สายใย

1055 Words
สองพี่น้องมองหน้ากันอย่างลังเล ก่อนจะหันกลับไปมองท้องทะเลกว้าง น้ำตาที่เริ่มจะเหือดแห้งก็ไหลทะลักออกมาอีกด้วยความอาลัยหา ‘พ่อครับแม่ครับ ผมกับน้องต้องไปก่อนนะครับ...ขอให้พ่อแม่ดูแลผมและน้องอยู่บนสวรรค์ด้วยนะครับ’ เสียงเครือสะอื้นกล่าวลาเป็นครั้งสุดท้ายของพี่ชายก่อนจะประคองกอดน้องสาวเข้าด้านในลำเรือ จำใจปล่อยความเศร้าโศกสูญเสียเอาไว้เบื้องหลัง... “คุณหนูรีบเรียนให้จบนะครับจะได้มาช่วยดูแลบริหารงานแทนคุณพ่อ” คนที่รับหน้าที่ดูแลเด็กทั้งสองอย่างมนตรีบอกกล่าวด้วยความห่วงใยเมื่อกลับเข้ามานั่งพักเตรียมตัวขึ้นฝั่ง ใช่ว่าเด็กชายวัยสิบเจ็ดจะเกเรเรื่องการเรียนแต่ก็ย้ำเอาไว้ และตระหนักไว้ว่าธุรกิจทั้งหมดที่พ่อของเด็กหนุ่มสร้างขึ้นมานั้นมีแต่เขา นายภูมินทร์ ณภคดล คนเดียวเท่านั้นที่จะสานต่อ แม้ฐานะทางการเงินจะไม่ขัดสนเพราะผู้เป็นบิดาทำใบเบิกทางไว้ให้ลูกทั้งสองได้ใช้จ่ายไปตลอดชีวิต แต่ก็ไม่ต้องการให้หุ้นส่วนดูแลกันเองเมื่อทางนี้ยังมีคนสานต่อแม้จะมีตนเองช่วยดูแลอยู่ก็ตาม มันก็เป็นความหวังดีที่ลูกชายของผู้มีพระคุณจะยืนด้วยลำแข้งของตนเอง มนตรีแม้จะไม่ใช่ญาติพี่น้อง แต่ความมีน้ำใจของภูเดช ณภคดลในวัยหนุ่มที่ช่วยเหลือตนเองเอาไว้จากการถูกคู่อริรุมทำร้าย จนเกือบเอาชีวิตไม่รอด และได้มีที่อยู่ที่กินจนทุกวันนี้ บุญคุณทั้งหมดเขาเองจะตอบแทนไปจนตายจากกัน... ชายวัยกลางคนเดินเข้ามาใกล้ด้วยท่าทางทุลักทุเลพอควรเป็นเพราะเรือที่ถูกกระแทกด้วยกระแสคลื่นทำให้เดินเหินได้ลำบาก “คุณหนู กลับขึ้นฝั่งเถอะ พายุกำลังจะมา” มนตรีเริ่มหวั่นใจ เมื่อเห็นว่าความเศร้ายิ่งทวีความตึงเครียดมากขึ้นและบวกกับบรรยากาศเริ่มไม่เป็นใจ  “มันเป็นใคร? บอกมา!” น้ำเสียงแหบต่ำของภูมินทร์เค้นถามไปตามแรงอารมณ์ที่ถูกเก็บกดไว้ ใกล้ระเบิดอยู่รอมร่อ สีหน้าลังเลกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ดวงตาเหี่ยวย่นไปตามวัยหรี่แคบ ก่อนจะตัดสินใจเปิดปากพูด “เป็น...” น้ำเสียงเล็ดลอดออกมาแค่นั้นก็ต้องหยุดลง และนั้นสร้างความหงุดหงิดให้ชายหนุ่มซึ่งเป็นเจ้านายของตนเองเป็นอย่างมาก “มันเป็นใคร จะปกปิดไว้ทำไม บอกผมมา ผมจะไป...” ความเดือดดาลเกือบพลั้งปากออกไปด้วยโมหะ หากแต่คนอย่างภูมินทร์ยังมีสติพอ “ลุงอย่ากลัว ผมแค่ทำอะไรให้มันถูกต้อง” เขากล้ายืนยัน ทั้งที่ใจอยากจัดการเรื่องทั้งหมดให้เสร็จเสียเดี๋ยวนั้น “คุณหนูครับ...” คนสูงวัยหยุดกลืนความอึดอัด ไม่แน่ใจว่า ‘ถูกต้อง’ ของชายหนุ่มเป็นเช่นไร มือเรียวหนาที่เกาะกุมรั้วเหล็ก ยกขึ้นเหนือไหล่ทันควัน เหมือนจะรู้ใจคนที่เรียกดี ว่าจะพูดอะไร “พอ ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น... เพราะผมจะไม่ยอมให้มันอยู่อย่างเป็นสุขแน่นอน น้องผมทั้งคน” ร่างสูงล่ำแค่หันซีกหน้าคม มองด้านข้าง สายตาของมนตรีก็ก้มลงต่ำ รับทราบในการตัดสินใจของเจ้านายหนุ่มในครั้งนี้ มนตรีได้แต่ถอนหายใจจับจ้องคนตรงหน้าที่ยืนหันหลังให้อย่างปวดร้าวในอกเก็บเอาคำพูดและความคิด ความเป็นห่วงไว้ในใจ เขาได้แต่ขอให้สิ่งที่ชายหนุ่มคิดจะทำ อย่าให้มันร้ายแรงเกินไป เพราะคนอย่างเขาคงทนดูความผิดพลาดของคนหนุ่มไม่ได้เช่นกัน! มนตรีกลืนน้ำลายลงคอ ภาพเหตุการณ์ครั้งนั้น ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นและจบลงอย่างเจ็บปวด ยากที่จะเรียกทุกอย่างกลับคืนหรือแก้ไขอะไรได้ ลอยผ่านเข้ามาในห้วงความคิดของมนตรี... รถเก๋งคันหรูสีแดงใหม่เอี่ยมวิ่งเข้ามาจอดหน้ามุข ผ่านด่านยามหน้าตึกได้ด้วยดี เพราะเจ้าของรถคันงามคุ้นเคยกับคนในบ้านเป็นอย่างดีแค่ช่วงเวลาอันสั้น “จะไปไหนหรือครับคุณหนูตา” น้ำเสียงห่วงใยของมนตรีร้องถามอย่างแปลกใจ เมื่อเห็นภูษิตาคุณหนูของตนวิ่งออกจากตัวตึก ตนเองจึงต้องก้าวยาวๆ ตามออกมาเพื่อให้ทันภูษิตาที่กำลังเดินลิ่วออกไปยังด้านหน้าโดยที่มีรถเข้าจอดได้จังหวะพอดี วันนี้คุณหนูของเขาแต่งหน้าจัดผิดปกติ และเป็นอะไรที่เขาสังเกตได้ว่าผิดวิสัยของคุณหนู ปกติเวลาจะออกไปไหนหรือต้องการอะไร จะเรียกใช้ตนเองเสมอ “คุณลุงคะ ไม่ต้องเป็นห่วงตานะคะ วันนี้ตาไปกับรินค่ะ” เสียงหวานของภูษิตาบอกมา แต่คนที่ได้ฟังกลับรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ แค่ได้ยินว่าคุณหนูของตัวเองจะออกไปข้างนอก แม้จะรู้จักมักคุ้นกับหญิงสาวที่ชื่อรินก็ตาม แต่ทุกครั้งหญิงสาวทั้งสองจะมีเขาเป็นคนบริการขับรถให้เสมอ แต่ครั้งนี้มันต่างกันเพราะทันทีที่เดินไปถึงรถเก๋งคันหรู ด้านคนขับกลายเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีแต่งตัวหรูอย่างคนที่มีฐานะขยับกายออกจากรถยืนขึ้นเต็มความสูง ฉีกยิ้มให้สาวน้อยอย่างไม่ปกปิดความรู้สึก ปรินทิพย์รีบเปิดประตูอออกมาสีหน้ารีบร้อนเมื่อเห็นสายตาแปลกๆ อย่างอยากรู้ของลุงมนตรี เพราะหล่อนรู้ดีว่ามนตรีห่วงเพื่อนรักของเธอแค่ไหน “สวัสดีค่ะ คุณลุง...พี่ชายรินค่ะ ชื่อณภกรณ์”  เสียงหวานนุ่มนวลรีบแนะนำทันทีเมื่อลงจากรถ แม้คิดจะทักท้วงห้ามปรามด้วยความห่วงใยและด้วยหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมาจากภูมินทร์พี่ชายของหล่อน แต่คำพูดที่ดูเป็นผู้ใหญ่ของภูษิตาและน้ำเสียงออดอ้อน ทำให้ชายวัยกลางคนตัดสินใจผิดไป “ให้ตาไปนะคะ ตาโตพอที่จะดูแลตัวเองได้แล้ว อีกอย่างรินก็ไปด้วย คุณลุงก็รู้ว่ารินนิสัยเป็นยังไง และหากกลัวที่มีพี่ชายของรินไปด้วย ให้เชื่อเลยว่า น้องนิสัยยังไง พี่ชายก็นิสัยอย่างนั้นนะคะ นะ เชื่อตานะคะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD