โอบอุ่นไอรัก

1121 Words
 เขาไม่ได้โกหก ร้านที่เขาเลือกเข้าไปตัวใหญ่หมดจริงๆแต่ก็ไม่ได้ออกไปหาดูร้านอื่นเท่านั้นเอง... “โหว้ พี่กร ร้านมีตั้งเยอะ...” น้องสาวลากเสียงสูง เธอไม่เชื่อเด็ดขาดว่าห้างร้านใหญ่ๆของจะหมดพร้อมกันได้ นอกจากพี่ชายเธอขี้เกียจเดินหา “....รู้อีก” คนโดนจับติดไขว่ไหล่ทำปากยู่ คลายกำลังน้อยใจ เมื่อเห็นพี่ชายเงียบนิ่งปรินทิพย์จึงเอ่ยอย่างมีจริต “รับก็ได้ เห็นว่ามีใจซื้อให้ แต่เหตุผลไม่น่าฟังคราวหน้าไม่ต้องเอามาอ้างเลย” เอ่ยดักอย่างรู้ทัน รับตุ๊กตาคิตตี้ขนาดหนึ่งฟุตมาถือไว้ “เหอะน่าเตียงนอนมีแต่ตุ๊กตาไปครึ่งเตียงแล้วเพิ่มตัวเล็กตัวนี้ไปตัวเดียวจะได้ไม่อึดอัด” พี่ชายที่ทำตัวเหมือนหวังดีเอ่ยแนะนำเพราะเขาเห็นมากับตาว่าเตียงนอนของน้องสาวมีแต่ตุ๊กตาขนาดใหญ่กว่าเขาหลายตัวจนกลัวว่าสักวันเจ้าของเตียงจะนอนตกเตียงเข้าสักวัน “เป็นห่วงกลัวน้องจะอึดอัด ชิ! ข้ออ้างไม่เหมาะเลย น้องกลัวว่าพี่จะเอาเงินไปหว่านให้แม่สาวๆจน ตุ๊กตาของน้องเลยเหลือตัวแค่นี้” “อ่า อ่าๆ...” คำพูดโดนใจ เขาไม่เถียง ว่าแม่สาวๆที่เขาควงบริการดีแค่ไหน เงินในกระเป๋าเลยร่อนให้พวกแม่สาวๆจนหมด กว่าจะรู้ตัวเงินในกระเป๋าก็เหลือติดกระเป๋าไม่กี่ร้อย “กลับมาครั้งหน้าพี่สัญญา ว่าทุกอย่างจะดีกว่านี้” น้ำเสียงปรับเปลี่ยนเคร่งเครียดขึ้นเหมือนกำลังนึกอะไรบางอย่างได้ เขาตามใจความรู้สึกตัวเองมากกว่าความรู้สึกของน้องเกินความพอดีไปแล้ว... สายตากลมใสละสายตาจากตุ๊กตาในมือ ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มบางๆ “พี่กร จริงจังเกินไปหรือเปล่า น้องแค่ล้อเล่นตัวแค่ไหนก็ชอบทั้งนั้น เพราะเป็นของพี่ชายที่รักซื้อให้”  ปรินทิพย์รู้สึกไม่ดีเมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของพี่ชาย ยังไงเธอก็รักพี่ชายคนเดียวสุดหัวใจ เมื่อมีกันอยู่แค่สองคนน้ำใจคือการแสดงออกของความรัก ที่จะอยู่คู่พี่น้องตลอดไป อย่างอื่นแค่ของนอกกายเอามาเปรียบกันไม่ได้... สายตาคมเข้มมองใบหน้าหวานที่เขาเห็นมาตั้งแต่เด็ก อย่างรักใคร่และเอ็นดู ก่อนจะส่งยิ้มที่เต็มไปด้วยความหวังให้คนเป็นน้อง “กลับมาครั้งหน้าพี่สัญญา จะเปลี่ยนตัวเองเสียใหม่เพื่อน้องนะคะ” เสียงทุ้มนุ่มหูฟังดูจริงจัง ทำให้น้องสาวที่นั่งเคียงกันหยุดชะงัก ครั้นมือเรียวหนาเอื้อมมาแตะผมนุ่มสลวยของเธอ ประกายตาที่เคยสว่างไหว ระรื่นขึ้นด้วยน้ำในม่านตาความตื่นตันและปีติมีอยู่ท้วมท้น เธอไม่เคยกีดกันไม่ว่าพี่ชายจะทำตัวเช่นไรหากแต่เธอก็รอความหวังว่าสักวันพี่ชายจะทำอย่างที่พูดได้เช่นกัน!... ปัจจุบัน ณ.กลางทะเลสีฟ้าครามจังหวัดชลบุรี คลื่นทะเลลูกแล้วลูกเล่าที่ปะทะเข้ากับเรือสปีดโบ๊ทลำหรูดูคล้ายกำลังคลุ้มคลั่งและต้องการให้สิ่งที่ลอยอยู่เหนือผิวน้ำมลายหายไป คลื่นลมทวีความรุนแรงขึ้นเป็นลำดับ หากแต่เจ้าของเรือลำหรูกลับไม่สะทกสะท้านยังคงทำหน้าที่ของพี่ชายที่ดีต่อผู้เป็นน้องสาวแม้ว่าเธอจะเหลือเพียงแค่เถ้าธุลี ความเงียบปกคลุมอยู่รายรอบเสมือนสะกดไฟอาฆาตให้เย็นลง หากแต่เปล่าเลย ‘ใครทำลายสิ่งอันเป็นที่รักของฉัน มันจะต้องชดใช้’ ดวงตาอาฆาตทอดมองผืนน้ำเบื้องหน้าเสมือนให้เป็นสักขีพยานกับความคิดของเขา และเมื่อไหร่ที่มีโอกาสเข้ามา เขาจะไม่รอช้าเด็ดขาด... สายลมแรงที่พัดผ่านมาทำหน้าที่พัดพาเอาเถ้ากระดูกปลิวหายไปอากาศของท้องทะเลกว้างใหญ่ ไม่นานความมืดมิดก็ค่อยๆ เข้าปกคลุมท้องฟ้า แต่จิตใจของคนที่อยู่ในลำเรือหรูกลับดูมืดมิดยิ่งกว่า ภูมินทร์ ณภคดล นักธุรกิจหนุ่มผู้ประสบความสำเร็จในการบริหารงาน ที่รับช่วงต่อมาจากผู้บังเกิดเกล้าจนได้เป็นที่รู้จักในวงการธุรกิจด้วยวัยเพียง 30 ปี จมูกโด่ง คิ้วหนาเป็นแพยาว รับกับรูปหน้าคม แววตาที่เคยมุ่งมั่นบัดนี้เหม่อลอยไกลออกไปอย่างไร้จุดหมาย “ขอให้น้องของพี่...ไปสู่สุคติ” ใบหน้าหล่อเหลาไร้ซึ่งรอยยิ้มของภูมินทร์เอ่ยอย่างอ่อนโยน หากแต่เพียงครู่แววตากลับลุกโชนด้วยไฟอาฆาต ก่อนจะหยุดนิ่งกักเก็บอารมณ์เพื่อไว้อาลัยกับสิ่งที่ตนเพิ่งเอ่ยออกไปและเป็นอย่างนั้นช้ำๆเหมือนคนกำลังสับสนหาทางออกไม่เจอ มือหนายืดจับขอบลำเรือไว้แน่น แน่นเสียจนเห็นเส้นเลือดปูดโปนออกมา เมื่อหลายปี ณ ที่แห่งนี้ในเหตุการณ์อย่างเดียวกัน นั่นคือ...ลอยอังคารของผู้ให้กำเนิดทั้งสอง ส่วนวันนี้คือน้องสาวคนเดียวของเขา ‘พี่จะเป็นผู้ชายที่แข็งแกร่งและจะดูแลน้องสาวของพี่อย่างดีที่สุด พี่สัญญา’ คนเป็นพี่เอ่ยน้ำเสียงหนักแน่นกระชับโอบไหล่ที่กำลังสั่นไหวของน้องสาว ภาพนั้นปรากฏขึ้นในความทรงจำอีกครั้ง สายตาเหม่อมองออกไปในท้องทะเลกว้างอย่างไร้จุดหมายระลึกถึงเรื่องในอดีตอย่างอดไม่ได้ ‘จริงนะ’ น้องสาวหน้าตาจิ้มลิ้มยังมีคราบน้ำตาเกาะพราวบนใบหน้าละสายตาจากท้องทะเลมองหน้าพี่ชาย ก่อนจะกระชับวงแขนเล็กโอบกอดกลับไปเช่นกัน ‘จริงสิ...ก็พี่มีน้องอยู่คนเดียวไม่ดูแลน้องตัวเองแล้วจะให้ดูแลใครที่ไหน’ พี่ชายวัยสิบเจ็ดปีก้มลงเอ่ยบอกน้องสาววัยสิบขวบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นกว่าเดิม คำพูดและคำสัญญาของสองพี่น้องที่อายุห่างกันหลายปีเรียกน้ำตาของมนตรีชายวัยกลางคนผู้ที่ให้การดูแลคนทั้งสองมาตั้งแต่เด็ก แม้เถ้ากระดูกที่โปรยลงไปในท้องทะเลจะไม่หลงเหลือให้เห็นแต่เด็กทั้งสองก็ยังมองสิ่งที่ตัวเองกระทำอยู่เหมือนกำลังเกิดขึ้นซ้ำๆ ไม่สิ้นสุด ‘คุณหนูครับ กลับบ้านกันเถอะ แดดเริ่มร้อนแล้ว เดี๋ยวจะไม่สบาย’ มนตรีที่อายุรุ่นเดียวกับผู้เป็นบิดาของเด็กทั้งสองยืนมองเหตุการณ์อยู่ด้านหลังบอกด้วยความเป็นห่วง ตาคมโตของเด็กหนุ่มเงยหน้ามองดวงอาทิตย์เพื่อยืนยันด้วยสายตา และตากลมคมโตหรี่ลงเมื่อสัมผัสกับแสงอาทิตย์ที่ส่งแสงเจิดจ้าปะทะลงมา  
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD