9

1466 Words
อักษราพูดด้วยความมั่นอกมั่นใจจนคนฟังอย่างพลอยระวีรู้สึกมีความหวังขึ้นมาทันที “ตกลงค่ะ พลอยยอมทำ” พลอยระวีตอบทันทีเพราะไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว หากความเสี่ยงนี้แลกมาด้วยเงินเดือนที่ปรับขึ้นหลังจากที่เธอรับเงินเดือนตามฐานเด็กจบใหม่มานานถึง 5 ปี “ดีมาก งั้นไปเตรียมตัวเลยพลอย” เมื่อหัวหน้าทำท่าจะลุกขึ้น คนเป็นลูกน้องก็ถึงกับงง อย่าบอกนะว่าเธอต้องเริ่มทำงานคืนนี้เลย! “อย่าบอกนะคะว่าจะให้พลอยเริ่มงานคืนนี้” พลอยระวีเอ่ยออกไปด้วยความตกใจ เพราะเธอไม่ได้เตรียมตัวมาแม้แต่น้อยที่จะเข้าไปเสี่ยงกับเรื่องนี้ “ใช่ คนกำลังให้ความสนใจ เราก็ต้องรีบเล่นข่าวก่อนที่สำนักข่าวอื่นจะตัดหน้าเรา” บก.ข่าวสาวพูดพร้อมกับลากแขนพลอยระวีลงไปที่ห้องแต่งหน้าทันที ที่ห้องแต่งหน้าภายในสถานีโทรทัศน์ ช่างแต่งหน้าฝีมือดีกำลังวุ่นอยู่กับอุปกรณ์ทำงานของตน เสียงของอักษราก็ดังนำมาก่อนตัว “ฝากแต่งพลอยให้สวยจนจำไม่ได้เลยนะคะ ส่วนชุดก็ขอออกแนวชุดเดรสเซ็กซี่ละกัน” สาวช่างแต่งหน้าประเภทสองมองนักข่าวสาวที่เคยเห็นหน้ากันบ่อยๆ แล้วถามตรงประเด็น “น้องจะไปงานไหนเหรอคะคุณพี่” “ไม่ได้ไปงาน จะไปทำงาน เอาเถอะ แต่งให้สวยก็แล้วกัน” อักษราสั่งกับช่างแต่งหน้าอย่างเสร็จสรรพ พร้อมปล่อยให้ช่างจัดการแปลงโฉมพลอยระวีอย่างเต็มที่ กว่าสองชั่วโมงที่ช่างแต่งหน้าจัดการเนรมิตนักข่าวสาวที่หน้าตาจืดชืดไร้เครื่องสำอางให้กลายเป็นสาวสวยเซ็กซี่ ตอนนี้ พลอยระวีอยู่ในชุดเดรสสายเดี่ยวรัดรูปสีดำ เผยให้เห็นเนินอกอวบที่ล้นออกมาและเรียวขางามที่โผล่พ้นชุดเดรส ผมยาวที่มัดหางม้าในคราแรกถูกปล่อยออกมาแผ่ตรงยาวสลวยถึงกลางหลัง ใบหน้างามตอนนี้ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอย่างดี ริมฝีปากทาด้วยลิปสติกสีแดงก่ำ ทำให้ดูลึกลับน่าค้นหา ที่สำคัญ แว่นสายตาที่บดบังความงามของดวงตาคมได้ถูกถอดออกไป และแทนที่ด้วยคอนแทคเลนส์สีดำธรรมชาติแทน อักษรามองลูกน้องตั้งแต่หัวจรดเท้าพร้อมอ้าปากค้าง เธอรู้ดีว่าพลอยระวีเป็นสาวหน้าตาสวยมาโดยตลอด แต่ไม่คิดว่าจะสวยได้ขนาดนี้เพราะที่ผ่านมา หญิงสาวไม่เคยแต่งตัวจัดเหมือนกับนักข่าวคนอื่นๆ เลย “พอได้ไหมคะพี่นา” พลอยระวีเอ่ยถามขึ้น รู้สึกไม่ชอบตัวเองลุคนี้เลยแม้แต่น้อย และเกลียดลิปสติกสีแดงทีริมฝีปากตนเอง มันทำให้เธอโตขึ้นกว่าปกติ “ได้สิพลอย ได้มากๆ พลอยสวยมาก ทุกคนต้องเชื่อแน่ว่าพลอยไปสมัครงานเป็นเด็กเอนฯ” อักษรารีบพูดทันที พร้อมกับมองชื่นชมพลอยระวีอีกครั้ง “ก็คงเชื่อแหละค่ะ แต่จะรับเข้าทำงานไหมก็อีกเรื่อง” เมื่อมองตัวเองในกระจกก็ไม่ปฏิเสธเลยว่า ช่างแต่งหน้าที่นี่เก่งมาก สามารถแปลงโฉมนักข่าวสุดเฉิ่มอย่างเธอให้กลายเป็นสาวโฉบเฉี่ยวได้ขนาดนี้ “ถ้าไม่รับพลอยก็โง่เต็มที พี่บอกเลยว่าเข้าไปที่นั่นหนุ่มๆ มองพลอยตาเป็นมันแน่” บก. สาวเอ่ยชมอย่างจริงใจ ไม่ใช่แค่แขกวีไอพี เผลอๆ แค่เดินออกจากออฟฟิซ เหล่าพนักงานก็คงแซวและอยากจีบพลอยระวีแน่ๆ “พลอยคงไม่มีเวลามาสนใจหรอกค่ะว่าใครมองพลอยบ้าง เพราะถึงตอนนั้นคงได้แต่หาโอกาสแอบถ่ายบรรยากาศข้างใน แล้วก็หาตัวเจ้าพ่อนั่นที่ไม่รู้ว่าคืนนี้จะเข้าไปที่กาสิโนไหม” เหยี่ยวข่าวสาวพูดอย่างเหนื่อยใจ จริงอยู่ว่าต้องรีบไปทำข่าวคืนนี้ เพราะไม่อย่างนั้น ข่าวจะเอาต์ แต่ก็ใช่ว่าเจ้าของกาสิโนที่ว่าจะเข้าไปที่นั่น ยิ่งมีข่าวเกิดขึ้นก็น่าจะระวังตัวเป็นพิเศษ “เอาน่า ถ้าไม่เจอเจ้าของกาสิโน เราก็ค่อยว่ากัน ไปมันทุกคืน ยังไงก็ได้เจอ” คนเป็นหัวหน้าพูดให้กำลังใจลูกน้องด้วยกลัวว่าจะเปลี่ยนใจเสียตั้งแต่ไม่เริ่ม “อะไรนะคะ จะให้พลอยไปดักรอทุกคืนก็ไม่ไหวนะ” พลอยระวีรีบประท้วงขึ้นทันที “เอาน่าพลอย คิดซะว่าได้โอที แค่ค่าโอทีทำงานล่วงเวลา พี่ว่าเดือนนี้ก็ได้หลายบาทอยู่นะ” อักษรารู้ดีว่าเงินสำคัญกับลูกน้องสาวแค่ไหน จึงเอาเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้างให้พลอยระวีอยากที่จะทำงานให้ “ก็ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นรีบไปเถอะค่ะพลอยอยากรีบจบเรื่องนี้แล้ว” พลอยระวียอมแต่โดยดี เพราะอย่างที่บอกในคราแรกว่า ชีวิตเธอตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดนอกจากแม่ก็คือ ‘เงิน’ ย้อนไปเมื่อห้าปีก่อน พลอยระวีได้งานเป็นนักข่าวหลังจากเรียนจบ เธอมีความฝันคืออยากเป็นกระบอกเสียงให้กับประชาชนจึงเลือกเรียนคณะนิเทศศาสตร์และเลือกฝึกงานที่สถานีโทรทัศน์ชื่อดังแห่งหนึ่งเพื่อหวังว่า หากฝึกงานจบแล้ว ทางช่องจะรับเธอเข้าเป็นพนักงาน แต่ก็ไม่เป็นอย่างที่หวัง เพราะช่องใหญ่ๆ ก็ย่อมมีคนเก่งและคนมีประสบการณ์สมัครเข้าไปทำเป็นจำนวนมาก และแน่นอนว่า ถึงแม้เธอจะเคยฝึกงานที่นี่ แต่ด้วยประสบการณ์ต่างๆ ก็ทำให้แพ้คู่แข่งที่เป็นนักข่าวมากฝีมือ พลอยระวีตระเวนสมัครงานตามช่องต่างๆ แต่ก็ไม่มีใครรับแม้แต่ที่เดียว จนมาถึงช่องเดอะนิวส์ ช่องทีวีน้องใหม่มาแรงที่เพิ่งเปิดกิจการโทรทัศน์ได้ไม่ถึงปี เปิดรับผู้สื่อข่าว พร้อมกับยินดีรับนักศึกษาจบใหม่ หญิงสาวจึงไม่รอช้ามาสมัครที่นี่และโชคดีที่ที่นี่ให้โอกาสเธอ และให้เงินเดือนหนึ่งหมื่นห้าพันบาท ตามฐานค่าแรงขั้นต่ำของเด็กจบใหม่ ซึ่งตอนนั้นพลอยระวีไม่ได้สนใจจำนวนเงิน เธอคิดแค่ว่าดีใจแค่ไหนแล้วที่มีคนรับเข้าทำงานแถมเป็นงานที่ตนเองใฝ่ฝันมาตลอด แต่แล้วเมื่อทำงานไปได้สักระยะ ผู้เป็นบิดาที่ก่อนหน้านี้มีอาชีพเป็นคนขับรถตู้รับจ้างก็เกิดล้มป่วยด้วยโรคมะเร็งตับเหตุเพราะติดสุรา ทำให้ต้องขายรถมาเป็นค่ารักษาพยาบาล เธอต้องเก็บเงินมารักษาบิดา ส่วนมารดาก็ต้องทำขนมไทยขายหนักขึ้นเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระเช่นเดียวกัน วันเวลาผ่านไปบิดาอาการทรุดและเสียชีวิตในที่สุด… ความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ในครั้งนั้นทำให้พลอยระวีแทบไม่เป็นอันทำอะไร โชคดีที่มีมารดาคอยให้กำลังใจและฝ่าผ่านเรื่องร้ายๆ มาด้วยกัน แต่เรื่องราวเลวร้ายไม่จบแต่เพียงเท่านี้ เมื่อเสาหลักที่เหลืออยู่เสาเดียวของเธอตรวจพบว่าเป็นมะเร็งเต้านมระยะที่สอง ชีวิตที่เริ่มกลับมามีความสุขก็ต้องจมทุกข์อีกครั้ง พลอยระวีไม่สามารถรับความสูญเสียได้อีกแล้ว เธอจึงตั้งใจทำงานเก็บเงินเพื่อรักษามารดา และมารดาก็ไม่อยากให้เธอต้องลำบากเพียงคนเดียวจึงคอยทำขนมไทยไปขายที่ตลาดไม่เคยหยุดสักวัน แม้ร่างกายจะไม่ไหว แต่ท่านก็ดื้อไม่ฟังพลอยระวีเลยสักนิด ความฝันสูงสุดของพลอยระวีตอนนี้จึงไม่ใช่การทำงานเพื่ออุดมการณ์อีกต่อไป แต่เพื่อมีเงินมากมายไปรักษามารดา เธอไม่ต้องการให้ท่านต้องลำบากไปขายขนมที่ตลาด แต่สุดท้าย ทางช่องก็ไม่เคยช่วยหรือให้ในสิ่งที่เธอต้องการได้เลย หลายต่อหลายครั้งที่ถูกผู้ใหญ่จากทีวีช่องอื่นทาบทาม แต่ด้วยเม็ดเงินที่พลอยระวีมองว่าไม่ได้มากกว่าที่เดอะนิวส์เท่าไหร่ ทำให้หญิงสาวเลือกที่จะอยู่ที่เดิม เพราะที่นี่เป็นที่แรกที่ให้โอกาสเด็กไม่มีประสบการณ์อย่างเธอ และก็อยากที่จะเจริญก้าวหน้าในสายงานนี้กับช่องที่สร้างเธอขึ้นมา รถข่าวที่ไม่ติดสติ๊กเกอร์ช่องพาเหยี่ยวข่าวสาวมาส่งหน้าโรงแรมเดอะไนน์ พลอยระวีถอนหายใจเรียกสติตัวเองให้กลับมาเผชิญหน้ากับปัจจุบันอีกครั้ง ก่อนจะค่อยๆ ก้าวเท้าลงจากรถเตรียมมุ่งหน้าไปที่จุดหมายของเธอ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD