ตอนที่ 5

1482 Words
5 เนื้อตัวเคล็ดขัดยอกไปหมด ยังกับเพิ่งผ่านการเล่นกีฬาอย่างหนัก มันเป็นกีฬาอย่างหนึ่ง กามกีฬาไงล่ะ กีฬาในร่มที่โคตรจะหนักหน่วง หมอนั่นหื่นกามชะมัด คิดแล้วก็ได้แต่ถอนใจเฮือกๆ เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ณ เวลานี้ฉันกำลังนั่งอยู่ในห้องประชุมภายในโรงพยาบาลเอกชนมีชื่อแห่งหนึ่งของเมืองกรุง ในห้องกว้างขวางนี้ยังมีหมอชายหญิงอีกหลายคน ทั้งรุ่นเดียวกับฉันและอาวุโสกว่าหลากหลายแขนง ทุกสิ้นเดือนจะมีประชุม เพราะฉะนั้นแม้วันนี้ฉันจะไม่มีเวรแต่ก็ต้องแหกขี้ตาพาสาระร่างมาร่วมประชุม นึกถึงสาเหตุความปวดเมื่อยเนื้อตัวขึ้นมา ใจก็เต้นรัว เมื่อเช้าฉันตื่นขึ้นมา เห็นคนนอนข้างๆ ความวาบหวามเมื่อค่ำคืนก็ผุดขึ้นในสมองพอๆ กับความอับอาย ต้องรีบลนลานพาตัวเองกลับห้อง ทั้งตกใจ ทั้งสับสนในสิ่งที่เกิดขึ้น เป็นโชคดีที่ว่านยังไม่ตื่นไม่อย่างนั้นฉันไม่รู้จะมองหน้าเขายังไงเหมือนกัน เมื่อคืนเขาคงเมามาก มากขนาดที่ว่าเขาทำกับฉันโดยไม่ป้องกันเลยด้วยซ้ำ ก่อนจะมาโรงพยาบาลฉันแวะซื้อยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินมากิน ไอ้ที่ปากดีกับเพื่อนบอกอยากได้แค่น้ำเชื้อ อยากมีลูกน่ารัก มันก็แค่ความปากดี เจอเหตุการณ์เข้าจริงๆ และต่อให้ผู้ชายคนนั้นคือว่าน ฉันก็ไม่ใจกล้าหน้าด้านพอจะปล่อยให้ตัวเองท้องหรอก เพราะอะไรน่ะหรือ ฉันยังมีพ่อแม่พี่น้อง มีหน้าที่การงานในสังคม ถ้าเกิดเรื่องท้องไม่มีพ่อขึ้นมา ฉันรับความเสื่อมเสียที่จะเกิดต่อครอบครัวไม่ไหว ฉันยังมีความคิดโบราณ ยังยึดติดกับความคิดที่ว่าต้องได้อยู่พร้อมหน้าหน้าพ่อแม่ลูก “ได้ข่าวไหมอาย ได้ยินว่าจะมีหมอคนใหม่มาทำงานที่นี่นะ” หมอลัดดาวัลย์หันมาคุยด้วย หมออาวุโสกว่าฉันและประจำอยู่แผนกศัลยกรรม แต่แผนกเราอยู่ใกล้กัน ห้องพักที่ตึกพักแพทย์ก็อยู่ชั้นเดียวกัน ฉันจึงค่อนข้างสนิทกับพี่หมอวัลย์เป็นพิเศษ “สาวๆ พยาบาลกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่” “ผู้ชายเหรอคะ” ทำสาวๆ วี้ดว้ายได้ก็น่าจะเป็นหมอผู้ชาย “ใช่แล้วอาย ได้ยินฝ่ายบุคลากรบอกว่าหล่อมากด้วยแหละ” อันนี้ไม่ใช่เสียงหมอวัลย์แต่เป็นหมอไก่ หมอแผนกสูติฯ อายุรุ่นเดียวกับฉัน “ผู้ชายหล่อส่วนมากจะกินกันเองนะ” ฉันกระซิบกระเซ้า “ไม่เป็นไร ยุคนี้เราจิ้นวายกันได้ฟินอยู่แล้วเนอะพี่วัลย์” ไก่กลับลอยหน้าลอยตาเพ้อฝัน อีกทั้งยังหาพวกด้วย พี่วัลย์หัวเราะ ขยิบตาให้เป็นอันรู้กัน ฉันรู้แหละว่าสองสาวที่วัยห่างกันสองปีนี้เป็นสาววาย ส่วนตัวฉันไม่ได้รู้สึกคลั่งไคล้วาย แต่ก็ไม่ได้รังเกียจนะ เวลาเจอชายรักชายฉันก็คิดว่าน่ารักดี ในตอนนี้เองที่ประตูห้องประชุมถูกเปิด ฉันเบนสายตาไปมอง ผู้บริหารเดินเข้ามาในห้อง มันจะไม่อะไรเลย ถ้าเพียงแต่คนที่เดินตามเข้ามาหลังสุดนั้นจะไม่ใช่ผู้ชายที่ฉันเพิ่งหลบหนีจากเตียงของเขาเมื่อสองชั่วโมงก่อน อย่าบอกนะว่า! เพราะตกใจ ตั้งตัวไม่ทัน ฉันจึงเมินหน้าหลบอัตโนมัติ เสียงบอกกล่าวแนะนำตัวดังผ่านหูอื้ออึงและหัวใจเต้นแรงเร็วของฉัน จับใจความได้รางๆ ว่า ว่านเป็นหมอศัลย์ฯ คนใหม่ที่พี่วัลย์พูดถึง บ้าบอมาก... หมอนั่นมาทำงานที่นี่ได้ไงนะ แล้วเขารู้ไหมว่าฉันทำงานที่นี่ ความคิดพลุ่งพล่านในหัวฉันไปหมด ขณะเดียวกัน ความคิดหนึ่งก็พุ่งขึ้นมา ทำให้ฉันเหลือบสายตาไปมองหน้าหล่อเหลาที่ยืนอยู่หน้าห้อง ขณะที่ผู้บริหารกำลังชื่นชมความสามารถของเขาให้บรรดาหมอๆ ในที่ประชุมได้รับรู้ ฉันพยายามมองจ้องหน้าขาวนั้น ใจหนึ่งกลัว แต่อีกใจก็กลับอยากรู้ว่าเขาจำเรื่องเมื่อคืนได้แค่ไหน ตอนแรกว่านไม่ได้มองฉัน เขากำลังจับมือกับหมออาวุโสหลายท่าน หากก็เกิดจังหวะนรกขึ้น เมื่อจู่ๆ สายตาเขาเบนมาสบกัน ใจถึงกับกระตุกวาบ ส่วนว่านเลิกคิ้วน้อยๆ ดังว่าเขาเพิ่งเห็นฉัน และไม่มีปฏิกิริยาอะไรมากกว่านั้น ก่อนเขาจะหันไปพูดคุยตอบคำถามหมอคนอื่น ฉันลอบผ่อนลมหายใจ อดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่า บางทีเขาอาจจำอะไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำ วูบหนึ่งที่รู้สึกใจหาย แต่อีกใจก็โล่งอย่างบอกไม่ถูก เอาเถอะ ฉันควรทำตัวเฉยๆ จะดีกว่า เสมือนว่าไม่เคยมีเรื่องวาบหวามอย่างนั้น ถึงแม้มันจะติดในใจฉันไม่ลืมก็ตาม “เอ... หมอว่านกับอายนี่เคยเรียนที่เดียวกันใช่มั้ย” เสียงพี่วัลย์ถามเบาๆ “อ๊ะ ค่ะ” ฉันรีบตอบ ใจกระตุก ดังกับว่ากลัวพี่วัลย์จะรู้เรื่องเมื่อคืนด้วยอย่างนั้น “เราเคยเรียนแพทย์ที่เดียวกันก่อนหมอว่านจะไปเรียนต่างประเทศค่ะ” “ตอนเรียนหมอท่าจะฮอตน่าดูใช่ปะอาย” ไก่กระแซะไหล่มาถามหน้ายิ้มๆ ตอนเรียนเหรอ... ฉันแทบไม่ต้องเสียเวลาคิดหรอก ตอบได้เลยว่า “มาก” หลังการแนะนำหมอคนใหม่ การประชุมก็เริ่มขึ้น ส่วนใหญ่แล้วเรื่องที่ประชุมก็เหมือนๆ ทุกเดือน เช่นว่า การทำงานที่ผ่านมามีปัญหาอะไรบ้าง มีข่าวสารด้านการแพทย์อะไรใหม่ แนวโน้มการรักษาเป็นยังไง ฉันฟังบ้าง แอบมองใครบางคนบ้าง จนเลิกประชุม ตอนนี้เองที่ว่านได้ทักทายฉัน เพราะเขาตามกลุ่มพี่วัลย์ไปดูห้องทำงานที่แผนกศัลย์ฯ เราไปทางเดียวกัน “หวัดดี” “อื้อ” ฉันตอบรับง่ายๆ เอาจริงนะ ฉันใจสั่นไปหมด กลัวเขาแสดงท่าทางอะไรสักอย่างที่จะทำให้ฉันเสียความรู้สึก ก็ฉันปลื้มเขาไง ปลื้มมานาน เรื่องเมื่อคืนมันเกินความคาดหมายก็จริง แต่ฉันไม่คิดจะเรียกร้องอะไรจากเขาหรอก เพราะตัวฉันเองก็ไม่ได้ขัดขืนเขามากมายด้วยซ้ำ ท่าทีปกติสุดๆ ของเขากลับทำให้ใจฉันแป้วแล้วแป้วอีก ดังว่าอยากให้เขาจำเรื่องระหว่างเราได้ บางที ว่านคงจำเรื่องนั้นไม่ได้จริงๆ ฉันก็ควรจะดีใจ “อาย ใกล้เที่ยงแล้วไปกินข้าวด้วยกัน” พี่วัลย์หันมาชวน “หมอว่านไปกินข้าวด้วยกันมั้ยคะ” ประโยคหลังหันไปชวนเขา “เอ่อ อายขอตัวดีกว่าค่ะพี่ วันนี้อึนๆ สงสัยจะนอนไม่พอ ขอตัวก่อนนะคะพี่” ฉันคงกินไม่ลงหรอก ยิ่งมีผู้ชายคนนี้ไปนั่งร่วมโต๊ะด้วย ไม่ได้รังเกียจนะ แค่ทำตัวไม่ถูก จะพูดคุยกับว่านเหมือนปกติยังทำได้ลำบาก ขอเวลาไปรีบูตตัวเองใหม่ก่อน เพราะคิดแบบนั้นเลยรีบแยกตัวออกมา แวะไปห้องทำงาน ดูงานนิดหน่อย จากนั้นก็พาตัวเองออกมาจากตึก ตรงไปยังห้องพัก ตึกสวัสดิการสำหรับแพทย์ พยาบาลและพนักงานทั่วไป เป็นตึกขนาดสิบชั้น ชั้นหนึ่งถึงเจ็ดเป็นห้องพักของพยาบาลและเจ้าหน้าที่แผนกต่างๆ ส่วนชั้นแปดเก้าเป็นห้องพักแพทย์ ชั้นสิบเป็นห้องพักของกรรมการบริหาร ห้องฉันอยู่ชั้นแปด ช่วงไหนมีงานเต็มอัตรา ที่นี่จะเป็นที่ซุกหัวนอน นึกดูแล้ว ฉันพักห้องนี้มากกว่าคอนโดราคาหลักล้านที่ผ่อนซื้อซะอีก เปิดประตูห้องได้ ฉันรีบแทรกตัวเข้าไป หัวมันตื้อๆ หนักๆ จากการพักผ่อนไม่เพียงพอ ฉันโหยหาที่นอนนุ่มๆ แต่ขณะที่หันมาคว้าประตูจะปิดลงล็อก ร่างสูงหนาของใครบางคนก็แทรกตัวเข้ามา เกือบร้องกรี๊ดแล้วถ้าไม่มองเห็นหน้าคนอุกอาจซะก่อน “นาย!” “ตกใจอะไร” สีหน้ายิ้มๆ ของว่านไม่ทำให้หัวใจเต้นแรงลดจังหวะ ประกายวิบๆ วับๆ ในตาคู่คม มันยิ่งทำให้ฉันสติจะแตก ใจก็เต้นรัวหนักหน่วงขึ้นอีก ร่างสูงก้าวเข้ามาในห้อง ฉันก้าวถอยหลัง คิ้วเข้มเลิกสูง ท่าทางยิ้มๆ ยียวนกวนประสาท ฉันลืมไปได้ยังไงนะ ว่านน่ะเป็นพวกขี้แกล้งมากขนาดไหน เขามันตัวร้ายตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว ท่าทางนิ่งๆ มันคือภาพลวงตา ให้ตายสิเอ้า ฉันควรจะทำยังไงกับผู้ชายคนนี้ดี “นี่ห้องฉัน” “รู้” รู้แล้วจะตามเข้ามาเพื่อ! หมอนี่ตั้งใจกวนประสาทฉันแหงเลย เขาเป็นคนดันประตูห้องปิดเสียเอง “มีอะไรกับฉันรึเปล่า”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD