บทที่2.2 ตัวร้ายไร้ใจ

1582 Words
บทที่2.2 ตัวร้ายไร้ใจ ยามอิ่ว เฉินเจ๋อหยุนก็กลับถึงจวนตระกูลเฉิน และเช่นทุกครั้งที่เขากลับถึงจวน เขาจะต้องตรงไปที่เรือนของมารดาเพื่อเอ่ยบอกการมาถึงของตน “ท่านแม่ข้ากลับมาแล้ว” “รกหู รกตายิ่ง ไสหัวไป” เฉินเจ๋อหยุนขบกรามแน่น สองมือกำเข้าหากัน สายตาดำมืดมองประตูเรือนที่ไม่แม้แต่จะเปิดต้อนรับเขาด้วยความรู้สึกขมพร่าในอก “โหวกเหวกโวยวาย ต่ำทรามเช่นบิดาไม่มีผิด” “น่ารำคาญเสียยิ่งกว่าเศษสวะ” ถ้อยคำเหล่านี้ผู้เป็นมารดามักเอ่ยโต้ตอบยามที่เขาแวะมาแจ้งถึงการกลับมาของตนเป็นประจำ ใบหน้าของเฉินเจ๋อหยุนมืดคล้ำ ในแววตาฉายชัดถึงร่องรอยขุ่นเคืองในใจ “คุณชาย” “กลับเรือนคุนหมิง” น้ำเสียงราบเรียบ และท่าทางคล้ายไม่ใส่ใจที่เขาแสดงออกมานั้น มิใช่เพราะเขาคุ้นเคย หรือเคยชินกับความเฉยชา ไร้ใจของมารดา แต่เพราะเขาเจ็บปวดเกินจะบรรยายออกมา สองเท้าจึงเร่งก้าวเดินกลับเรือนของตนด้วยความปวดร้าว เพียงแต่ทันทีที่เท้าของเขาก้าวเหยียบเขตเรือนคุนหมิง เสียงสดใสคุ้นเคยก็ดังขึ้น “คุณชายท่านกลับมาแล้ว” สองเดือนแล้วที่เขาได้ยินเสียงสดใส อบอุ่น และได้เห็นรอยยิ้มอ่อนโยนเช่นนี้ของนาง นางรอคอยเขา ความรู้สึกที่คล้ายมีใครสักคนกำลังรอคอยเขาเช่นนี้ ทำให้ความรู้สึกไร้ค่า ปวดร้าวก่อนหน้าจางหายไป ราวสายลมพัดผ่าน “อืม... ข้ากลับมาแล้ว” เขาขานรับในลำคอ เอ่ยตอบเพียงประโยคเดียวก็เดินผ่านสาวใช้ข้างห้องของตนเข้าไปในห้องนอนหลัก เจียงจูถิงเดินตามมาก่อนจะส่งผ้าชุบน้ำให้เขาใช้เช็ดหน้าตา และเนื้อตัว “บ่าวเตรียมน้ำอาบ และผ้าเปลี่ยนให้ท่านแล้วเจ้าค่ะ” แม้จะเป็นประโยคที่นางเอ่ยเช่นนี้มาเดือนกว่าแล้ว แต่เฉินเจ๋อหยุนกลับไม่รู้สึกเบื่อหน่ายเลยสักนิด ขยับตัวลุกขึ้นกางแขนให้นางช่วยปลดผ้าก่อนจะเดินไปอาบน้ำ ที่ห้องอาบน้ำหลังฉากกั้น “ขัดหลังให้ข้า” “เอ่อ...” เฉินเจ๋อหยุนขมวดคิ้วเข้มเมื่อเห็นท่าทางลังเลคล้ายไม่เต็มใจของนาง มือหนาจึงคว้าเข้าที่ข้อมือเล็กมากอบกุม ยามที่ใช้หัวแม่มือไล้ผ่านอุ้งมือเล็ก คิ้วเข้มก็ขมวดเข้าหากันอย่างไม่พอใจ “เจ้าไม่ได้ทายาที่ข้าให้ไว้” “ยา...” เจียงจูถิงไม่เข้าใจในสิ่งที่พ่อตัวร้ายเอ่ยถามนาง เฉินเจ๋อหยุนตวัดสายตาขุ่นเคืองมองนางพร้อมกับเอ่ยน้ำเสียงเยือกเย็น “อยากถูกตัดมืออย่างนั้นหรือ” เจียงจูถิงได้ยินคำว่าตัดมือก็ดึงมือของตนเองออกจากมือหนา พร้อมกับขยับตัวถอยห่างจากอ่างอาบน้ำของเขา ใบหน้าเรียวส่งรอยยิ้มแห้งให้เขา ก่อนจะเร่งเอ่ยเสียงรัวเร็ว “บ่าวจะไปทาเดี๋ยวนี้เลยเจ้าค่ะ” นับจากนางก้าวเท้าเข้ามาในเรือนคุนหมิงของพ่อตัวร้าย เขามอบตลับยาให้นางสองตลับ เช่นนั้นยาที่เขาเอ่ยถึงย่อมหมายถึงอีกตลับที่นางวางไว้ในลิ้นชักหัวเตียง เฉินเจ๋อหยุนมองร่างเล็กที่วิ่งเข้าไปในห้องเล็กข้างห้องเขาแล้วยกยิ้มขบขัน ยิ้ม! ดูเหมือนนับจากที่นางก้าวเข้ามาในเรือนคุนหมิงของเขา เขาจะเผลอยิ้มอยู่บ่อยครั้ง ดวงตาคมมองไปยังทิศที่หญิงสาววิ่งจากไป ในใจพลันเกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้นมา เจียงจูถิง หากเจ้ากล้าทรยศข้า ข้าจะทำให้เจ้าทรมานยิ่งกว่าตายทั้งเป็น สายตาเยือกเย็นกวาดมองรอบๆ ตัว ที่แท้กลิ่นหอมละมุนชวนผ่อนคลายเกิดจากดอกไม้พวกนี้ แน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ย่อมไม่มีผู้ใดกล้าลงมือทำนอกจาก สาวใช้ข้างห้องของเขา ในมื้อเย็นเจียงจูถิงยังคงนั่งรับอาหารร่วมกับคุณชายของตน ตอนนี้นางไม่รู้สึกหวาดกลัวจนตัวเกร็งเหมือนเมื่อครั้งแรกที่ร่วมโต๊ะกับเขาแล้ว บนใบหน้าจึงมีรอยยิ้มบางๆ ชวนให้คนมองเจริญอาหาร ยามที่วางตะเกียบลงเฉินเจ๋อหยุนก็พบว่าตนเองกินข้าวหมดถ้วยเป็นครั้งแรก เจียงจูถิงมองแผ่นหลังกว้างที่ก้าวเดินออกจากเรือนด้วยความห่วงใย อีกสามวันจะถึงกำหนดการงานเลี้ยงฉลองวันเฉลิมพระชนมพรรษาครบรอบห้าสิบปีขององค์ฮ่องเต้ ในฐานะเลขาธิการของกองทัพ อีกทั้งยังเป็นขุนนางทรงโปรด เฉินเจ๋อหยุนย่อมไม่มีทางปฏิเสธการไปร่วมงานครั้งนี้ เช่นนี้แล้วชะตารักแสนเศร้าของเขาก็คงมิอาจหลีกเลี่ยงจริงๆ ในนิยาย “ห้วงรัตติกาล” กล่าวถึงความประทับใจแรกพบที่พ่อตัวร้ายมีต่อนางเอก เพราะอีกฝ่ายเป็นสตรีอ่อนโยน อีกทั้งยังมีพรสวรรค์เรื่องสมุนไพร หลังจากพบกันโดยบังเอิญนางเอกก็ได้ยื่นไมตรีช่วยรักษาบาดแผลที่เขาถูกมารดาทำร้าย แน่นอนว่าการรักษาครั้งนี้ไม่เพียงเยียวยาบาดแผล แต่ยังเยียวยาหัวใจของพ่อตัวร้ายอีกด้วย บาดแผลจากการถูกมารดาทำร้าย สองเดือนที่ผ่านมาเจียงจูถิงดูแลเฉินเจ๋อหยุนอย่างใกล้ชิด บนร่างกายของเขาไร้ร่องรอยของบาดแผลจากการถูกทำร้าย เช่นนั้นหมายความว่าบาดแผลนี้ต้องเกิดขึ้นในเร็ววันนี้แน่นอน ............................................... ยามอิ่ว หลังจากลับถึงจวนตระกูลเฉิน เฉินเจ๋อหยุนก็เข้าไปแจ้งมารดาเช่นปกติ เพียงแต่ที่ไม่ปกติก็คือ ครั้งนี้มารดาเรียกเขาเข้าไปหาในเรือนของนาง “ซ่งหลี่ส่งเสื้อคลุมตัวนอกมาให้ข้า” เฉินเจ๋อหยุนเอ่ยบอกเสียงเยือกเย็น ก่อนจะรับเสื้อสีดำจากมือบ่าวคนสนิทมาสวมทับ มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย้ยหยัน กับความยินดีที่เกิดขึ้นในใจของตนเอง ยี่สิบสี่ปีที่ผ่านมาทุกครั้งที่มารดาเรียกเขาไปพบ หากไม่ตำหนิ ดุด่า ก็ทำร้ายร่างกาย หากแต่ส่วนลึกในใจของเขากลับยังคงรอคอยการเรียกหานี้มาโดยตลอด ช่างเป็นการรอคอยที่น่าสมเพชยิ่งนัก “ข้าได้ยินว่าเจ้ามีปัญหากับใต้เท้าลู่” “เป็นเช่นนั้น” เพี๊ยะ! เสียงฝ่ามือเรียวกระทบใบหน้าคมดังลั่น สาวใช้ที่อยู่รอบเรือนต่างพากันถอยห่างไปนับสิบจั้ง ผู้ที่มิอาจหลีกหนีต่างยืนตัวสั่นสะท้าน ด้วยทุกครั้งที่คุณชายใหญ่ถูกมารดาลงโทษ หลังจากนั้นไม่นานบรรดาสาวใช้ที่เห็นเหตุการณ์ก็จะหายสาบสูญไปทีละคนอย่างไร้สาเหตุ ดังนั้นคราใดที่คุณชายใหญ่ก้าวเท้าเข้าเรือนเฉินฮูหยิน บรรดาสาวใช้จึงเลี่ยงที่จะอยู่ในเรือน “ข้าเคยบอกเจ้าแล้วอย่างไรอย่าได้แตะต้องเขา” เฉินเจ๋อหยุนไม่เอ่ยโต้ตอบ เพียงตวัดสายตาขุ่นเคืองจ้องมองมารดาของตน อีกฝ่ายไม่เอ่ยสอบถามเหตุการณ์ก็ลงมือทำร้ายเขาอย่างโหดร้าย เช่นนี้แล้วเขายังสมควรละเว้นคนแซ่ลู่ผู้นั้นอยู่หรือ “หากมีโอกาสแม้เพียงนิดเดียว ข้าก็จะไม่ปล่อยมันไป” “เจ้ากล้าหรือ” “แล้วท่านคิดว่าข้ากล้าหรือไม่เล่า” อั๊ก! เฉินเจ๋อหยุนเอ่ยจบประโยค มีดสั้นเล่มหนึ่งก็แทงสวนมาที่เหนืออกซ้ายของเขา เฉินเจ๋อหยุนรู้สึกชาไปทั้งตัว โลหิตมากมายไหลทะลักออกมาจากบาดแผล เพียงแต่บาดแผลสาหัสเพียงนี้เขากลับไม่เจ็บปวดเท่ากับวาจาของมารดาที่เอ่ยออกมา “เช่นนั้นก็อย่าได้มีโอกาส” “คุณชายใหญ่!” เสียงหวานใสที่คุ้นเคยดังที่หน้าประตูเรือนมารดา เฉินเจ๋อหยุนหันไปตามเสียงเรียกภาพเงาร่างบอบบางของสตรีนางหนึ่ง ที่แม้เห็นไม่ชัดเจนแต่เขากลับจดจำได้ดี “ถิงถิง” คำเรียกขานอ่อนโยนแผ่วเบาดังขึ้น ก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะทรุดลง เจียงจูถิงเร่งเข้าไปรับร่างสูงใหญ่ที่กำลังซวนเซไว้แนบอก กลิ่นกายคุ้นเคยของนางทำให้คิ้วเข้มที่ขมวดแน่นค่อยๆ คลายออก ริมฝีปากมีรอยยิ้มบางๆ ก่อนเอ่ยเสียงแผ่วเบาราวสายลมหนึ่งประโยค “ข้ากลับมาแล้ว” “คุณชาย... เจ้าค่ะข้าทราบแล้ว” นางก้มลงกระซิบเอ่ยตอบคนในอ้อมอกเสียงอ่อนโยนแผ่วเบาเช่นกัน “เจ้ามาก็ดีแล้ว พาคุณชายของเจ้าไสหัวออกไปจากเรือนข้า” น้ำเสียงและท่าทางของเฉินฮูหยิน แสดงชัดเจนถึงความเกลียดชังที่มีต่อบุรุษตรงหน้า แม้ในนิยายจะบรรยายว่าเฉินฮูหยินเกลียดชังบุตรชายตัวร้ายผู้นี้มาก แต่เจียงจูถิงกลับคาดไม่ถึงว่าความเกลียดชังที่มารดามีต่ออบุตรชายจะสามารถมากมายได้ถึงเพียงนี้ “เด็กๆ มาทำความสะอาดให้ดี อย่าให้เลือดชั่วร้ายอัปมงคลติดอยู่ในเรือนข้า” ถ้อยคำของเฉินฮูหยินแม้แต่เจียงจูถิงที่ได้ยินก็ยังรู้สึกปวดร้าวในอก มือเล็กโอบกอดศีรษะคนบนตักแนบอก หวังปิดการได้ยินของคนเจ็บเอาไว้ ให้เขาไม่ต้องรับรู้ข้อความเจ็บปวดเหล่านี้ เพียงแต่ในห้องที่มีเพียงพวกเขาสามคน อีกฝ่ายกล่าวเสียงดังก้องเพียงนี้เฉินเจ๋อหยุนจะไม่ได้ยินได้อย่างไร “ถิงถิง พาข้ากลับเรือนที” “เจ้าค่ะ” ...............................................
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD