็ขมวดคิ้วขึ้นมิใช่ว่าองค์ชายตั้งใจจะเข้าไปล่าสัตว์หรอกหรือ แล้วเหตุใดจึงยังไม่เข้าไปอีกเล่า หรือพระองค์จะรอผู้ใดกัน
“รออีกหน่อย” เป็นจริงอย่างที่องครักษ์หนุ่มคาดคิด กู่เหว่ยหยวนจ้องมองไปทางม้าด้วยความร้อนใจ มือที่อยู่ด้านหลังบีบเข้าหากันแน่น ในใจพร่ำบอกกับตนเองว่า นางจะต้องมา รออีกหน่อยเถอะนางจะต้องมาแน่ ๆ
“แต่หากช้ากว่านี้แดดจะแรง พวกสัตว์จะกลับเข้าไปในป่าลึก ยามนี้อาฝานและอาฟานเข้าไปเตรียมตัวรอด้านในแล้ว รอแค่พระองค์เสด็จพ่ะย่ะค่ะ” ยามนี้ข้างในป่าหย่งฝานและหย่งฟาน สององครักษ์ได้เข้าไปเตรียมความพร้อมเอาไว้หมดแล้ว ใครจะกล้าละเลยความปลอดภัยขององค์ชายกันเล่า
“ข้าบอกให้รอ...เจ้าไปเตรียมตัวเถอะ” หย่งเสียนก้มศีรษะรับคำสั่งและถอยออกไป ทว่าก็ยังอดสงสัยมิใด ก่อนหน้านั้นองค์ชายสี่มิได้บอกว่าจะมีผู้ใดมาร่วมขบวน แม้กระทั่งองค์ชายรองและองค์หญิงหกขอติดตามมาด้วย พระองค์ก็ทรงไม่ยินยอม เหล่าองครักษ์รู้ดีว่าองค์ชายของพวกเขามิชอบความวุ่นวาย การเข้าป่าล่าสัตว์ก็เพียงแค่ต้องการออกมาเที่ยวเล่นแก้เบื่อเท่านั้น
แต่แล้วกู่เหว่ยหยวนก็ได้ยินเสียงม้าวิ่งเข้ามาพร้อมกับร่างอรชรที่อยู่ด้านบนหลังม้า ใบหน้าชายหนุ่มพลันปรากฏรอยยิ้ม เขาก้าวขาออกไปข้างหน้า ทว่าม้าตัวนั้นกลับชะลอความเร็ว และวิ่งเหยาะๆ ไปที่ด้านหลังต้นไม้ กู่เหว่ยหยวนหัวเราะออกมาอย่างขบขัน ยังเหมือนเดิม ครั้งนั้นนางก็ขี่ม้ามาแอบดูเขาเช่นนี้ หย่งเสียนได้ยินเสียงม้าก็กระชับกระบี่ขึ้น พร้อมกับวิ่งขึ้นมาบังด้านหน้าเจ้านายตนเองอย่างระแวดระวัง
“หย่งเสียนเจ้าจะทำอะไรหลบออกไป” มือหนายื่นออกไปผลักองครักษ์ด้านหน้าให้พ้น เขารีบก้าวขาเดินไปยังหลังต้นไม้ ที่ม้าตัวนั้นยืนอยู่ หย่งเสียนพยายามจะห้ามแต่ก็ไม่อาจขัดคำสั่งได้ จึงได้แต่เดินตามไปห่าง ๆ
“เจ้ามาแล้วจะมัวมาแอบอยู่ทำไมเล่า หรือคิดว่าข้าจะมองไม่เห็นเจ้า” หลิวอวี่หนิงเบิกตาขึ้นมา ใบหน้าหวานพลันแดงซ่าน
“องค์ชายมาไล่หม่อมฉันหรือเพคะ หม่อมฉันขอแอบมองพระองค์อีกครู่เดียวก็จะกลับแล้ว” กู่เหว่ยหยวนหัวเราะออกมาอย่างพอใจ นางช่างตรงไปตรงมาเสียเหลือ นางเปิดเผยอย่างน่ารักเช่นนี้ เหตุใดเขาจึงได้มองว่านางน่ารังเกียจไปได้กันนะ
“เจ้าอยากไปล่าสัตว์กับข้าหรือไม่” คำถามที่เอ่ยออกมาอย่างไม่ตั้งตัว ทำให้หลิวอวี่หนิงพลันตกใจระคนดีใจ
“หม่อมฉันไปได้หรือเพคะ” นางถามออกมาพร้อมกับรอยยิ้มที่กว้างขึ้น ดวงตาคู่นั้นเป็นประกายแห่งความคาดหวัง กู่เหว่ยหยวนพลันใจเต้นแรงขึ้นมา อยากจะคว้านางเอามากอด และจุมพิตให้ทั่วใบหน้า เขาคิดถึงนางเหลือเกิน
หลิวอวี่หนิงกระโดดลงจากหลังม้า นางขยับมายืนตรงหน้าก่อนจะย่อกายลงเพื่อทำความเคารพเขา ความจริงนางจะต้องทำการคารวะเขาตั้งแต่ที่เขาเดินเข้ามาแล้ว ทว่านางกลับลืมเสียได้ ก็ใครใช้ให้นางทั้งตื่นเต้นและดีใจกันเล่ากู่เหว่ยหยวนยกคิ้วขึ้นมองนาง
“ขออภัยเพคะ หนิง..เอ่อ..หม่อมฉันลืมแสดงความเคารพพระองค์ ถวายพระพรองค์ชายสี่เพคะ” ครั้นเห็นว่านางย่อกายลง เขาก็เก็บอาการเอาไว้ไม่อยู่แล้ว ชายหนุ่มหัวเราะออกมาดังลั่น พลางเอามือกุมท้อง หนิงหนิงของเขาช่างน่ารัก
“ฮ่า ๆ ๆ..ตามสบายเถอะ เป็นความผิดของข้าเองที่เข้ามาทักเจ้า ว่าอย่างไรเล่าจะไปล่าสัตว์กับข้าหรือไม่” ร่างอรชรขมวดคิ้วขึ้น นางพูดอันใดออกไปหรือ เขาจึงได้หัวเราะงอหงายเช่นนี้ ช่างเส้นตื้นเหลือเกิน
“หม่อมฉัน..เอ่อ..” แน่นอนนางอยากจะไปด้วยกันกับเขา ทว่านางไม่ได้บอกพี่ใหญ่เอาไว้ก่อน หากนางกลับจวนไม่ตรงเวลา ครั้งหน้าก็ยากที่จะได้ออกมาเที่ยวเล่นแล้ว หลิวอวี่หนิงขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าหวานดูยุ่งเหยิง กู่เหว่ยหยวนย่อมเข้าใจความคิดของนาง
“ข้าจะให้ฉีกงกงไปแจ้งที่จวนท่านแม่ทัพหลิว ว่าข้าต้องการให้เจ้าเข้าป่าล่าสัตว์เป็นเพื่อนข้า และหลังจากออกจากป่า ข้าจะไปส่งเจ้ากลับถึงจวนด้วยตนเอง”
“จริงหรือเพคะ”
“แน่นอนว่าจริง เช่นนั้นก็ไปกันเถอะ”
หลิวอวี่หนิงได้ยินเช่นนั้นก็รีบเดินไปที่ม้าตนเอง นางก้าวขาไปเหยียบโกลนและโหนตัวขึ้นบนหลังม้าอย่างชำนาญ ท่าทางนางช่างสง่างามและห้าวหาญยิ่งนัก ไม่เสียแรงที่เป็นบุตรสาวอดีตแม่ทัพหลิวอวี่เหอ และยามนี้นางยังมีพี่ชายอย่างหลิวอวี่เหวินแม่ทัพไร้พ่ายเป็นพี่ชายอีกด้วย พ่อพยัคฆ์ลูกจะเป็นสุนัขได้อย่างไร
กู่เหว่ยหยวนยื่นมือไปจับเชือกบังคับม้าของนาง และจูงม้านางให้เดินไปสมทบกับคนของเขา หลิวอวี่หนิงนั่งยิ้มปล่อยให้เขาจูงม้านางไปด้วยความดีใจ ในหัวใจนางเต้นระรัวเหมือนกับว่าอีกเดี๋ยวมันจะกระเด็นหลุดออกมานอกอกอยู่แล้ว
หญิงสาวยกมือขึ้นกุมหน้าอกตนเอง เหตุใดองค์ชายสี่ถึงได้แปลกไปเช่นนี้ ทำไมเขาถึงได้เข้ามาหานางก่อนและยังชวนนางไปล่าสัตว์กับเขา เท่านั้นยังไม่พอ ยามนี้เขายังจูงม้าให้นางนั่งอีกด้วย ความใจดีที่มาอย่างไม่ทันตั้งตัวนี้คืออะไรกันนะ ไม่ใช่ว่าองค์ชายสี่ชิงชังนางหรอกหรือ
เมื่อวันก่อนนางไปแอบดูเขาที่โรงน้ำชา เขายังต่อว่านางให้อับอายผู้คนอยู่เลยมิใช่หรือ แล้วทำไมวันนี้เขาถึงได้เปลี่ยนไปกัน แต่ก็ช่างเถอะ เขาเปลี่ยนมาสนใจนางก็ดีแล้ว จะมีสิ่งใดดีกว่านี้กันเล่า นางจะต้องคิดมากไปทำไมกัน
กู่เหว่ยหยวนเหมือนจะรู้ว่านางกำลังจ้องมองเขาอยู่ เขาจึงหันหน้าไปส่งยิ้มอ่อนโยนให้นาง หลิวอวี่หนิงรีบก้มหน้าลง ใบหน้าแดงซ่านไปจนถึงใบหู เมื่อเห็นนางเป็นเช่นนี้ชายหนุ่มก็หัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดีเขาจูงม้านางอย่างช้า ๆ ทว่ายังไม่ทันจะถึงตรงที่คนของเขารออยู่ รถม้าคันหนึ่งก็วิ่งเข้ามา ทั้งสามต่างก็หันไปมอง หย่งเสียนจ้องมองอย่างระวังเขาขยับขึ้นมาอีกสองก้าว พลางกระชับกระบี่ขึ้น
“อ่า..หม่อมฉันลืมไปเลยเพคะ หม่อมฉันไม่ได้มาคนเดียวอาหลีเอ่อ..คุณหนูอินก็มาด้วย หม่อมฉันคงไปล่าสัตว์กับพระองค์ไม่ได้แล้ว”
ครั้นได้ยินคำพูดของหลิวอวี่หนิง กู่เหว่ยหยวนก็หยุดชะงักอยู่กับที่ เขากำมือเข้าหากันแน่นจนข้อนิ้วขาวซีดไร้สีเลือด ดวงตาเข้มขึ้นไอสังหารพวยพุ่งออกมาจากร่างหนา
“หม่อมฉันอินจูหลีถวายพระพรองค์ชายสี่เพคะ”รถม้าสกุลอินจอดลง สาวใช้ประคองร่างอรชรลงมาด้วยท่าทางงดงามอ่อนหวาน แต่เมื่อเห็นกู่เหว่ยหยวนจูงม้าให้กับหลิวอวี่หนิง นางก็ชะงักขึ้นทว่าเพียงชั่วครู่ก็ปรับสีหน้ากลับมาอ่อนหวานเช่นเดิม
อินจูหลี!!..นังอสรพิษ กู่เหว่ยหยวนจ้องมองหญิงสาวที่ย่อกายทำความเคารพด้วยสายตารังเกียจ เขาไม่ได้บอกให้นางลุกขึ้น นางจึงย่อกายอยู่อย่างนั้น ขาเรียวเกร็งจนสั่น เหงื่อข้างขมับไหลย้อนลงมา หลิวอวี่หนิงเห็นดังนั้นก็ร้อนใจ
“องค์ชายเพคะ..เอาไว้ครั้งหน้าหม่อมฉันค่อยไปล่าสัตว์กับพระองค์ได้หรือไม่ ครั้งนี้หม่อมฉันนัดอาหลีเอาไว้ พวกเราจะไปดูเครื่องประทินผิวที่ร้านกวนฮวาเพคะ”
“ไม่จำเป็น!! อาเสียนเจ้าไปบอกฉีกงกงส่งคุณหนูอินกลับไปซะ และไปแจ้งแม่ทัพหลิวด้วยว่า คุณหนูหลิวจะเข้าไปล่าสัตว์กับข้า”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“หนิงหนิงพวกเราไปกันเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ข้าจะไปรับเจ้าออกไปดูเครื่องประทินผิวเอง หากเจ้าอยากได้ข้าก็จะซื้อให้ ขอเพียงเจ้าต้องการ ข้ากู่เหว่ยหยวน จะหามาให้เจ้าทุกอย่าง”
อินจูหลีกำมือแน่น นางรอจนคนทั้งคู่เดินจากไปจึงได้ขยับตัว อาจเพราะนางย่อตัวนานเกินไปขานางจึงไร้เรี่ยวแรง แต่ก่อนที่นางจะทันได้ลุกก็ล้มลงไปเสียก่อน หลิวอวี่หนิงหันกลับมาเห็นเข้าพอดี นางกระตุกเชือกม้า เตรียมจะลงแต่เสียงเข้มก็เอ่ยขึ้นมาเสียก่อน
“ฉีกงกงไปช่วยนาง”