-หลายวันต่อมา-
“น้อง ๆๆ”
“คะ”
“มานี่หน่อย” พี่ที่เป็นสตาฟกวักมือเรียกฉันก็วิ่งเลยค่ะ อ้อ! ลืมบอกไปว่าวันนี้ฉันมารับจ๊อบพิเศษกับปิ๊งรักแล้วนะคะ มาถึงก็งงมากไม่รู้ต้องทำอะไรแต่เพื่อนมันบอกให้เดินตามมันเดี๋ยวก็รู้เองส่วนถ้ามีพี่ที่แขวนป้ายสตาฟสีน้ำเงินเรียกก็ให้วิ่งทันทีเพราะพวกเขาเป็นทีมงานหลักและตอนนี้ไอ้พรีมคนดีก็โดนพี่คนหนึ่งที่แขวนป้ายอย่างที่เพื่อนบอกกวักมือเรียกอยู่พรีมก็ใส่เกียร์หมาเดินหน้าไม่มีถอยหลังไปหาพี่เขาอย่างไว อีกอย่างพี่เขาไม่ใส่เสื้อเหมือนทีมงานคนอื่นแสดงว่าต้องเป็นหัวหน้าเลยแน่นอน
“มาแล้วค่ะ” ^^
“หน้าตาไม่คุ้นมาใหม่เหรอ”
“ค่ะ” ^^
“เออดี ตั้งใจทำงานจะได้เรียกมาทำบ่อย ๆ รายได้ดีนะ เอานี่ไปห้องพักนักแสดงนะ ห้องเบอร์สิบสองชั้นสาม เคาะประตูสี่ครั้งห้ามขาดห้ามเกินรอให้คนในห้องเปิดก็เอาอาหารส่งให้ได้เลย”
“ได้ค่ะ” ^^
ฉันรับถุงที่ดูก็รู้ว่าเป็นขนมจากร้านดังมาไว้ในมือ เคยกินเพราะผู้หญิงของคุณเพลิงซื้อมาฝากเขาบ๊อยบ่อย คุณเพลิงนรกไม่กินของพวกนี้หรอกพรีรตาเลยจัดการไม่ให้เสียของตลอด อิอิ
“เออนี่น้อง”
“คะ?”
“เคาะแค่นั้นนะ ถ้ายังไม่มีใครเปิดก็ยืนรอ ไม่ต้องเคาะต่อ ยืนรอจนกว่าจะมีคนเปิดก็พอ”
“คะ? อ๋อ ค่ะ ได้ค่ะ” ^^
“รอจนกว่าจะได้เอาให้เข้าใจไหม ห้ามทำเกินกว่านี้ คนนี้ตัวแม่”
“ค่ะ” ^^ ฉันพยักหน้ารับอย่างแข็งขัน งานอีเว้นท์ใหญ่มีดาราแถวหน้ามาร่วมงานเยอะเลยค่ะงานเริ่มมาจนใกล้จะเสร็จแล้วแต่ยังไม่เห็นดารานะเพราะสตาฟตัวเล็ก ๆ อย่างฉันต้องอยู่โซนข้างนอก แหะ ๆๆ
“จำที่พี่บอกได้นะ อย่าทำเกินนี้ ถ้าไม่มีใครเปิดประตูให้นานแค่ไหนก็ต้องรอนะหนูไม่งั้นทีมงานเดือดร้อนทุกคนแน่ ๆ”
“ได้ค่ะ” ^^ ฉันรับคำด้วยรอยยิ้ม
“อย่าทำเกินคำสั่งนะน้อง ห้ามเด็ดขาดไม่งั้นซวยกันทั้งหมดจริง ๆ”
“รับทราบค่ะ” ^^ ฉันจำได้แล้ว งานง่าย ๆ หมู ๆ แบบนี้สบายมาก ยิ่งพี่เขาย้ำว่าต้องทำแบบไหนก็ยิ่งจำขึ้นใจ พรีรตาไม่มีทางทำเกินคำสั่งแน่นอน
“ห้องเบอร์สิบสอง ห้องเบอร์สิบสอง ห้องเบอร์...นี่ไง” เดินพูดคนเดียวเบา ๆ สายตาก็มองหาห้องที่พี่เขาบอกประหนึ่งว่าตัวเองเป็นนางเอกซีรีย์เกาหลีจนเห็นห้องฉันก็จัดการเคาะประตูทันที
ก๊อก
ก๊อก
ก๊อก
ก๊อก
เรียบร้อย สี่ครั้งไม่ขาดไม่เกิน คราวนี้ก็แค่รอคนข้างในมาเปิดประตูรับเอาขนมไปแค่นั้น ^^
-เวลาต่อมา-
“...”
ฉันเคาะอีกสักครั้งได้ไหมนะ
ฉันยืนถือถุงขนมรออยู่ตรงนี้มานานแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้เพราะเขาไม่ให้พกโทรศัพท์ในเวลาทำงาน ทุกอย่างเก็บไว้ในล็อกเกอร์หมด จะเคาะก็ไม่กล้า จะแว๊บไปตามหาพี่คนนั้นแล้วถามว่ารอนานแล้วแต่ไม่มีใครเปิดเลยฉันควรเอายังไงต่อดีก็ไม่กล้ากลัวไปแล้วคนข้างในจะเปิดออกมา
“...เฮ้อ~”
หิวข้าว หิวน้ำ หิวทุกอย่างเลย ปวดขาจนยอมอายสายตาคนอื่นที่เดินเข้าเดินออกห้องอื่นด้วยการนั่งลงที่พื้นแล้วเอนหลังพิงกำแพงข้างประตูห้องเบอร์สิบสอง
T^T
คิดว่าแค่เอาขนมมาส่งให้ดาราในห้องนี้มันจะเป็นงานง่าย ๆ แต่สุดท้ายมันก็ไม่หมูเลยค่ะ ยิ่งพี่เขาย้ำว่าอย่าทำเกินนี้ไม่งั้นทีมงนจะซวยกันหมดก็ยิ่งรู้ว่ามันไม่ง่ายเลย
แอด~
“...” ฉันก้มหน้าไม่สบตาใคร เสียงห้องอื่นเปิดประตูออกมาทำให้ฉันอาย เขาคงคิดว่ามานั่งทำบ้าอะไรตั้งนานสองนาน
“หนู หนู”
“...คะ? เรียกหนูเหรอคะ” เสียงพี่สาวประเภทสองคนหนึ่งที่เปิดประตูห้องเยื้อง ๆ ออกมาดังขึ้นเหมือนเรียกใครสักคนเลยต้องแอบมองแล้วก็เห็นพี่เขามองฉันอยู่ก็เลยต้องถามไงคะ
“จ้ะ เรียกหนูนั่นแหละ มานั่งทำอะไรตรงนี้ตั้งนานแล้วลูกสาว” คำถามทำให้ฉันยิ้มบาง ๆ อายจัง
“คือ...พี่ทีมงานสั่งให้หนูเอาของมาส่งนักแสดงในห้องนี้น่ะค่ะแต่ยังไม่มีใครเปิดประตูมารับของเลย”
“อ้าวเหรอ เขากลับไปแล้วรึเปล่าลูก”
“หนูก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ แต่หนูรอมานานแล้วนะคะตั้งแต่งานยังไม่เลิก” พี่เขาขมวดคิ้วแล้วก็ถามต่อว่าทำไมถึงต้องนั่งเฝ้านานขนาดนี้พอฉันบอกเหตุผลพี่เขาก็ถามว่าดาราคนนั้นเป็นใคร ฉันบอกแค่ไม่รู้พี่เขาก็ยิ่งขมวดคิ้วแล้วเดินมาเคาะประตูห้องเบอร์สิบสองให้ฉัน
ก๊อก ๆๆ
ก๊อก ๆๆ
ก๊อก ๆๆ
ไม่มีสัญญาณตอบรับเลยค่ะ
“หนู พี่ว่าหนูจำห้องผิดรึเปล่า”
“ห้องเบอร์สิบสอง ชั้นสาม หนูจำได้ขึ้นใจเลยค่ะ” ฉันบอกพี่เขาเสียงหงอย เริ่มไม่แน่ใจแล้วสิว่ามาเคาะถูกห้องไหม
“ถ้างั้นพี่ลองเปิดเข้าไปดูให้”
“เอ่อ จะดีเหรอคะ” เผื่อมีคนอยู่ข้างในเขาจะด่าฉันเอา ฉันกลัว
“โอยลูกขา ถ้าลองนานขนาดนี้แถมคุณแม่เคาะขนาดนี้แล้วยังไม่มีใครเปิดก็แสดงว่าคนในห้องตายแล้วล่ะ หมายถึงถ้ามันยังมีคนอยู่นะ”
แอด~
“หนู”
“...คะ”
“มาดู” พี่เขากวักมือเรียกฉันก็ขยับตัวไปชะเง้อคอมอง
“...” ว่างเปล่า ห้องว่าง ไม่ใช่ว่างแบบคนออกไปแล้วแต่ว่างแบบยังไม่มีใครเข้าใช้ เห็นแบบนี้หน้าฉันก็ซีดทันที
...ซวย
ฉันมาผิดห้องจริง ๆ ด้วย T^T
“รีบลงไปเลยลูกไป หนูคงจำผิดห้องแหละ” ฉันที่กำลังหน้าซีดรีบยกมือไหว้พี่เขา คงต้องรีบไปล่ะเสียเวลามากกว่านี้ไม่ได้แล้ว
“ขอบคุณนะคะ”
“จ้า ไปเถอะลูกสาว อาจจะไม่โดนด่าก็ได้ ตีเนียนไปเลยทีมงานเยอะเขาจำไม่ได้หรอก”
“ค่ะ” ภาวนาให้เป็นแบบนั้นนะคะ T^T
ฉันไหว้ขอบคุณพี่เขาอีกครั้งถ้าไม่ได้พี่คนนี้ป่านนี้ก็คงยังนั่งรออยู่ที่เดิมจากนั้นก็รีบลงไปข้างล่างแล้วก็พบว่าคนอื่นกำลังเก็บของกันอยู่
“พรีม! หายไปไหนมา!” ปิ๊งรักเห็นฉันก็รีบวิ่งมาหา เสียงเพื่อนรีบถามหน้าตื่นฉันกำลังจะอธิบายให้เพื่อนฟังและให้เพื่อนช่วยหาพี่คนนั้นฉันจะได้ขอโทษที่ทำงานพลาดก็มีพี่คนหนึ่งเดินมาแล้วว่าฉันยกใหญ่ที่ฉันมาทำงานแต่ดันหายไปเกือบสองชั่วโมงจนต้องไปดึงคนอื่นมาทำหน้าที่แทนฉัน
ฉันโดนด่าได้รุนแรงมาก โดนด่าท่ามกลางผู้คนมากมายที่ฉันไม่รู้จักโดยที่ฉันไม่มีแม้แต่เวลาจะอธิบายเพราะแค่ขยับปากพี่เขาก็ตะคอกใส่ว่าไม่ต้องแก้ตัว เขาไม่ฟังคำแก้ตัวอะไรทั้งนั้น จากนั้นก็ด่า ด่าจนฉันหน้าชาไม่ใช่แค่ด่าแต่เรียกให้ทุกคนฟังและบอกว่าถ้าใครทำตัวเอาเปรียบคนอื่นแบบนี้ไม่ต้องคิดจะมาทำงานอีกมัน...ทุเรศ
-เวลาต่อมา-
แอด~
“รับปากว่าจะกลับเย็น นี่กี่โมง อยากลองดีใช่ไหมพรีระ...”
“...”
“อะไร? เป็นอะไร?
“...ฮึก!”
“เป็นอะไร” เขาที่นั่งทำหน้าทะมึงรอด่าฉันที่กลับไม่ตรงเวลามีสีหน้าเครียดก่อนจะลุกจากโซฟาแล้วตรงมาหาฉันที่ยืนเบะปากร้องไห้หน้าประตูห้องทันที
“พรีม...ฮึก ฮื่อ ๆๆ" ฉันกลั้นน้ำตาเอาไว้ตั้งแต่ที่ยืนให้พี่ทีมงานด่า กลั้นมาตลอด ขึ้นรถเมล์ก็กลั้นไว้ เดินเข้าคอนโดเดินเข้าลิฟท์ก็กลั้นไว้ตลอด หัวสมองมีแต่คำด่าแย่ ๆ ดังวนอยู่ข้างในตลอดเวลาจนกระทั่งกลับมาถึงคอนโด พอเห็นหน้าคุณเพลิงฉันก็ปล่อยโฮออกมาทันที
“เป็นอะไร!” เสียงแข็งตอนแรกกลายเป็นเสียงตะคอกเพราะเขาหยุดอยู่ตรงหน้าแล้วแต่ฉันไม่ได้ให้คำตอบนอกจากร้องหนักกว่าเดิมเท่านั้น
“ฮึก! ฮื่อ ๆๆ อย่าเพิ่งด่า ฮื่อ ๆๆ พรีมเพิ่งโดนด่ามา ฮื่อ ๆๆ” ฉันขอไปร้องไห้ปล่อยโฮไปด้วย น้ำตานองหน้า สายตาพร่ามองไม่เห็นอะไรเพราะมีแต่ม่านน้ำตาก่อนที่ฉันจะรีบยกมือเช็ดน้ำตาตัวเองที่มันไหลไม่หยุด
“ใครด่า?”
“ฮึก!”
“หยุดร้องแล้วอธิบายเดี๋ยวนี้พรีรตา! ร้องอยู่แบบนี้มันจะมีประโยชน์อะไรวะ!”
“ฮึก! ฮื่อ ๆๆ พรีมบอกว่าอย่าเพิ่งด่าพรีมไง! ฮื่อ ๆๆ”
“อ่าส์!” เสียงพ่นลมหายใจอย่างคนหัวเสียทำให้ฉันรีบเช็ดน้ำตา พอเรียบร้อยที่ยังไม่เรียบร้อยดีก็มองหน้าเขาที่กำลังจ้องฉันเขม็งจากนั้นน้ำตาก็ไหลออกมาต่อ
“เกิดอะไรขึ้น คนในงานที่ไปทำด่าเหรอ?” เขาลดน้ำเสียงลงแล้วก็ถามฉันเลยพยักหน้ารับ พอคุณเพลิงไม่ด่าน้ำตาก็ยิ่งไหล
“...”
“ฮึก!” เขาเอาแต่มองหน้าไม่พูดอะไรฉันก็กำลังเครียดกับเรื่องนั้นเลยก้มหน้าแล้วสะอื้นเบา ๆ ต่อไป
มันโกรธนะ โกรธพี่คนนั้นที่ด่าไม่ลืมหูลืมตา ด่าแบบไม่สนเลยว่าฉันจะอายใครไหม ด่าเหมือนฉันทำงานล่มไปแล้ว ทั้งด่าทั้งประจาน โกรธตัวเองด้วยที่ซื่อบื้อมากไปการที่เขาสั่งแบบไหนก็ทำแบบนั้นมันก็ดีอยู่หรอกแต่ฉันน่าจะทวนเบอร์ห้องเบอร์ชั้นกับพี่ที่สั่งงานให้แน่ใจ ฉันไม่รอบคอบเลย ฉันโกรธตัวเอง
“อ่าส์~”
หมับ~
“...”
“โดนฉันด่าทุกวันเฉียงฉอด ๆ นี่โดนใครด่าก็ไม่รู้ร้องไห้ทำไม มันให้เงินเธอใช้เหมือนฉันรึไงยัยบ้านนอก”
“ฮึก! ฮื่อ ๆๆ” คุณเพลิงใช้แค่มือเดียวดึงฉันมาซบที่อก คำพูดกึ่งดุด่าของเขาไม่ได้ทำให้ฉันเสียใจแต่ทำให้ฉันปล่อยโฮออกมาอีกครั้งต่างหาก
“อย่าให้น้ำมูกเลอะอกฉันเด็ดขาด” คุณเพลิงบอกฉันก็ขยับตัวออกห่างเพราะทั้งน้ำมูกน้ำตามันกำลังไหล พอผละออกก็สะอื้นแล้วมองคุณเพลิงตาแป๋ว มองเหมือนเด็กที่กำลังหาที่พึ่ง ถึงจะเหม็นขี้หน้าคุณเพลิงแค่ไหนก็ตามแต่ตอนนี้ฉันมีแค่คุณเพลิงเป็นเซฟโซน
“ฮึก!”
“อ่าส์~ รีบ ๆ ร้องไห้ให้มันเสร็จซะยัยบ้านนอกฉันจะได้ไปล้างขี้มูกเธอ”
หมับ~
“ฮึก! ฮื่อ ๆๆ”