EP.05

1025 Words
มือปราบหนุ่มย่อกายลงนั่งด้านข้างของศพชายกลางคนที่มีผิวหนังเหี่ยวแห้งจนแนบกระดูก ใบหน้าของศพแม้จะแห้งกรังและมีร่องรอยของการถูกสัตว์น้ำตอดผิวหนังเสียจนแทบจะจำใบหน้าเดิมไม่ได้ แต่ก็พอมองออกว่าผู้ตายนี้มีอาการตื่นตกใจอย่างที่สุดก่อนจะสิ้นลมหายใจ เพราะดวงตาเบิกกว้างและริมฝีปากที่อ้าค้าง “ท่านมือปราบขอรับ เชื่อข้าเถิดขอรับ ศพนี่ไม่ได้ถูกนำไปตากแห้งก่อนจะทิ้งลงน้ำ อย่างที่ท่านมือปราบท่านอื่นๆ เขียนรายงานส่งไปหรอกขอรับ แต่ว่าพวกเขา เอ่อ... ข้าหมายถึงว่าทุกศพที่แล้วๆ มานั้น ล้วนแต่ถูกดูดน้ำหล่อเลี้ยงในร่างกายไปจนหมด จนตาย จนร่างกายแห้งเหี่ยวอย่างที่เห็น ก่อนจะถูกนำมาทิ้งลงน้ำขอรับ” ซือเฉิงพูดอย่างกล้าๆ เกรงๆ เพราะแน่ใจว่ามือปราบหนุ่มที่ถูกส่งตัวมาจากเมืองหลวง ไม่มีทางเชื่อในเรื่องบอกเล่าของคนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้านแน่ แต่เพราะเขาคิดว่าควรบอก จึงบอก แม้จะไม่เชื่อ แต่ก็ถือว่าเขาได้บอกแล้ว และอีกไม่นานเขาก็จะได้ผู้บังคับบัญชาคนใหม่อย่างแน่นอน เพราะท่านมือปราบจิ้นซินคนนี้ก็คงจะคว้าน้ำเหลวตามท่านอื่นๆ ไป “ข้าจะเชื่อก็ต่อเมื่อได้เห็นด้วยตาตัวเองและได้พิสูจน์แล้วเท่านั้น แต่เจ้าไม่ต้องกังวลไปว่าข้าจะลบหลู่ดูหมิ่นความเชื่อของคนที่นี่ เพราะหากสิ่งใดที่ข้าไม่รู้จริง ข้าจะไม่ปรักปรำว่าเป็นเรื่องงมงาย เพราะข้าเองก็เคารพในสิทธิ์ของผู้อื่น ขอเพียงไม่ให้กระทบกับงานของข้าเท่านั้น แล้วนี่เจ้ามีหลักฐานอะไรบ้างเกี่ยวกับศพ” จิ้นซินหันไปถามซือเฉิงที่ทำสีหน้าเคร่งเครียดบอกไม่ถูก จากบันทึกที่เขาได้อ่านเมื่อทางการส่งตัวเขามาประจำที่นี่ก็พบว่าทุกศพที่เจอมีสภาพเหมือนกัน นั่นคือ เป็นศพตายแห้ง ก่อนจะทิ้งลงน้ำ ส่วนสภาพศพจะเละหรือมีสภาพเหลือแค่ไหน ก็อยู่ที่ว่าจะอยู่ในน้ำมานานหลายวัน หรือจะมีสัตว์กัดแทะมากน้อยเท่าไร ซึ่งจากบันทึกเหล่านั้น เขาอยากคิดเหมือนที่ท่านมือปราบท่านอื่นเขียนรายงาน นั่นคือ แต่ละศพนั้นถูกตากแห้งทั้งเป็นจนตาย จากนั้นค่อยทิ้งลงน้ำมา แต่ก็มีคำให้การของพยานรู้เห็นในบางศพว่าเพิ่งพบเจอกับผู้ตายไม่กี่วันก่อนจะกลายเป็นศพ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ว่า ศพนั้นๆ จะถูกตากแห้งแล้วค่อยทิ้งน้ำ เพราะระยะเวลาแค่ไม่กี่วัน คงไม่มีแดดหรือความร้อนใดๆ จะทำให้น้ำในร่างกายของผู้ตายแห้งเหือดจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกเช่นนี้ ทั้งใบหน้าของศพส่วนใหญ่ที่ยังพอเห็นได้หากไม่ถูกสัตว์น้ำตอดกินไปเสียก่อนก็กลับมีลักษณะตื่นตกใจ และที่สำคัญทุกศพอยู่ในสภาพเปลือยกาย แต่ก็ยังมีสิ่งขัดแย้งในเรื่องการฆาตกรรม และทั้งขัดแย้งกันในเรื่องอาถรรพ์ลี้ลับที่ชาวบ้านเชื่อถือ เมื่อหลักฐานสำคัญก็คือ แต่ละศพนั้นก่อนตาย พวกเขาล้วนเป็นชายฉกรรจ์และต่างถอดเสื้อผ้าทิ้งไว้ริมตลิ่ง จะเป็นไปได้หรือที่สิ่งลี้ลับนั้นจะบังคับให้พวกเขาพร้อมใจกันแก้ผ้าลงน้ำ จิ้นซินมองกองเสื้อผ้าของศพที่ซือเฉิงแจ้งว่าถูกถอดทิ้งไว้ที่ตลิ่งริมน้ำข้างวัดร้าง และจากคำบอกเล่าของร้านข้าวสารในเมืองก็คือ ชายคนนี้ชื่อ จิ่นหลิง มาทำงานรับจ้างแบกข้าวสาร เป็นคนขยัน มาทำงานเพื่อเก็บเงินไว้ไปไถ่ที่นาให้แม่ และที่พำนักของจิ่นหลิงก็คือวัดร้างนั่นเอง “ข้าสอบถามชาวบ้านแล้วขอรับ จิ่นหลิ่งเพิ่งมาทำงานที่ร้านขายข้าวสารได้ยังไม่ทันสิบวันขอรับ และเมื่อคืนจิ่นหลิงเลิกงานมาตอนยามห้าย เหล่าสาวงามของซ้อเจ็ดก็ต่างยืนยันว่าเห็นจิ่นหลิงเดินผ่านที่หน้าหอเมื่อคืนขอรับ” “ยามห้าย... เมื่อคืน” หัวคิ้วเข้มเลิกขึ้นเป็นคำถาม “ขอรับ จิ่นหลิงขึ้นข้าวเสร็จก็ตรงดิ่งกลับมาที่วัดร้างเลยขอรับ ไม่ได้แวะที่ไหน สาวๆ ร้องทัก จิ่นหลิงก็ได้แต่ส่ายหน้า คงเพราะต้องการเก็บเงินให้มากล่ะขอรับ สิ่งฟุ่มเฟือยจึงไม่ควร” “นี่เจ้าจะยืนยันว่าจิ่นหลิงเพิ่งตายเมื่อคืน แต่สภาพศพเป็นซากแห้งแบบนี้น่ะรึ” จิ้นซินมองหน้ามือปราบประจำชุมชนอย่างต้องการคำตอบ นึกฉุนเฉียวในใจที่ลูกน้องไม่คิดจะหาสาเหตุการตายที่ชี้ชัด แต่กลับเชื่อในสิ่งเหนือธรรมชาติ สิ่งที่เป็นที่เล่าขานของหมู่บ้าน จนไม่คิดหาเหตุหาผลมาหักล้างการตายแบบพิสดารมากมายหลายสิบศพ เขาไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมือปราบคนเก่าไม่สามารถสะสางคดีนี้ได้และปล่อยให้เจ้าฆาตกรย่ามใจ ทำแล้วทำอีกไม่หยุด ศพแล้วศพเล่า ที่ต้องเซ่นสังเวยความเชื่อ และอาจเป็นไปได้ว่าเจ้าฆาตกรก็เป็นคนที่คลั่งไคล้ความเชื่อนี้เช่นกัน “ขอรับ ข้าเชื่อแบบนั้น และบรรดาเพื่อนๆ ที่อาศัยวัดร้างอยู่เช่นเดียวกับจิ่นหลิงก็บอกว่า เขาไม่ได้กลับเข้าไปในวัดนะขอรับ แปลว่าจิ่นหลิงต้องเจอกับอะไรบางอย่างระหว่างทาง” “อะไรบางอย่าง อะไรเล่า เจ้าตอบได้หรือไม่” “เอ่อ... ถ้าตามความเชื่อของชาวบ้าน เขาก็ว่าเป็น ‘ผีพราย’ นะขอรับ ผีพรายเป็นผู้หญิงสวยที่มาจับผู้ชายไปสมสู่ จากนั้นก็ดูดน้ำเลี้ยงออกจากตัวจนหมด” จิ้นซินถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ ดวงตาคมจ้องผู้ใต้บังคับบัญชาเขม็ง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD