Ep4 (จบบท) : คุณมันตัวร้าย by...kanokrot

3879 Words
รถวีโก้คาร์สีดำสนิทจอดพรืดลงบริเวณด้านหน้าของโรงแรมระดับห้าดาวใจกลางกรุงเทพๆ ร่างใหญ่หลังพวงมาลัยเมื่อปลดเข็มขัดนิรภัยออกจากร่างของตัวเองเสร็จ ขาทรงพลังจึงเตรียมก้าวลงมาจากรถยนต์คันหรู  เพื่อมุ่งหน้าไปยังห้องทำงานของท่านประธานใหญ่ของโรงแรมแห่งนี้ตามความเคยชินเหมือนทุกครั้งยามเมื่อเวลาเขามาหาไอ้เพื่อนรัก  แต่สายตาคมเหยี่ยวหลังแว่นกันแดดแบรนด์ดัง ดันปะทะเข้ากับร่างแน่งน้อยของหญิงสาวเข้าเสียก่อน   ร่างน้อยที่มักทำให้เขามีอารมณ์ไม่คงเส้นคงวามาตั้งแต่เมื่อวานนี้ ไอ้ความคิดที่จะเดินไปทักเพื่อนรักก็มีอันต้องพับเก็บใส่กระเป๋าไปโดยปริยาย... น่านพยัคฆ์จึงเปลี่ยนเส้นทางเดินของตัวเองแบบไม่ต้องหยุดคิดให้เปลืองเวลา เมื่อขาเจ้ากรรมมันก้าวไปตามคำสั่งของหัวใจล้วนๆ...  เอาไว้ค่อยโทรบอกวรสิทธิ์ทีหลังก็ได้  ใจร้อนๆของเขามันไม่อยากเสียเวลาแม้เพียงเศษเสี้ยววินาทีเลยด้วยซ้ำ ที่จะได้ใกล้ชิดกับแม่เมียเนื้อหวานของตัวเอง ห่างจากนารีเป็นอื่น  ฮึ... เขาเองก็อยากจะบ้าตายกับไอ้อาการเนื้อเต้นนี้ซะเหลือเกิน ไม่รู้มันเป็นบ้าอะไรของมันนักหนา ยามเมื่อได้เห็นเพียงใบหน้าหวานปานน้ำผึ้งนั้นทีไร ใจเขามันต้องสั่นทุกครั้งไปเสียทุกที... “นิดา เธอมันแม่มดสำหรับฉันชัดๆ...”  ชายหนุ่มหลุดเสียงรำพันชื่อของเมียขัดดอกของตัวเองออกมาด้วยความหงุดหงิด  เมื่อยามได้กลับมาเห็นใบหน้างดงามหมดจดของเธออีกครั้ง  หัวใจแข็งกร้าวของเขามันก็ดันเต้นจังหวะถี่รัวแปลกๆอย่างไรพิกล  เฮ้อ!!! เป็นเอามากเลยนะเรา...น่านพยัคฆ์ถึงกับส่ายหัวให้กับตัวเอง ก่อนจะมองตรงไปยังร่างน้อยของเมียตัวเองด้วยแววตาสื่อความหมายว่าคิดถึง...  ดี...จะได้ไม่ต้องเสียเวลาตามหาให้ยุ่งยากอีก...  เมื่อคิดได้ดังนั้น น่านพยัคฆ์จึงเปิดประตูรถออกมาด้านนอก ก่อนจะเดินจ้ำอ้าวตรงไปยังร่างอรชร เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาไปมากกว่านี้... โดยที่เจ้าของร่างอรชร มัวแต่ชะเง้อคอมองออกไปยังถนนทางเข้าหน้าโรงแรมอย่างใจจดใจจ่อ  มือน้อยก็กำกระเป๋าเดินทางใบเก่าเอาไว้แน่น เธอออกมายืนรอคนของไร่ราชพยัคฆ์อยู่เกือบครึ่งชั่วโมงได้แล้ว แต่ป่านนี้ก็ยังไม่เห็นวี่แววว่าจะมีหลังคารถของใคร ขับผ่านเข้ามาถนนเส้นนี้เลยแม้สักคันเดียว... ก็คุณน้ำฟ้าบอกให้มายืนรออยู่ตรงนี้นี่นา เอ...หรือว่าเราจะมายืนรอผิดทาง หญิงสาวขมวดคิ้วย่นใช้ความคิดโดยไม่ทันได้ระวังตัว...  “ว้าย!!! “ เสียงหวานร้องดังขึ้นด้วยความตกใจ เมื่ออยู่ดีๆกระเป๋าใบเก่าของตัวเองดันถูกฉกฉวยไปต่อหน้าต่อตา “เอากระเป๋าของฉันคืนมานะ! “ เสียงเล็กร้องประท้วง ก่อนจะยื้อเอากระเป๋าของตัวเองดึงกลับคืนมาด้วยแรงเท่ามด สายตาหวานเชื่อมก็ดันเผลอเงยขึ้นมองไปยังใบหน้าของโจรอุกอาจตามสัญชาติญาณ  นิดาแทบจะปล่อยกระเป๋าในมือไปให้ไอ้โจรผู้นี้ได้ครอบครองเสียแล้ว เมื่อเธอดันเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าเต็มๆของไอ้โจรขโมยกระเป๋า ดวงตาหวานเชื่อมถึงกับเบิกโพลง จิตใจดวงน้อยกระตุกสั่นไหวแทบสิ้นสติ เมื่อได้เห็นใบหน้าเต็มๆของไอ้วายร้ายตรงหน้าเข้าอย่างจัง... “อ๊ะ!!!” นิดาหลุดเสียงอุทานตกใจ  เมื่อชายหนุ่มตรงหน้า ซึ่งมีรูปร่างสูงใหญ่จนดูน่าเกรงขาม บนศีรษะได้รูปนั้นก็สวมหมวกแก๊ปสีน้ำเงินเข้มบดบังอำพรางเอาไว้ ส่วนใบหน้าโครงเหลี่ยมก็เต็มไปด้วยหนวดเครา  ถึงจะดูรกรุงรังอยู่บ้างแต่ก็ทำให้ใบหน้านั้น ดูชวนมองขึ้นอยู่มากโข  นิดาถึงกับรีบก้มใบหน้าหวานลงวูบ เมื่อเธอนึกขึ้นได้ ดันไปแอบให้ความชื่นชมกับไอ้โจรขโมยกระเป๋าได้เสียนี่...  “ขึ้นรถ...” เสียงทรงอำนาจสั่งห้วน ไม่ได้สนใจแรงยื้อเท่ามดของคนร่างบางเลยแม้แต่น้อย ชายหนุ่มอดรู้สึกรำคาญตาเล็กๆไม่ได้ เมื่อเขาเห็นสีหน้าตกใจนั้นของหญิงสาว... แม่เจ้าประคุณ จะตกใจอะไรเวอร์ซะปานนั้นกันนะ ทำไมไม่เคยเห็นคนหล่อหน้าเข้มหรือไงวะ หรือต้องหน้าขาวๆแบบไอ้ตี๋นั่น เธอถึงจะชอบกันแน่.. น่านพยัคฆ์กัดกรามกรอดอย่างขัดใจ... “ฉันบอกให้เธอขึ้นรถ...”  น่านพยัคฆ์สั่งเสียงเข้มขึ้นอีกครั้ง “ฉันไม่ขึ้น...แล้วทำไมฉันต้องขึ้นรถตามคำสั่งของคุณด้วยไม่ทราบ...” เสียงหวานปฏิเสธเสียงสั่น ถึงใจจะกลัวแสนกลัวไอ้โจรหน้ารกตรงหน้ามากแค่ไหน แต่เธอจะไม่ยอมให้ใครมารังแกกันได้อีกแล้ว ตายเป็นตายสิหึ...ให้มันรู้กันไป จะมีใครกล้าเข้ามาขโมยของกลางวันแสกๆแบบนี้ได้ แถมในนี้ยังเป็นถึงโรงแรมระดับห้าดาวด้วยนะ... ใบหน้าหวานเชิดคอตั้งตรงขึ้น ไม่ยอมก้าวเดินตามคำสั่งของผู้ชายหน้าโจร ร่างงามยังคงรั้งกระเป๋าในมือเอาไว้ ไม่ยอมให้เขาเอากระเป๋าของเธอไปได้ง่ายๆ... “ฉันบอกให้เธอขึ้นรถ...”  น่านพยัคฆ์เน้นคำเสียงดังหันขวับไปจ้องร่างน้อยด้วยอารมณ์คนพาล อารมณ์ป่วนปั่นเพราะไม่ชอบใจสายตาหวาดระแวงของเมียรัก ทำให้น่านพยัคฆ์ตะคอกเสียงดังใส่ “แล้วนายเป็นใครมิทราบ...ถือดียังไงมาแย้งกระเป๋าของฉันไป ปล่อยกระเป๋าคืนมาให้ฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ ไม่งั้นฉันจะร้องให้คนช่วย ในนี้เป็นโรงแรมระดับห้าดาว นายไม่กลัวหรือไง ถึงได้กล้ามาขโมยกระเป๋ากลางวันแสกๆได้...”  หญิงสาวขู่ฟ่อกลับบ้าง ไม่ได้สนใจจะไปขึ้นรถตามคำสั่งของชายหนุ่ม มันเรื่องอะไรกันล่ะ อยู่ดีๆจะมาสั่งให้เธอขึ้นรถไปกับเขา “ก็เป็น...ฮึ...แล้วเธอกำลังจะไปไหนกันล่ะแม่หน้าวอก...” นอกจากน่านพยัคฆ์จะยียวนไม่ยอมตอบคำถามง่ายๆ  เขากลับตั้งคำถามแถมยังเรียกชื่อของเธออย่างน่าโดนตบเสียด้วย  นิดามองหน้าคนยียวนอีกครั้งด้วยความโกรธ แต่พอได้ยินเขาถาม เธอกำลังจะไปไหน หญิงสาวจึงนึกขึ้นมาได้ “ก็ฉันกำลังรอคน...หรือว่า...” นิดาหยุดคิดนิดหนึ่งก่อนจะร้องอ้อขึ้นมาในใจ “อ้อ...” “แล้วจะขึ้นรถได้หรือยังแม่คุณ...” “คุณคงเป็นคนในไร่ราชพยัคฆ์สินะคะ...” เมื่อเขาไม่ตอบนิดาจึงสรุปได้ในทันที แล้วก็ไม่ยอมบอกกันดีๆตั้งแต่แรก นายคนนี้คงเป็นคนงานของไร่ราชพยัคฆ์สินะ เมื่อนิดานึกขึ้นได้จึงยอมปล่อยกระเป๋าในมือให้กับชายหนุ่มไป ถึงจะรู้สึกไม่พอใจในการกระทำหยาบคายไร้มารยาทของเขาอยู่มาก อยู่ดีๆก็มายื้อเอากระเป๋าไปจากมือของเธอแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย แต่นิดาก็พยายามทำความเข้าใจ คนทำงานในไร่ในดอย คงจะมีนิสัยแข็งกระด้างไม่ละเอียดอ่อนเหมือนดั่งคนทำงานในเมืองหลวงทั่วๆไป “เอ่อว่าแต่นี่...คุณน่านพยัคฆ์ให้คุณมารับฉันหรือคะ...”  นิดาเอ่ยถามหลังจากเดินตามชายหนุ่มไป สายตาหวานแอบชำเลืองขึ้นสำรวจแผ่นไหล่กว้างอย่างชื่นชม ความรู้สึกวาบหวามบางอย่างทำให้เธอรู้สึกอบอุ่น คุ้นเคย และไว้ใจผู้ชายคนนี้อยู่ไม่น้อย มันเป็นความรู้สึกแปลกใหม่สำหรับตัวเธอ... น่านพยัคฆ์เพียงหันกลับมาชำเลืองหางตามองร่างน้อยทางด้านหลัง แต่ไม่ยอมตอบคำถามอะไรออกไปสักคำ แววตาหลังแว่นกันแดดสีดำ ฉายบางอย่างออกมา เมื่อในสมองร้ายกาจของเขาคิดอะไรสนุกๆขึ้นมาได้... นิดายังมีความเพียรพยายามจะสอบถามข้อสงสัยต่อไปไม่หยุดหย่อน ถึงเขาจะไม่ได้ตอบ แต่เธอก็ยังอยากจะถามเขาเพื่อเป็นการผูกมิตรไมตรีกันเอาไว้... “แล้วคุณชื่ออะไรคะ....ฉันชื่อนิดา เรียกนิเฉยๆก็ได้ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ และขอบคุณมากๆที่คุณอุตส่าห์ลงมารับฉันถึงกรุงเทพฯ คงจะขับรถลงมาเหนื่อยน่าดู...”  นิดาแนะนำตัวเองเป็นการผูกมิตร แต่ก็ยังได้รับความเฉยชาจากชายหนุ่มเป็นการตอบกลับ ร่างใหญ่เดินถือกระเป๋านำไปยังทิศทางด้านหลังของตัวโรงแรม โดยยังไม่พูดอะไรออกมาสักคำ มันเป็นลานจอดรถของพวกฝ่ายบริหารระดับสูง นิดากวาดตามองโดยรอบจึงร้องอ้อขึ้นในใจ..ถึงว่าสิทำไมเธอถึงไม่เห็นเขา...เพราะเธอมายืนรอเขาผิดที่นั่นเอง “เอ่อแล้ว...” “มีใครเคยบอกเธอบ้างไหมแม่หน้าวอก...ว่าเธอมันเป็นผู้หญิงที่น่ารำคาญที่สุดในโลกเลยวะ...” น่านพยัคฆ์สวนขึ้นเสียงแข็ง  ไม่ใช่เพียงคำพูดจะร้ายกาจแม้แต่สีหน้าของเขาก็แสดงความรำคาญออกมาชัดเจน นิดาถึงกับสะอึกรู้สึกหน้าชาขึ้นมา ริมฝีปาอิ่มเม้มเข้าหากันเป็นเส้นตรง พยายามนับหนึ่งให้ถึงร้อยในใจ ผู้ชายอะไรทั้งไร้มารยาททั้งปากไม่ดี คนเขาอุตส่าห์พูดจาดีๆด้วยแท้ๆ หึ... “ก็ไม่เห็นจะมีใครบอกนะคะ ส่วนมากเขาก็บอกว่าฉันเป็นคนพูดน้อยกันทั้งนั้น...”  ไม่รู้ทำไมกับชายหนุ่มผู้นี้ เธอถึงใจกล้า ขนาดถึงขั้นไปต่อปากต่อคำกับเขาได้  อาจเป็นเพราะเธอเริ่มรู้สึกหมั่นไส้ความขี้เก็กของเขาขึ้นมาตงิดๆ  ผู้ชายบ้าอะไรใบหน้าก็ไม่ต่างจากโจรห้าร้อย แต่ทำตัวซะสูงส่ง เหมือนเป็นเทพบุตรลงมาจุติก็ไม่ปาน... หึ...น่านพยัคฆ์เหล่ตามองหญิงสาว ก่อนจะเดินมาท้ายรถ เขาโยนกระเป๋าในมือลงเสียงดังโครมตามแรงอารมณ์ โดยไม่เกรงใจเจ้าของแม้แต่น้อยนิด นิดาเห็นแล้วก็อยากจะหาอะไรมาฟาดหัวเขาให้เจ็บนัก... หน้าตาก็เหมือนโจรป่าห้าร้อยยังจะมีนิสัยแย่ๆอีก ใครได้ไปเป็นสามีคงซวยไปตลอดทั้งชาติเลยล่ะ...สิ่งที่หญิงสาวนึก ไม่คิดเลยสักนิด ว่าคนๆนั้นอาจเป็นตัวเธอเองหาใช่ใครอื่นไกล... “นี่คุณ...ระวังหน่อยสิคะ โยนลงแบบนั้น เดี๋ยวกระเป๋าฉันก็พังหมดพอดี” นิดาเหวใส่เสียงเขียว ใบหน้าสวยหวานเชิดขึ้นส่งสายตาไม่พอใจไปให้เขาได้รับรู้ แต่น่านพยัคฆ์กับทำเป็นยักไหล่ขึ้นทำเป็นไม่สนใจ “พังก็พังสิ ไม่ใช่กระเป๋าของฉันสักหน่อย“  น่านพยัคฆ์สวนกลับอย่างไม่ใยดี พร้อมกับปิดท้ายรถเสียงดัง...ปัง!ใส่หน้าคนประท้วงให้อีก “ก็ของมันทั้งเก่าทั้งซอมซ่อจะขาดแหล่ไม่ขาดแหล่อยู่แล้วนั่น ยังจะหวงอยู่อีกทำไม เป็นฉันนะ คงได้ทิ้งมันไปตั้งนานแล้วล่ะ ไม่กล้าเก็บเอามาใช้อีกหรอก กลัวจะขาดติดมือเอาได้น่ะ ดูมือฉันสิ จะเป็นอันตรายอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้...”  ถึงปากจะพูดจาดูถูกหญิงสาวออกไปแบบนั้น แต่ภายในใจเขากลับคิดตรงกันข้าม ชีวิตของนิดาคงจะลำบากมาไม่ใช่น้อย ไม่รู้ว่าจะเคยมีของดีๆใช้กับเขาบ้างหรือเปล่าด้วย เมื่อดูจากเสื้อผ้ากับของใช้ติดตัวของหญิงสาว มันทั้งเก่าทั้งเชยเหมือนกับผ่านการใช้งานมานานหลายปี คนโดนดูถูกซึ่งๆหน้า ต้องเม้มริมฝีปากเข้าหากันสนิท... “เอ๊ะ!...ถึงมันจะเก่าจะขาดมันก็เป็นของๆฉันนะคะ คุณถือดียังไงมาพูดจาดูถูกของๆคนอื่นเขาแบบนี้ ของจะเก่าจะใหม่ฉันก็ไม่เคยไปขอคุณกินเสียหน่อย...” นิดาแย้งขึ้นเมื่อเธอหมดความอดทน  ของทุกๆชิ้นถึงมันจะดูเก่าไม่สวยงามตามค่าสมัยนิยมของยุคปัจจุบัน แต่ก็ล้วนมาจากน้ำพักน้ำแรงที่เธอเก็บหอมรอมริบหาซื้อมาใช้ด้วยตัวเองแทบทั้งสิ้น  คนบ้านวนาสินทธิ์ นอกจากให้ที่ซุกหัวนอนกับอาหารทุกมื้อแล้ว เงินเดือนแต่ละเดือนก็แทบจะเหลือมาให้เธอน้อยนิด เพราะคุณเพียงใจจะหาเรื่องหักค่านู่นค่านี่ของเธออยู่ทุกเดือน “ก็เพราะฉันดูถูกไง ไม่ได้บอกว่าดูผิดสักหน่อย..ก็ของมันเห็นๆกันอยู่” น่านพยัคฆ์ยักไหล่ขึ้นอีก แกล้งมองสำรวจร่างบางตั้งแต่หัวจรดเท้าพร้อมกับส่ายศีรษะไปมา นิดาใบหน้าแดงก่ำกำมือเข้าหากันแน่น พยายามระงับอารมณ์โกรธเอาไว้อย่างเต็มที่ สะบัดหน้างามไปทางอื่น เธอไม่อยากจะมองหน้าคนปากไม่ดี หญิงสาวทำเป็นไม่สนใจคำพูดร้ายกาจของคนปากไม่ดี เมื่อความจริงเขาก็พูดถูกทุกอย่าง กระเป๋าใบนี้เธอใช้มันมานานหลายปีมาก ถ้าจะทิ้งไป ก็กลัวจะต้องเปลืองเงินซื้อใบใหม่มาใช้อีก ของอะไรที่ยังพอนำกลับมาใช้ใหม่ได้ เธอก็ไม่เคยนึกอับอาย ในเมื่อเธอเป็นเพียงแค่คนรับใช้ ใยจะต้องมีของใช้ราคาแพงๆเอาไว้อวดใครด้วยเล่า... “ฮึ...ฮึ...”  น่านพยัคยกยิ้มเมื่อเห็นใบหน้าหวานงอง้ำลง เมียเขานี่ยิ่งมองก็ยิ่งสวยนะให้ตายเหอะ ถ้าอดใจไว้ไม่ไหว มีหวังคงได้จับปล้ำมันในรถนี่แหละ... “หมดปัญหาแล้วงั้นก็ขึ้นรถสิแม่คุณ จะยืนเซ่อซ่าให้ท่าผู้ชายอีกนานไหมฮะ หรือคิดว่าไอ้ที่เรียกร้องความสนใจอยู่นี่มันจะสวยตายล่ะ...อ้อ... หรือจะยืนรอให้อันเชิญพระเกี้ยวมาอุ้มขึ้นรถก่อนถึงจะยอมขึ้นมาได้ ทำตัวน่ารำคาญไม่พอ ยังจะมาเล่นองค์อยู่นั่นแหละ...นี่มันก็สายมากแล้วไม่เห็นหรือไง กว่าจะถึงไร่ ไม่ปาเข้าไปอีกวันหรือไงแม่คุณ...” น่านพยัคฆ์ส่งเสียงดุ เร่งให้หญิงสาวขึ้นรถ นิดาถึงกับพ่นลมหายใจออก ก่อนจะเปิดประตูรถ ก้าวขึ้นไปนั่งด้วยท่าทางปั้นปึงใส่คนปากร้ายนิสัยแย่... “ว้าย!!! “ เมื่อขึ้นมานั่งได้ยังไม่ทันจะเรียบร้อยดี ร่างหนาก็โน้มทั้งใบหน้าทั้งร่างกายใหญ่โตของเขาเข้ามาประชิดโดยนิดาไม่ได้ระวังตัวเอง ดวงตากลมโตถึงกับเบิกกว้าง เมื่อปลายจมูกโด่งเฉียดแก้มใสไปเพียงเส้นยาแดงผ่าแปด แถมหน้าอกนุ่มหยุ่นของเธอก็สัมผัสเข้ากับหน้าอกแข็งแกร่งของเขาเข้าอย่างจังเสียด้วย ถ้าหูเธอไม่ฟาด เธอยังได้ยินเสียงสูดลมหายใจจากเขาดังเล็ดลอดออกมาเสียด้วย... “คุณ!...” นิดาผลักร่างใหญ่ออกห่าง ใบหน้านวลขึ้นสีแดงระเรื่อ ทั้งรู้สึกเขินและโกรธในเวลาเดียวกัน “ก็เธอมันช้า ก็ฉันบอกแล้ว ฉันรีบ หูแตกหรือไง...” น่านพยัคฆ์ส่งเสียงดังกลบเกลื่อนอาการเขินของตัวเอง ก่อนจะพาร่างใหญ่เบี่ยงกลับมาประจำที่หลังพวงมาลัยตามเดิม  ส่วนใบหน้าหล่อนั่นก็นิ่งเฉยไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมาสักนิด เขาทำเหมือนมันเป็นเรื่องปกติธรรมดาทั่วๆไป กับการเข้าถึงเนื้อถึงตัวของชายหญิงซึ่งเพิ่งจะเคยพบหน้ากันไม่กี่นาทีที่ผ่านมานี้เอง “ถ้ารีบนัก...คุณก็ขับรถออกไปสิ เข็มขัดแค่นี้ฉันคาดเองได้ คงไม่ต้องรบกวนให้คุณมาเสียเวลาคาดให้หรอกค่ะ... ”  นิดากระแทกเสียงใส่ให้คนหวังดี มันจะมากเกินไปแล้วนะ ดวงตาหวานมองชายหนุ่มเขียวปั้ด “นี่แม่คุณ อย่าได้คิดหลงตัวเองไปหน่อยนักเลยนะ เห็นว่ามัวทำอะไรชักช้าร่ำไร ก็เลยทำให้ อย่ามาทำเป็นสะบัดสะบิ้ง ให้มันมากเรื่องนักเลยแม่คุณจร้า  อ้อ...อีกอย่างหนึ่งนะ ก็อย่าหลงตัว คิดว่าฉันเกิดพิศวาสเธอขึ้นมาเชียว ผู้หญิงแบบเธอ ฉันพิศวาสไม่หลงหรอกบอกตามตรงเลย...” ไม่พิศสาสเลยแต่เขากำลังจะตะบะแตกอยู่แล้ว น่านพยัคฆ์ต้องข่มใจตัวเองเอาไว้ยากยิ่งยวด โดยเลือกใช้คำพูดตรงข้ามกับความรู้สึกของตัวเองออกไป เมื่อไอ้น้องชายตัวดีมันกำลังจะสำแดงฤทธาขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากร่ำร่ำจะกระโจนเข้าใส่ตั้งแต่แรกเห็นใบหน้าหวานยืนชะเง้อคอยาวมองหาใครอยู่ ก็ไอ้กลิ่นหอมบ้าๆภายในตัวของสาวเจ้านี่น่ะสิ มันกำลังเล่นงานเขาให้บ้าคลั่ง... “ไอ้คนบ้า คนหลงตัวเอง...” คนโดนกล่าวหาถึงกับเหวใส่ “จี้โดนใจเธอใช่ไหมล่ะ ถึงได้เต้นเป็นจ้าวเข้าขึ้นมา...” “หน้าตาก็ไม่ต่างจากโจรห้าร้อย ใครเขาคิดไปพิศวาสคุณไม่ทราบฮะ...คนหลงตัวเอง...” “ก็เธอไงที่แอบคิด อย่านึกนะว่าฉันจะดูผู้หญิงอย่างเธอไม่ออก...” “ตาถั่วนะสิ ที่มองว่าฉันจะแอบนึกพิศวาสผู้ชายแบบคุณ...” นิดาสะบัดเสียงใส่ด้วยความเจ็บใจ ในเมื่อรู้ตัวเองดีว่าเธอคงทำอะไรเขาให้หายเจ็บใจไม่ได้ไปมากกว่าการนิ่งเฉย  เพราะหากเธอยังคงดื้อดึง พูดจาตอบโต้กลับไป ก็คงจะมีแต่เธอที่เสียเปรียบเขาอยู่วันยังค่ำ นิดาเลยเลือกจะปิดปาก ไม่ยอมเอ่ยอะไรออกมาตลอดเส้นทาง ปล่อยให้เขาหลงตัวเองไปคนเดียวเถอะ ไอ้โจรห้าร้อย...                                                                            ***********************   นิดาต้องขมวดคิ้วขึ้น เมื่อชายหนุ่มหน้าโจร เลี้ยวรถเข้ามาจอดยังห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ก็ไหนเขาบอกว่ารีบไง...ทำไมถึงเข้ามาจอดในห้างสรรพสินค้าเสียได้ หรือเขานัดกับใครเอาไว้หรือเปล่า...ต่อให้เธอสงสัยมากสักแค่ไหน นิดาก็เลือกจะสบงปากสงบคำไม่คิดจะเอ่ยถามอะไรออกไปสักคำเดียว เขาจะแวะมาทำธุระอะไรมันก็เรื่องของเขา เธอจะรอเขาอยู่ในรถนี่ก็แล้วกัน... น่านพยัคฆ์ไม่พูดไม่จาเมื่อจอดรถเสร็จเขาก็รีบเปิดประตูรถฝั่งของตัวเอง ก้าวขาลงไปโดยไม่คิดจะหันกลับไปชวนอีกคน  นิดาก็ไม่สนใจยังคงนั่งนิ่งอยู่ภายในรถ จนเมื่อคนเจ้าอารมณ์หันหลังกลับมา แล้วไม่เห็นหญิงสาวก้าวเดินตามเขาอย่างใจคิด น่านพยัคฆ์ก็เลยต้องเดินหน้ามุ่ยหันหลังกลับ เดินตรงไปยังรถยนต์ของตัวเองเช่นเดิม “ว้าย!!!”  นิดาถึงกับอุทานเสียงหลงด้วยความตกใจ เมื่อประตูฝั่งของตัวเองถูกกระชากเปิดออกอย่างแรง ตามด้วยฝ่ามือใหญ่ดึงร่างของเธอให้ก้าวลงมาจากในรถอย่างไม่ปราณี “เธอนี่มันจริงๆเลยนะ ทำไมชอบทำให้ฉันอารมณ์เสียอยู่เรื่อยเลย ทำไมถึงไม่เดินตามลงมาล่ะห๊ะ...” น่ายพยัคฆ์กระชากร่างน้อยลงมาจากรถอย่างหัวเสีย เมื่อเขาหันมาไม่เห็นหญิงสาวเดินตามออกมาเสียที “โอ้ย!...เจ็บนะ” หญิงสาวร้องประท้วงเสียงสั่น เมื่อข้อมือน้อยถูกเขาบีบเข้าจนเจ็บ “ก็ใครจะไปรู้กับคุณด้วยล่ะ ว่าจะให้ฉันตามคุณลงไปด้วย” นิดานิ่วหน้าเมื่อเขาไม่ยอมผ่อนแรงบีบข้อมือ “โง่..” น่านพยัคฆ์สาดคำใส่อย่างไม่คิดจะไว้หน้า “สวยก็ไม่สวย แถมยังฉลาดน้อยอีก เรื่องแค่นี้คิดเองไม่ได้หรือไง...ตามมานี่ แล้วก็หุบปากไม่ต้องพ่นคำเน่าๆอะไรออกมาทั้งนั้น ถ้าไม่อยากเจ็บตัวมากกว่านี้...” ไม่พูดเปล่าแต่น่านพยัคฆ์ยังฉุดร่างน้อยให้เดินตามลิ่วๆโดยไม่ฟังเสียงประท้วงใดๆจากหญิงสาว คนโดนกระชาก ถึงกับน้ำตาคลอเบ้ารู้สึกหวาดกลัวชายหนุ่มอยู่ไม่น้อย ทั้งคำพูดและการกระทำของเขา บ่งบอกว่าเขาไม่ชอบเธออย่างมาก จะมาจากสาเหตุอะไรนิดาก็อยากจะรู้เหมือนกัน... และเมื่อน่านพยัคฆ์ลากร่างน้อยออกมาจากลิฟต์ เขาก็มุ่งหน้าตรงไปยังโซนของเสื้อผ้าสตรีแบรนด์ดัง ซึ่งเขากับเจ้าของร้านรู้จักกันเป็นการส่วนตัวมาตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ต่างประเทศ “สวัสดีค่ะคุณ...” พนักงานยกมือไหว้เอ่ยทักทาย “ช่วยจัดการตามที่ผมโทรมาสั่งด้วยก็แล้วกันนะครับ...” น่านพยัคฆ์เอ่ยแทรกขึ้นเมื่อพนักงานในร้านออกมาต้อนรับเขาอย่างคนคุ้นหน้ากันเป็นอย่างดี “ได้ค่ะ...งั้นเชิญทางนี้นะคะคุณนิดา” พนักงานสาวใบหน้ายิ้มแย้มผายมือเชื้อเชิญหญิงสาวข้างกายชายหนุ่มรูปงาม เพื่อนเจ้าของร้านเสื้อดังแห่งนี้ไปทางด้านหลัง ซึ่งคุณระวีได้โทรมาสั่งเอาไว้ก่อนหน้าเมื่อสักครู่นี้แล้ว เดี๋ยวคุณน่านพยัคฆ์ จะพาภรรยามาซื้อเสื้อผ้า ให้เธอจัดเตรียมไว้ให้เลือกทุกสีทุกแบบ... คนโดนเชื้อเชิญด้วยท่าทางสุภาพอ่อนน้อย ให้รู้สึกงุนงงสงสัยไปหมด ได้แต่เดินตามพนักงานสาวสวยไปอย่างงงงวย เขาจะพาเธอเข้ามาที่นี่ทำไมกันนะ... แต่เมื่อจะหันกลับไปขอคำตอบจากผู้ชายหน้าดุ ก็ต้องพบกับใบหน้าบึ้งตึงมองสวนกลับมาแทน นิดาเลยตัดสินใจก้มหน้าเดินตามพนักงานสาวไปอย่างเลี่ยงไม่ได้... เมื่อเวลาผ่านไปหลายชั่วโมง ข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวมากมายสำหรับผู้หญิง ก็ถูกลำเรียงเอามาวางรวมไว้ข้างๆกับกระเป๋าใบเก่าของตัวเองมากมาย  นิดาได้แต่ยืนมองตาปริบๆ ทั้งไม่เข้าใจทั้งสงสัย  นี่เขาจะขนซื้อของใช้พวกนี้ไปทำไมเยอะแยะมากมายกันนะ เพราะของใช้ทุกชิ้นล้วนแต่เป็นของใช้ของผู้หญิงแทบทั้งสิ้น หรือเขาจะซื้อไปฝากภรรยาที่ไร่เขากัน  ใช่  คงเป็นแบบนั้นแน่ๆ... “หิวหรือเปล่า...” เมื่อเข้ามานั่งในรถเรียบร้อย โดยนิดารีบคาดเข็มขัดนิรภัยทันทีที่ก้นแตะถึงเบาะ น่านพยัคฆ์หันมามองพร้อมกันส่ายหน้า เมื่อเห็นหน้าง่อยๆของสาวเจ้า หัวใจของเขาก็อ่อนยวบลงทันที “ไม่หิวค่ะ เมื่อเช้าฉันทานมาเรียบร้อยแล้ว แต่ถ้าคุณหิวก็ไปทานได้เลยนะคะ ฉันนั่งรอในรถได้ เชิญคุณตามสบายเลยแล้วกัน” น่านพยัคฆ์พยักหน้าไม่พูดอะไรต่อ ก่อนจะสตาร์ทรถขับเคลื่อนออกจากตัวห้างสรรพสินค้ามุ่งหน้าขึ้นเหนือทันที...                                                                                ******************************
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD