“ฮึก!” ฉันร้องไห้จนพอใจก็ผละออกและสิ่งแรกที่ทำคือมองอกของเสื้อของคุณเพลิง
“...ร้องเสร็จแล้วค่ะ ฮึก!”
“เสร็จแล้วทำไมยังสะอื้น”
“ก็ ฮึก! มันค้างนิดหน่อย”
“ไปล้างหน้าไป”
“คุณเพลิงก็ไปอาบน้ำเถอะค่ะ ฮึก! ขอบคุณนะคะ...ขี้มูกเต็มเลย” ฉันพูดจบเขาก็ก้มลงมองเสื้อตัวเอง มองนิดเดียวก็ทำหน้าขยะแขยง
“ขมคอว่ะ”
“แหะ ๆๆ พรีมไม่ได้ตั้งใจนะคะ”
“ไปล้างหน้าไป”
“ค่ะ” ฉันไม่ปฏิเสธเพราะอยากสั่งน้ำมูกทิ้งสุด ๆ ไปเลยจากนั้นฉันก็เดินเข้าห้อง ล้างหน้าล้างตาเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยก็ออกมาเตรียมทำกับข้าวให้คุณเพลิงเพราะนี่จะสามทุ่มครึ่งแล้วแต่พอเดินออกมาคุณเพลิงก็นั่งอยู่ในสภาพเดิม
“ไม่อาบน้ำเหรอคะ”
“เล่ามา”
“ไม่อาบน้ำเหรอคะ” ได้ยินที่เขาสั่งแต่เขายังใส่เสื้อตัวเดิมไง ก่อนหน้านี้มันชื้นไปด้วยคราบน้ำตากับน้ำมูกของฉัน เขายังทำหน้าขยะแขยงเหมือนจะอ้วกอยู่เลยแล้วทำไมยังไม่ไปอาบน้ำ
“เล่ามา” คุณเพลิงย้ำคำเดิมฉันเลยเดินไปนั่งที่โซฟาอีกตัวแต่ก่อนเล่าฉันก็ชี้ไปที่อกเสื้อเขาก่อน
“คราบน้ำมูก” คราบน้ำมูกจริง ๆ ค่ะ มันเห็นชัดเลยพอพูดจบคุณเพลิงก็กรอกตามองบนทำหน้ารำคาญจากนั้นก็ปลดกระดุมเสื้อแล้วถอดมันออกมาหน้าตาเฉย
ฟุบ!
“อื้อ!” ถอดแล้วปาใส่หน้าคนอื่นได้หยาบคายมาก! เป็นคนที่หยาบคายกับฉันได้ไม่เคยเสมอต้นเสมอปลายมีแต่จะพัฒนาความหยาบขึ้นเรื่อย ๆ เลยคนคนนี้!
“เอาไปซักให้สะอาด อย่าลืมฆ่าเชื้อ ราดแอลกอฮอล์เลยก็ดี”
“เหอะ!” ฉันม้วนเสื้อเขาลวก ๆ แล้ววางไว้บนตักด้วยความหงุดหงิดทันที ปามาได้ไม่คิดว่าคนอื่นจะขยะแขยงกลิ่นตัวหอม ๆ ที่ติดเสื้อบ้างเลยรึไง!
“อย่ามามอง จ้องทำห่าอะไร อยากกินฉันรึไงวะ”
“ฮะ? เหอะ! พรีมจะไปอยากกินคุณเพลิงเพื่อ? พรีมมองเพราะพรีมโมโหเถอะ” คิดได้สิ้นคิดที่สุด! พอว่าเขาก็กระตุกยิ้ม
“ไม่อยากกินก็ดีเดี๋ยวจะทรมานเพราะฉันไม่เล่นด้วยเปล่า ๆ”
“ภัยความมั่น” ฉันพึมพำเบา ๆ กรอกตามองบนด้วย
“ไม่อยากกินก็ดีเดี๋ยวจะทรมานเพราะฉันไม่เล่นด้วยเปล่า ๆ”
ต้องขุดความมั่นมาจากส่วนไหนบ้างอยากรู้จริง ๆ -_-!
“เสียเวลามากแล้วเล่ามาสักทีสิวะ” เหอะ!
“แล้วไม่หิวข้าวเหรอคะ พรีมไปทำกับข้าวให้ก่อนได้ไหมเดี๋ยวเล่าให้ฟังตอนกินข้าว” ไม่ใช่อะไรหรอกพอดีว่าฉันหิวข้าวมาก~ ตอนนั่งโง่ ๆ รออยู่ที่หน้าห้องเบอร์สิบสองฉันหิวมาก หิวน้ำ หิวข้าว หิวทุกอย่างแต่พอโดนด่าก็กินอะไรไม่ลงแม้แต่น้ำหยดเดียวก็ไม่ถึงท้อง
“ไม่ต้อง เวลานี้ใครจะรอเธอทำวะ สั่งแล้วเดี๋ยวเขาเอามาส่ง เล่าได้แล้วว่าไปโดนอะไรมา”
“อ้อ โอเคค่ะ” ฉันพยักหน้ารับด้วยความเข้าใจ ดีเหมือนกันเหนื่อยจนไม่อยากทำอะไรแล้วล่ะจากนั้นก็เริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดคุณเพลิงก็ฟังอย่างตั้งใจ
“เรื่องก็ตามนี้ล่ะค่ะ”
“ก็บอกแล้วว่าโง่อย่างเธอไม่สมควรไปทำงาน”
“...” นึกว่าจะเข้าข้างบ้างที่พี่เขาด่าเกินไป แต่ลืมไปว่านี่คือคุณเพลิงนรก เจ้ากรรมนายเวรอันดับหนึ่งของพรีรตา
“ไปงานอะไรนะ”
“อีเว้นท์ค่ะ”
“อ่าส์! งานอะไร ทำไมโง่แบบนี้วะ” เอ้า! ใครจะไปรู้ล่ะ!
“งาน XXX ค่ะ” ไม่รู้หรอกว่าถามไปทำไมแต่พอถามเสร็จคุณเพลิงก็หยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วพรีรตาควรนั่งทำหน้าโง่อยู่ตรงนี้ต่อไหม? ไม่สินะ ไปเถอะพรีมเล่าจบแล้ว
ฉันขยับตูดนิดหน่อยมือคุณเพลิงนรกก็ขยับขึ้นมา
...?
ฉันยกคิ้วมองเขาส่วนเขาที่กำลังเอาโทรศัพท์แนบหูก็ชี้นิ้วลงที่โซฟา
โอเค เจ้ากรรมนายเวรยังไม่ให้ไป -_-!
“ว่างไหมครับคุณพิชชี่” เขาคุยโทรศัพท์ฉันเลยนั่งหุบปาก วันนี้โดนพี่คนนั้นด่าก็มากพอแล้วไม่อยากโดนคุณเพลิงด่าเพิ่ม มันเหนื่อย
“ครับ พอดีผมมีเรื่องอยากจะรบกวนหน่อย”
“วันนี้หลังเลิกงานของคุณพิชชี่มีสตาฟด่าคนของผมโดยที่ไม่ถามเหตุผล ประจานต่อหน้าทีมงานคนอื่น” ฮะ?
“ยังไม่สะดวกเล่าทั้งหมดแต่ผมคงต้องรบกวนคุณพิชชี่ช่วยหาตัวให้ผมหน่อย พรุ่งนี้มีงานกันที่ไหนเดี๋ยวผมไปหาครับ”
“ผมจะคุยกับคนของคุณเอง มีงานที่ไหนครับ” ฉันนั่งจ้องหน้ากับปากคุณเพลิงแบบละสายตาไม่ได้เลย นี่เขากำลังจะล่าแม่มดให้คนใช้ส่วนตัวถูกไหมคะ?
“ไม่ต้องครับไม่ต้องพามา คุณมีงานเดี๋ยวผมไปเอง ครับ ขอบคุณมาก พรุ่งนี้เจอกันบ่ายสามนะครับ”
ติ๊ด!
“พรุ่งนี้บ่ายโมงเตรียมออกไปข้างนอก”
“คุณเพลิงจะทำอะไรคะ” ไม่ได้โง่นะคะ ที่ฟังมาก็รู้ว่าคืออะไรแต่อยากรู้จากปากเขาอีกรอบไง
“ฉันมีสิทธิ์ด่าเธอได้คนเดียว เดี๋ยวพาไปเอาคืน” นั่นไง ว่าแล้ว
“ไม่ต้องหรอกค่ะคุณเพลิง พรีมก็ทำผิดจริง ๆ” ระดับคุณเพลิงนรกถ้าลองจะไปเอาเรื่องใครมันต้องไม่ใช่แค่เรียกมาคุยส่วนตัวหรอกเลยต้องรีบห้าม ฉันไม่อยากมีปัญหายังไงซะก็แค่รับจ๊อบพิเศษ คงไม่ได้เจอกันอีก
“เธอไม่ได้ทำผิดหรอก”
“...” คำพูดเบา ๆ ทำให้ฉันน้ำตาคลอเพราะตอนที่โดนด่าต่อหน้าคนเยอะแยะทุกคนมองฉันด้วยสายตาตำหนิเหมือนฉันทำความผิดที่ไม่น่าให้อภัยมีแค่ปิ๊งรักเท่านั้นที่จะร้องไห้เพราะสงสารฉัน พอมีอีกคนบอกว่าฉันไม่ได้ผิดฉันก็เลยเหมือนเด็กขี้แยขึ้นมา
“ขอบ... / เธอแค่โง่”
“...ชิส์! หลอกด่าตลอดเลย” กำลังจะซึ้งอยู่แล้วเชียว!
“หึ ๆๆ ไป ๆๆ ไปเอาเบียร์มาให้หน่อย”
“คุณเพลิงจะไม่กินข้าวก่อนเหรอคะ”
“อ่าส์~ โง่เสมอต้นเสมอปลาย เขาเอาข้าวมาส่งรึยัง?”
“แหะ ๆๆ ยังค่ะ”
“เออ ถ้ายังก็แสดงว่ายังกินไม่ได้ ไปเอาเบียร์มา”
“โอเคค่า~” ฉันรีบเดินกึ่งวิ่งไปหยิบเบียร์มาให้คุณเพลิงสองกระป๋อง เอาเบียร์ให้เขาเสร็จฉันก็นั่งลงที่เดิมเพราะไม่มีอะไรทำ
“คุณเพลิง”
“อืม มีไร”
“ไม่ต้องไปหรอกนะคะ พรีมไม่คิดมากแล้ว ช่างมันเถอะ”
“ไม่คิดมากแล้ว?”
“ค่ะ” ความจริงก็คิดมากอยู่แต่ไม่อยากมีปัญหาอีก ถึงตอนนี้จะรู้สึกแย่ทุกครั้งที่คิดถึงเหตุการณ์นั้นซึ่งมันก็ผุดเข้ามาในความคิดเกือบตลอดเวลาแต่เดี๋ยวอีกสักพักก็หายไปเอง มันแค่ยังเป็นช่วงแรกอยู่เลยนึกถึงบ่อย
“ก็เรื่องของเธอ ฉันบอกจะจัดการก็คือตามนั้น”
“แต่... / พอ ๆ เลิกพูดมาก แล้วคราวหลังอย่าเสนอหน้ามาขอไปทำงานอีก ไม่งั้นฉันจะหางานให้เธอทำเอง”
“ค่า~ เข้าใจแล้วค่ะ” ถึงฉันจะอยากเถียงแต่ไม่เอาดีกว่า อยู่ดี ๆ ก็รู้สึกไม่อยากเถียงให้คุณเพลิงปวดประสาท อย่างน้อยก็สักหนึ่งวันก็ยังดี ตอบแทนที่เขาเป็นเซฟโซนชั่วคราวให้ฉัน
-เวลาต่อมา-
“คุณเพลิง” ฉันเรียกเขาหลังจากเดินผ่านประตูงานเข้ามาในสถานที่จัดงานอีเว้นท์
บรรยากาศการเตรียมงานเหมือนเมื่อวานเลย งานไม่เหมือนกันหรอกแต่บรรยากาศการทำงานคล้าย ๆ กันแล้วฉันก็พอจะจำหน้าหลาย ๆ คนได้ซึ่งพวกเขาก็มองมาที่ฉันและคงจำฉันได้เหมือนกันในเมื่อเรื่องเพิ่งเกิดเมื่อวาน ใครจะจำไม่ได้ในเมื่อฉันยืนให้เจ้ปากแซ่บคนนั้นด่าตั้งเกือบครึ่งชั่วโมง
“ว่าไง”
“กลับกันเถอะค่ะ”
“ไร้สาระ เดินมาเงียบ ๆ อย่าทำตัวบ้านนอกก็พอ” ทำตัวบ้านนอกอะไรล่ะ!
ฉันพูดอะไรไม่ได้ มาถึงขั้นนี้แล้วเลยทำได้แค่เดินตามและพยายามไม่สบตาใคร ทำตัวให้ลีบที่สุดเข้าไว้ไอ้พรีม
“คุณเพลิงขา คุณเพลิงมาแล้วเหรอคะ” เดินผ่านประตูมาได้แค่นิดเดียวก็มีพี่คนหนึ่งเดินกึ่งวิ่งมาต้อนรับ ฉันจำได้ค่ะว่าเป็นเจ้าของบริษัทที่จัดงานเมื่อวานเพราะปิ๊งรักกระซิบบอกตั้งแต่แรก
“ครับคุณพิชชี่ ตามตัวให้ผมแล้วใช่ไหมครับ”
“เอ่อ...เพิ่งมาถึงเหนื่อย ๆ คุณเพลิงพักดื่มน้ำให้ชื่นใจสักนิดก่อนนะคะ”
“คอนโดผมอยู่ใกล้ ๆ นี่เอง ไม่เหนื่อยหรอกครับ ตามมาให้ผมที”
“คือ... / อย่าบอกนะครับว่ายังไม่รู้ว่าเป็นใคร ต้องรู้สิครับในเมื่อเมื่อวานคนของผมโดนด่าประจานต่อหน้าทีมงานตั้งหลายคน”
“คุณเพลิงขา พิชชี่ขอโทษแทน... / ผมต้องการคุยกับคนทำ” พี่เจ้าของบริษัทยังไม่ทันได้พูดให้จบเสียงทุ้มกังวานแบบคนมีอำนาจของคุณเพลิงก็แทรกขึ้นและพี่เขาก็หน้าหดหน้าซีดไปเลยแต่ก่อนจะทำอะไรอย่างอื่นพี่เขาก็ขยับมาใกล้คุณเพลิงจากนั้นก็กระซิบเบา ๆ
“ขอความกรุณาคุณเพลิงช่วยใจดีกับคนของพิชชี่หน่อยนะคะ”
“...” คุณเพลิงไม่พูดอะไรเขายืนนิ่งเอามือล้วงกระเป๋าเท่านั้นพี่พิชชี่คนนี้ก็เลยยิ้มแหยแล้วขยับตัวถอยหลังออกห่างจากนั้นก็หันไปกวักมือส่งซิกกับลูกน้องแล้วไม่ถึงหนึ่งนาทีพี่คนนั้นที่เพิ่งด่าและประจานฉันก็เดินออกมาจากด้านหลังของทีมงานกลุ่มหนึ่ง
“...สวัสดีค่ะคุณอัคนี” พี่เขายกมือไหว้คุณเพลิงด้วยอาการเกร็งแต่คุณเพลิงไม่รับไหว้ ไม่สนใจอะไรทั้งนั้นนอกจากหันมาหาฉัน
“ใช่คนนี้ไหม?”
“คือ...”
...กลับกันเถอะ
ฉันพูดไม่ออกสถานการณ์ตรงนี้มันไม่น่าอยู่เลยสักนิด ไม่อยากทำให้เป็นเรื่องใหญ่เลยขยับปากคุยกับเขาซึ่งคุณเพลิงนรกมองเห็นและอ่านปากได้ชัดแน่ ๆ แต่เขาไม่สนใจ เขาหันกลับไปแล้วมองคุณพิชชี่
“รู้เรื่องเมื่อวานแล้วใช่ไหมครับ”
“คือ...ค่ะคุณเพลิง”
“ดีครับ ถ้างั้นผมจะได้ไม่พูดอะไรมาก ผมแค่อยากให้รู้ไว้ว่าผมไม่ได้มาที่นี่เพราะคิดว่าคนของผมไม่ผิด ผมมาเพราะพนักงานของคุณไม่คิดจะถามว่าคนของผมมีเหตุผลอะไรถึงหายไป เอาแต่ด่าประจานต่อหน้าทีมงานตั้งไม่รู้กี่สิบคนโดยที่ไม่ฟังอะไรเลย ทำแบบนี้ผมยอมไม่ได้”
“พิชชี่ทราบดีค่ะ พิชชี่จะให้น้องเขาขอโทษ... / ไล่ออก”
OoO
“คะ? / มะ ไม่นะคะ” ฉันตะลึง พี่พิชชี่อึ้ง ส่วนพี่คนนั้นถึงกับไปไม่เป็นเสียงสั่นลนลานขึ้นมาทันที ไล่ออกเหรอ? เขาจะไปทำแบบนั้นให้คุณเพลิงได้ยังไงล่ะ มันก็ดูโหดนะแต่มันโหดผิดที่ ที่นี่ไม่ใช่ที่ของเขา -_-!
“แล้วก็ตามหาคนที่สั่งงานคนของผมให้เจอ คนที่สั่งงานบ้า ๆ ให้คนของผมทำจนต้องโดนด่าโดนประจานทั้งที่คนของผมก็ทำหน้าที่ของตัวเองเต็มที่แล้ว ผมมีเรื่องอยากจะคุยด้วย”
“คือ... / หาให้เจอครับคุณพิชชี่ ผมให้เวลาคุณถึงเที่ยงพรุ่งนี้ ถ้าลากคอมาให้ผมไม่ได้...ผมถอนหุ้นทั้งหมด”