EP.04

966 Words
เสียงหวานสั่นวิญญาณของสาวสวยทำให้ความสุขสมของเขาพวยพุ่งตามคำเร่งเร้าและแรงควบขี่ไม่ลดละ ดวงตาของเขาจ้องเรือนร่างงดงามที่สะบัดพลิ้วไหวด้วยความกระสันอยากของแม่นางคนงาม และโพรงชุ่มฉ่ำของดอกเหมยก็บีบรัดกระบองดุ้นโตของเขาแนบแน่น แน่น... แน่น... และก็แน่นเสียจนความหฤหรรษ์ที่ได้รับเพียงอึดใจที่ผ่านมากลับกลายเป็นอีกความรู้สึกหนึ่งแทนที่ “แม่นาง...” ดวงตาสวยหวานทอดมองเจ้าของความแข็งแกร่งเบื้องล่าง พร้อมกับแย้มยิ้มอย่างมีความสุขที่ทำให้ดวงตาของเขาต้องเบิกกว้างด้วยความตกใจ “ปะ... ปล่อยข้า... ปล่อยข้านะ เจ้า... ปล่อยข้า...” เสียงร้องคล้ายจะได้ยินเพียงในลำคอยามที่ร่างแข็งขืนพยายามดิ้นรนพากระบองที่ยังคงแข็งขืนอยู่ในร่องฉ่ำอย่างน่าเหลือเชื่อ ทั้งที่ควรจะหดตัวเมื่อหยาดอุ่นพวยพุ่งไปแล้ว แต่ไม่ว่าจะดิ้นรนเท่าไร ก็ไม่อาจทำให้หลุดออกจากโพรงดอกเหมยที่บีบรัดแน่นขนัดนี้ได้ ความแนบแน่นมากมายจนเขาหายใจไม่ออก คล้ายกับว่าโพรงดอกเหมยนี้มีชีวิต และมันไม่ยอมปลดปล่อยเขาออกไป “ปล่อยข้า... ปล่อยข้า... ปล่อยข้า...” เสียงที่ไม่ได้หลุดออกจากปากทำให้ดวงตาชายรับจ้างเบิกกว้างด้วยความตกใจ เมื่อสาวงามยังควบขี่ร่างของเขาอย่างเมามันพร้อมกับเสียงกรีดร้องที่ผ่านเข้ามาในหูครั้งแล้วครั้งเล่า เมื่อความเสียวทั้งจากเขาและนางยังคงพุ่งทะยานไปข้างหน้าไม่หยุด “ปะ... ปล่อย... ข้า...” เสียงสุดท้ายที่หลุดไม่พ้นลำคอครางแผ่วพร้อมกับหยาดหยดอุ่นวาบที่พวยพุ่งตลอดเวลาราวกับถูกดูดออกด้วยโพรงดอกเหมยแนบแน่น ภาพสุดท้ายที่ชายรับจ้างได้เห็นและฝังลึกลงสู่ความทรงจำก่อนวิญญาณจะล่องลอยก็คือ ใบหน้างดงามมีรอยยิ้มน้อยๆ ดวงตาหวานหยาดเยิ้มดำสนิทแปลเปลี่ยนเป็นสีแดงดั่งเลือด รอยยิ้มหยันปรากฏที่มุมปากก่อนที่ร่างแบบบางเปล่าเปลือยจะค่อยๆ พาร่างงามระหงของนางลุกขึ้น ดวงตางามทอดมองซากศพเหี่ยวแห้งไม่ต่างจากซากลูกไม้ที่เหี่ยวเฉาตามเวลาเมื่อน้ำหล่อเลี้ยงความแข็งแกร่งทั้งหมดนั้นถูกซูบออกมาจนหมดสิ้นแล้ว ร่างที่นอนชิดติดอยู่กับรากหลิวลอยเหนือน้ำจึงเหลือเพียงซากแห้งกรังหนังหุ้มกระดูก ทว่าใบหน้านั้นยังแสดงความตื่นตระหนกสุดขีดออกมาให้เห็น เพราะวิญญาณเพิ่งถูกกระชากออกจากร่างเพียงแค่อึดใจ สาวงามพาร่างแบบบางเยื้องย่างก้าวลงสู่เวิ้งน้ำเบื้องหน้า ใบหน้าสวยหวานหันมองสภาพซากศพที่ยังคงนอนนิ่งอยู่ที่เดิม ก่อนที่รากหลิวจะลู่ลงพาซากศพจมสู่ใต้น้ำ พร้อมกับใบหน้างดงามที่อิ่มเอิบไปด้วยเลือดฝาดจะแย้มยิ้มและค่อยๆ จมลงสู่ท้องน้ำเช่นเดียวกัน “กรี๊ดดดดด...” เสียงกรีดร้องดังมาจากท่าน้ำหน้าตลาดใหญ่ เรียกผู้คนทั่วบริเวณมุ่งความสนใจไปที่จุดนั้น คนอยู่ใกล้วิ่งไปโดยเร็ว คนอยู่ไกลก็สอดส่ายมองหาที่มาของเสียง และสิ่งที่เห็นก็ทำให้พ่อค้า แม่ค้า ลูกค้า และเหล่าคนงานรับจ้าง ที่อยู่ในบริเวณต้องตกตะลึงไปตามๆ กัน บ้างก็หันไปอาเจียนเอาอาหารเช้าที่เพิ่งทานออกไปจนหมด บ้างก็เบือนหน้าหนีไปอีกทางเพราะไม่กล้ามองตรง และมีบ้างที่ต้องฝืนใจเพราะอยากรู้อยากเห็น เพียงไม่นานมือปราบหลวงก็มาถึง ทั่วบริเวณมีผ้ากางกั้นไม่ให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปวุ่นวาย แต่เหล่าชาวบ้านก็ยังคงสอดส่ายสายตาอยากรู้อยากเห็น ด้วยเหตุฆาตกรรมสยองขวัญนี้เกิดขึ้นมานับครั้งไม่ถ้วนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เฉลี่ยแล้วจะมีคนตายในลักษณะนี้ถึงเดือนละสองรายด้วยกัน และสำหรับเดือนนี้ นี่คือศพแรก ทำให้ชาวบ้านยิ่งหวาดผวาเพราะนั่นก็เท่ากับว่าอีกศพนั้นมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นอีกในไม่กี่วันข้างหน้านี้ “เป็นอย่างไรบ้างอาซือ” เสียงทุ้มของผู้มาใหม่ที่เอ่ยถาม ทำให้ ‘ซือเฉิง’ มือปราบชั้นผู้น้อยตั้งท่าทำความเคารพมือปราบจากเมืองหลวงซึ่งเป็นเจ้านายของเขาโดยตรง ด้วยคดีนี้ ‘จิ้นซิน’ สุดยอดมือปราบแห่งเมืองหลวง ได้รับมอบหมายให้มาจัดการหาตัวคนร้ายให้ได้ เพราะไม่ว่าทางเมืองหลวงจะส่งใครมาทำคดี ก็มีแต่คว้าน้ำเหลว เพราะสุดท้ายแล้วก็ยังมีศพผู้ชายลอยตามน้ำมาอยู่ดี “เหมือนกับศพที่แล้วๆ มาขอรับท่านมือปราบ สภาพแห้งราวกับขาดน้ำหรือถูกนำไปตากแห้งก่อนจะทิ้งลงน้ำขอรับ” ซือเฉิงเอ่ยตอบมือปราบหนุ่ม พร้อมกับขนกายที่ลุกขึ้นตั้งชันอย่างรู้สาเหตุเป็นอย่างดี เพราะหากไม่ใช่คดีที่เกิดในพื้นที่ของเขาก็อย่าหวังเลยว่าเขาจะมาเฉียดใกล้กับสถานการณ์เยี่ยงนี้ เพราะแม่น้ำสายหลักในเมืองหลวงนี้ทอดตัวจากหุบเขาลึก ซึ่งจากสายตาคาดคะเน และจากที่ชาวบ้านหาปลาเคยสำรวจก็พบว่า แม่น้ำนี้ยาวมากกว่าหนึ่งร้อยลี้ อีกทั้งยังแยกตัวเป็นเวิ้งน้ำ เป็นแม่น้ำสายน้อยใหญ่ ตลอดทั้งเส้นทาง จึงไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเหตุฆาตกรรมที่เกิดขึ้นนี้ จะเกิดในเวิ้งใดหรือในแม่น้ำสายย่อยสายใด เพราะหากจะนับจากศพที่ลอยมาติดตามริมตลิ่ง ก็พบว่ามีแทบทุกสายทุกเวิ้ง และก็เป็นเรื่องเล่าสืบต่อกันมานานตั้งแต่ก่อนที่เขาจะเกิดเสียอีก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD