บทที่2.3 ตัวร้ายไร้ใจ
เมื่อถึงเรือนคุนหมิง ซ่งหลี่ คนสนิทของคุณชายใหญ่เฉินเจ๋อหยุน ก็เร่งไปตามท่านหมอกวาน หมอประจำตระกูลเฉิน ขณะที่เจียงจูถิงออกไปยกน้ำต้มสุกเทใส่อ่างแล้วนำมาเช็ดบาดแผลของเขา ก่อนใช้ผ้าสะอาดพันห้ามเลือดเอาไว้ชั่วคราว
ดวงตาเรียวมองคนบนเตียงด้วยสายตาเห็นใจ ที่แท้นิสัยเหี้ยมโหด ไร้ใจ ของตัวร้ายผู้ มิใช่เพราะตัวเขาเกิดมาเป็นบุตรชายตระกูลใหญ่แล้วเย่อหยิ่ง แต่เป็นเพราะแท้จริงแล้วเขาเป็นบุตรที่เกิดด้วยความไม่เต็มใจของมารดา
เฉินฮูหยินก่อนหน้านี้นับเป็นยอดสตรี นางมีใจรักมั่นต่อรองแม่ทัพลู่ แต่เพราะถูกบิดาของเฉินเจ๋อหยุนขืนใจ ดังนั้นนอกจากไม่อาจแต่งให้ชายในดวงใจแล้ว นางยังตั้งครรภ์และมีบุตรชายนาม เฉินเจ๋อหยุน ให้ตระกูลหยวน
ดังนั้นนับจากเฉินเจ๋อหยุนคลอดออกมา เขาก็ถูกมารดาตีตราให้เป็นตราบาปที่บิดาเขาฝากเอาไว้ ความเคียดแค้นกรุ่นโกรธทั้งหมดล้วนมาลงที่เขา ไม่เพียงไร้ความรัก แต่ยังเติบโตมากับความเกลียดชัง
ส่วนบิดาเขาแม้เป็นถึงเจ้ากรมอาญา ทว่ากลับหมกมุ่นในเรื่องสตรี ในจวนมีอนุนับสิบคน เมื่อมารดาเขาเย็นชาต่อบิดา บิดาของเขาจึงมิได้ใส่ใจเขาเช่นกัน เช่นนี้แล้วในใจของเขาจึงมืดบอด บิดเบี้ยว
“อาถิง ท่านหมอกวานถูกอนุสามเรียกไปที่เรือน”
อนุสาม ก่อนหน้านี้เฉินเจ๋อหยุนเคยลงมือทำร้ายเฉินเจ๋อหรานไปไม่น้อย ดังนั้นอีกฝ่ายย่อมไม่ยอมปล่อยคนออกมาโดยง่ายอย่างแน่นอน
เจียงจูถิงเม้มริมฝีปากแน่น มองคนบนเตียงที่ใบหน้าซีดเซียวด้วยใจกังวล
"ข้าจะไปหาหมอข้างนอกมารักษาคุณชาย"
ซ่งหลี่ คนสนิทข้างกายเฉินเจ๋อหยุนเอ่ยบอก หากแต่ไม่ทันขยับเท้าเสียงเล็กก็เอ่ยทัดทานเขาไว้ก่อน
"ไม่ได้! เรื่องที่คุณชายบาดเจ็บจะบอกใครไม่ได้"
เจียงจูถิงเอ่ยบอกเสียงสั่น พ่อตัวร้ายคนนี้มีศัตรูรอบตัว เรื่องที่เขาบาดเจ็บหากแพร่งพรายออกไป ชีวิตของเขาย่อมตกอยู่ในอันตราย นี่อาจเป็นสาเหตุให้ทุกครั้งที่เขาถูกมารดาทำร้าย บรรดาสาวใช้ที่รู้เรื่องจึงไม่อาจรักษาชีวิตเอาไว้ได้
"เช่นนั้นข้าจะไปซื้อยามารักษาคุณชาย เจ้ารออยู่ที่นี่ก่อน"
"เจ้าไปไม่ได้"
หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง เรื่องที่พ่อตัวร้ายบาดเจ็บแม้ไม่ได้ป่าวประกาศ แต่ก็ไม่อาจวางใจว่าจะไม่มีผู้ใดล่วงรู้ เช่นนี้แล้วหากผู้อื่นคิดลอบเข้ากำจัดเขาตัวนางที่เป็นเพียงสตรีบอบบางจะเอาชีวิตรอดได้อย่างไร
แน่นอนว่าในฐานะสาวใช้ของเฉินเจ๋อหยุน นางย่อมต้องห่วงใยเขาแต่เหนืออื่นใดนางห่วงชีวิตตัวเองมากกว่า
"เช่นนั้นจะทำเช่นไร"
"ข้าจะไปเอง เจ้าอยู่ดูแลคุณชายที่นี่ก็พอ"
“เจ้าเป็นสาวใช้ของคุณชายออกไปหาหมอซื้อยาผู้คนต้องคาดเดาได้ว่าคุณชายบาดเจ็บ เช่นนี้จะต่างอะไรจากการให้ข้าไปตามหมอมา”
เป็นอีกครั้งที่เจียงจูถิงขบเม้มริมฝีปากบาง ตอนนี้ชีวิตของนางขึ้นอยู่กับคนตรงหน้า ต่อให้อีกฝ่ายจะเป็นตัวร้ายของเรื่องและมีจุดจบไม่ดีนัก แต่นั่นก็เป็นเรื่องในอนาคต
“เช่นนั้นเจ้าก็ทำให้ข้าบาดเจ็บที”
ดวงตาของซ่งหลี่พลันเบิกกว้างเมื่อหญิงสาวยื่นแขนข้างหนึ่งของนางออกมาให้เขา
“อย่าให้เป็นแผลใหญ่มาก ให้ดีเพียงผิวเผินก็พอ”
ในใจของซ่งหลี่พลันเกิดความประทับใจต่อตัวหญิงสาวตรงหน้า รอบตัวคุณชายใหญ่ไหนเลยจะเคยมีคนที่ภักดีต่อเขาเช่นนี้ ในฐานะที่เขารับใช้และภักดีต่อคุณชายใหญ่ยิ่งกว่าชีวิตจึงรู้สึกซาบซึ้ง และยอมรับนางขึ้นมา
“เช่นนั้นลำบากเจ้าแล้ว”
ซ่งหลี่จับแขนเล็กขึ้นมาก่อนจะตวัดมีดสั้นกรีดลงรวดเร็วคราเดียวเป็นแผลยาวตั้งแต่ไหล่ลงมาจนถึงศอกเล็ก
“โอ๊ย! อาหลี่เจ้าลงมือหนักไปหรือไม่”
เจียงจูถิงขบกรามเอ่ยตำหนิเขาลอดไรฟัน ซ่งหลี่ไหนเลยจะกล้าโต้ตอบนางทำได้เพียงก้มหน้าขออภัย
“แผลคุณชายใหญ่สาหัสไม่น้อย ข้าเกรงว่าหากแผลเจ้าเล็กไปท่านหมอจะจ่ายยาให้ได้ไม่มากนัก”
“เจ้า!”
เจียงจูถิงแทบอยากจะย้อนเวลากลับไป แล้วกลืนถ้อยคำอาสาก่อนหน้านี้ของตนลงท้องเสีย
“ฝนใกล้ตกแล้ว เจ้าเร่งไปเถิด”
เจียงจูถิงตวัดตามองค้อนเขาอีกรอบก่อนจะหันไปหยิบผ้ามาพันแผลที่ต้นแขนของตนแล้วเร่งออกไปจากเรือนคุนหมิง
“อาถิง นี่เจ้าบาดเจ็บหรือ”
เสียงของต้าสง บ่าวที่เฝ้าหน้าเรือนคุนหมิงเอ่ยถามด้วยความห่วงใย เพียงแต่เวลานี้เจียงจูถิงปวดร้าวไปทั้งต้นแขน จึงทำได้เพียงพยักหน้ารับเท่านั้น
“เจ้าจะไปที่ใดให้ข้าไปส่งหรือไม่”
“ไม่เป็นไรเจ้าอยู่เฝ้าหน้าเรือนเถิด หากคุณชายออกมาไม่เห็นจะโดนตำหนิเอา”
“คุณชายใหญ่ ถูกเฉินฮูหยินทำให้บาดเจ็บหนักเพียงนั้นจะออกมาตำหนิข้าได้อย่างไร”
บาดเจ็บหนัก แม้เมื่อครู่ตอนนางพาเฉินเจ๋อหยุนกลับเรือนคุนหมิง เขาจะบาดเจ็บหนักจนจะจวนสิ้นสติ แต่ทุกกิริยาก็ยังคงรักษาท่าทางเอาไว้ เช่นนี้แล้วต้าสงรู้ได้อย่างไรว่าเขาบาดเจ็บหนัก
“ต้าสง เจ้าเอ่ยเรื่องอันใดกันคนอย่างคุณชายใหญ่น่ะหรือจะถูกผู้อื่นทำให้บาดเจ็บ หากกล่าวว่าเขาทำผู้อื่นบาดเจ็บเช่นนี้จึงเรียกว่าถูกต้อง”
เจียงจูถิงแม้เริ่มรู้สึกอ่อนแรง แต่จะอย่างไรเรื่องที่เจ้าของเรือนบาดเจ็บก็ยังต้องปกปิดเอาไว้ก่อน
“อาถิง”
เสียงของท่านป้าชุนดังขึ้นที่หน้าเรือน ก่อนที่บนใบหน้าของหญิงชราจะปรากฏแววตาตื่นตระหนก
“คุณชายใหญ่ลงมือกับเจ้าหนักเพียงนี้เชียวหรือ”
ชื่อเสียงความโหดเหี้ยมของคุณชายใหญ่เฉินนั้นผู้คนในจวนตระกูลเฉินต่างรู้กันดี วันนี้อีกฝ่ายถูกเฉินฮูหยินเรียกข้าไปในเรือน พิจารณาจากความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ เกรงว่าการพบปะครั้งนี้คงไม่ใช่เพื่อสนทนาสานสัมพันธ์แม่ลูกรักใคร่เช่นผู้อื่น ดังนั้นยามที่เห็นเจียงจูถิงเดินออกจากเรือนมาด้วยแขนอาบโลหิตทุกคนจึงมองนางด้วยความเวทนาสงสาร
“ที่ท้ายถนนจี้เสียงมีโรงหมออยู่ ท่านหมอผู้นี้เป็นบุรุษมีน้ำใจ เจ้าไปหาเขาย่อมประหยัดเงินในถุงได้มาก”
“ขอบคุณท่านป้าชุนเจ้าค่ะ”
....................................................
ไม่รู้เป็นเพราะสวรรค์กลั่นแกล้ง หรือเพราะชะตาของเจียงจูถิงถึงคราวตกอับ ตอนนี้ไม่เพียงแขนซ้ายที่เริ่มไร้ความรู้สึก แม้แต่สติของนางก็เริ่มพร่าเลือน สายฝนยังซ้ำเติมโหมกระหน่ำจนนางเปียกโชกไปทั้งตัว
เจียงจูถิงใช้เวลาร่วมครึ่งชั่วยามในที่สุดก็ฝ่าสายฝนมาถึงเรือนท่านหมอไป๋
“แม่นาง เจ้ามาได้อย่างไร”
“ท่านหมอไป๋ใช่หรือไม่เจ้าคะ”
ทันทีที่ชายหนุ่มตรงหน้าพยักหน้ารับใบหน้าเรียวก็ปรากฏรอยยิ้มสะกดสายตา
“แม่นาง เจ้าบาดเจ็บอยู่เข้ามาทำแผลใส่ยาก่อนเถิด”
เจียงจูถิงได้ยินคำเชื้อเชิญแสนอ่อนโยนก็สาวเท้าเข้าไปในโรงหมอของอีกฝ่ายอย่างว่าง่าย ทุกย่างก้าวดวงตาเรียวก็กวาดตาสำรวจรอบตัว ท่านหมอไป๋มีอายุมากกว่าสามสิบปีย่อมมองความคิดของคนตรงหน้าออก เขายกยิ้มอ่อนโยนก่อนเอ่ยเสียงอบอุ่น
“โรงหมอของข้าไม่ใหญ่โต แต่รับรองว่าผลของเจ้าจะหายดีในเร็ววัน”
“ขออภัยท่านหมอ ข้าไม่ได้ตั้งใจเสียมารยาท”
“เรื่องเช่นนี้จะนับว่าเสียมารยาทได้อย่างไร มาเถิดข้าขอดูแผลเจ้าหน่อย”
กล่าวจบบุรุษตรงหน้าก็ค่อยๆ ม้วนแขนเสื้อของนางขึ้น คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันแน่น มองรอยแผลเป็นทางยาวแม้ไม่ลึกแต่ก็ใหญ่เกินกว่าจะเป็นบาดแผลอุบัติเหตุเล็กน้อย สตรีตรงหน้าไปพบเจอเรื่องใดมากัน
“แผลไม่ลึกมาก ใส่ยาทำแผลไม่เกินเจ็ดวันก็หายดี”
“แล้วหากเป็นแผลลึกๆ เล่าเจ้าคะ”
หมอไป๋ชะงักมือที่กำลังหยิบตลับยาทาให้นาง หากแต่บนใบหน้าก็ยังคงมีรอยยิ้มอ่อนโยน
“ยิ่งลึกมากขึ้น ก็ใช้เวลารักษาเพิ่มขึ้น”
“เช่นนั้นท่านช่วยจ่ายยาสำหรับแผลลึกมากๆ ได้ไหมเจ้าคะ ขอยาแก้ปวด แก้ไข เอาทุกยาที่รักษาบาดแผลเลยเจ้าค่ะ”
“ข้าเป็นหมอจะจ่ายยาทุกอย่างโดยไม่วิเคราะห์โรคได้อย่างไร”
เจียงจูถิงเม้มริมฝีปากบาง ในดวงตามีแววขบคิดจนบุรุษตรงหน้ารู้สึกขบขัน
“บอกมาเถิดอีกฝ่ายมีอาการอย่างไรบ้าง ข้าสาบานจะไม่บอกผู้ใด”
มิรู้เพราะท่าทางที่ชวนผ่อนคล้าย หรือเพราะวาจาที่น่าเชื่อถือของคนตรงหน้า ทว่าสุดท้ายเจียงจูถิงก็บอกอาการของพ่อตัวร้ายไปจนหมดสิ้น
“หากแผลลึกเพียงครึ่งชุ่น อีกทั้งเขายังหายใจได้ดีอยู่ก็ไม่น่ากังวลมาก แต่ยังต้องระวังอยู่ ข้าจะจัดยาให้”
“ขอบพระคุณเจ้าค่ะ”
เจียงจูถิงรับห่อยาจากท่านหมอตรงหน้าแล้วก้มศีรษะเอ่ยขอบคุณ ก่อนจะมอบเงินหนึ่งตำลึงเงินให้เขาเป็นการตอบแทน
“เจ้าเก็บไว้เถิด ข้าไม่คิดเงิน”
“ข้าไม่ได้จ่ายค่ายาเสียหน่อย ข้าแค่อยากสร้างบุญร่วมกับท่าน”
ในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดได้มาโดยไม่มีการแลกเปลี่ยน รวมถึงสมุนไพรในมือของนางด้วยเช่นกัน เพียงแต่เจียงจูถิงไม่รู้ตัวสักนิดว่าประโยคของตนสร้างความปั่นป่วนในใจอีกฝ่ายจนทั่วทั้งใบหน้าร้อนผ่าว ลำคอแห้งผากหลงลืมคำแนะนำที่ต้องบอกนางไปจนหมด
“ข้ากลับก่อนนะเจ้าคะ”
“ดะ... เดี๋ยวก่อน”
เจียงจูถิงชะงักเท้าหันกลับมาตามเสียงเรียก ท่านหมอไป๋รู้สึกว่าร่างกายของตนไม่ใช่ของตนเป็นครั้งแรก มือไม้ก็พลันเกะกะขึ้นมา สุดท้ายจึงหันไปหยิบร่มส่งให้นางคันหนึ่ง
“นำมาคืนด้วย”
เจียงจูถิงยิ้มกว้างรับร่มของอีกฝ่ายมากางแล้วสาวเท้าจากไปอย่างเร่งรีบ จึงไม่ทันเห็นสายตาอาวรณ์ของอีกฝ่ายที่มองตามแผ่นหลังบาง
ข้าไม่อยากได้ร่มคืน เพียงอยากมีโอกาสพบเจ้าอีกครั้ง
ดวงตาอบอุ่นมองเงินตำลึงในมือแล้วยิ้มกว้าง ข้าแค่อยากสร้างบุญร่วมกับท่าน ประโยคใสซื่อที่นางเอ่ยโดยไม่ทันคิด หากแต่กลับสลักลงในใจท่านหมอไป๋โดยไม่รู้ตัว
ข้าก็อยากสร้างบุญร่วมกับเจ้า
....................................................