ตอนที่ 6

1311 Words
6 “มีอะไรกับฉันรึเปล่า” “โห ชวนกันโต้งๆ เลยเหรอ” “นี่นาย! ฉันหมายถึงว่า...” ว่านหัวเราะ ยกมือขึ้นมาเบรกห้ามฉันไว้ “ล้อเล่นๆ เธอลืมของ ฉันเอามาให้” อีกมือก็ล้วงบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง เขากำมันไว้ในมือ ยื่นมาตรงหน้าฉันโดยคว่ำมือลง ทำให้มองไม่เห็นสิ่งที่อยู่ในนั้น ตวัดตาขึ้นสบตาเขาเป็นเชิงถาม ว่านกลับทำสีหน้าบอกว่าให้ฉันยื่นมือออกไปรับมาดูถ้าอยากรู้ “เล่นอะไร” ปากบ่น แต่ฉันยื่นมือออกไปรับ ว่านเลิกคิ้ว ยังจุดยิ้มมุมปาก คลายกำมือเพื่อวางบางสิ่งบางอย่างลงบนฝ่ามือฉัน ทันทีที่มองเห็นสิ่งนั้น ความร้อนมากมายฉาบลงบนหน้าฉันจนรู้สึกชา มองหน้าหล่อๆ ตาค้าง ร้องไม่ออก กระตุกมือกำมันแน่น บิดแขนไพล่ไปซ่อนไว้ข้างหลัง ทำไมว่านเอามันมาให้ฉัน! รึว่าเขา ไม่ได้ลืมเรื่องเมื่อคืน “นะ...นายจำเรื่องเมื่อคืนได้งั้นเหรอ” ว่านยักไหล่ ขยับอ้อมตัวฉันไปทิ้งตัวลงบนโซฟา ฉันหมุนตัวตาม “ฉันแค่ดื่ม ไม่ได้ความจำเสื่อม” นั่นหมายความว่า เรื่องที่เราทำกัน เขาจำได้ โอ... ใจฉันเต้นรัว เผลอกลั้นหายใจ เกิดความชาไปทั่วร่าง มันบอกไม่ถูกว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉัน อับอาย กลัว หรือตื่นเต้น ฉันก้าวถอยโดยอัตโนมัติ ก่อนจะอุทาน จู่ๆ ว่านกลับจับข้อมือ กระตุกดึง ไม่แรงนะ แต่ทำให้เซลงไปนั่งบนตัก ลำแขนแข็งแรงสอดเข้ามากอดรอบเอว ยึดตัวฉันไว้ “ทำอะไร ปล่อย!” “อืม ทำอะไรดี ทำอย่างเมื่อคืนดีไหม” “ทำอะไร เรา... เราไม่ได้ทำอะไรกันสักหน่อย” “เธอจะบอกว่า แค่พาฉันไปส่งห้อง แล้วเกิดอยากทิ้งกางเกงในไว้ให้ดูต่างหน้าแค่นั้นงั้นเหรออาย” “นี่นาย อ๊ะ” ฉันสะดุ้ง ผงะหน้าหนีห่าง ว่านยื่นหน้าผ่านบ่าของฉันเข้ามาใกล้ ซ้ำเขายังกดจมูกลงบนแก้มหนักๆ ใจมันกระตุกวาบ เกิดความร้อนซ่านไปทั่วเนื้อตัวทันที ฉันขยับเบี่ยงตัวหนี เขากลับยิ่งกอดรัดฉันเอาไว้แน่น ความอุ่นของแผงอกกว้างที่แน่นมัดเนื้อทำให้หัวใจทำงานหนักหน่วงเกินพอดี ว่านเหมือนยิ่งแกล้ง ยิ่งฉันดิ้นรน เขายิ่งรัด ยิ่งกดปากและจมูกไปทั่วพวงแก้มกับแนวคางข้างนั้น “ปล่อยสิ ทำอะไรนี่” “เมื่อคืนทำมากกว่านี้ตั้งเยอะ” “นายว่าน!” “ง่วง ขอนอนสักงีบ” “ไปนอนห้องนายสิ” เขาต้องมีห้องพักในตึกนี้แน่เมื่อเข้ามาทำงานที่นี่ “อยากนอนกับเธอ” “ว่าน!” ฉันหวีดร้อง มันเพราะหมอนี่ไม่แค่พูดแต่รวบตัวฉันขึ้นอุ้ม เดินดุ่มไปห้องเดียวที่กั้นเป็นสัดส่วน ห้องนอน... เวลาไม่กี่ก้าวเดิน สมองฉันหมุนติ้วๆ ไม่ต่างจากลูกข่าง พยายามคิดว่าควรจะทำยังไงกับสถานการณ์ตอนนี้ดี ดิ้นหนี ผลักเขาออกห่าง พอถูกกอด ฉันกลับคิดเรื่องเมื่อคืนขึ้นมา อ้อมแขนว่านแข็งแรง อ้อมกอดเขาอุ่น ร่างกายตึงแน่นมัดเนื้อก่อความวาบหวาม ฉันเกิดความสับสน วุ่นว้า รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ถูกวางบนเตียงและร่างกายหนาแน่นคร่อมทับลงมา ฉันสะดุ้งทั้งใจและกาย “เป็นอะไร” “นายต่างหากทำแบบนี้ทำไม” นี่มันเกินไปแล้วนะ เราเป็นเพื่อนกัน เรียนมาด้วยกันก็จริง แต่เขาแสดงความสนิทสนมกับฉันเร็วเกินไปไหม สำหรับเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันมาเกือบสิบปี ฉันแสร้งปั้นหน้างอต่อว่า ใช้สองมือที่กำแน่นดันอกแข็งๆ ไว้ เขากลับยิ้ม ตาเป็นประกาย... อย่ายิ้มแบบนี้ได้มั้ย ใจฉันมันจะระเบิดอยู่แล้ว “ใจเธอเต้นแรงนะ...” “...” “ตื่นเต้น... เขิน...หรือ...” เสียงเขาแหบพร่าลงเกินไปหรือเปล่านะ ฉันพยายามคิด ขณะที่ร่างกายถูกเร้ารุมด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ฉันรู้แก่ใจดีว่า มันคืออะไรและเพราะใคร “คาดหวัง...” หน้ายิ้มๆ ปากได้รูปสีชมพูอ่อน ยามขยับพูดด้วยเสียงแหบต่ำของว่านกำลังทำให้ฉันอยากเป็นบ้า “คาดหวังบ้าสิ” เพราะเขานั่นแหละ ฉันอยากตะโกนใส่หน้าหล่อๆ นัก ฉันตื่นเต้น ขัดเขินจนตัวเกร็งใจเต้นแรงก็เพราะเขา ฉันเบือนหน้าหนี มือขาวแข็งแรงกลับเลื่อนเข้ามาจับปลายคางดันให้หันกลับมาเผชิญหน้า “ปล่อยฉันได้แล้ว ไม่ต้องมาเล่นอะไรบ้าๆ เลย” ฉันแหวเบาๆ จับมือเขาเพื่อดึงออก แต่กลับกลายเป็นว่ามือฉันถูกจับไว้ทั้งสองข้าง ดึงมากดลงบนที่นอนข้างหัวของฉันเอง เขาก้มหน้าลงมาอีกนิด ลมหายใจอุ่นรินรดปลายจมูก ฉันเผลอกลั้นหายใจ “ใครว่าเล่น” เสียงห้าวพร่าดังขึ้นคิ้วเข้มเลิกสูงน้อยๆ พร้อมรอยยิ้มมีเลศนัย ตาคู่คมจ้องมาสบตากัน ใจฉันพลันวูบวาบหวิวหวาม “กับเธอ ฉันเอาจริง อาย...” หมายความว่าไงกัน... ไม่ทันจะอ้าปากถาม เรียวปากได้รูปก็ประกบลงมา ฉันสะดุ้ง ข้อมือกระตุก แต่ก็ถูกคนจับยึดกุมไว้ ว่านจูบฉัน เขาเบียดริมฝีปากเบาๆ ดูดเม้มขบคลึง ยื่นลื่นออกมาแตะไต่ไล้ชิม เมื่อฉันตัวเกร็งต่อต้าน เขาเพิ่มน้ำหนัก ไม่ใช่แรงเอาชนะคะคาน แต่ล่อหลอกหยอกเย้าให้เคลื่อนคล้อยมัวเมาพร้อมๆ กับจูบที่กลายเป็นดูดดื่มและหนักหน่วงจนฉันรู้สึกว่าปากบวมเป็นเป็ดท่ามกลางความวูบวาบหวามลึกในอก กว่าเขาจะถอนจูบถอยห่าง ฉันหอบกระเส่าเพราะหายใจหายคอไม่ทัน คลับคล้ายเกิดอาการหน้ามืดกะทันหัน “ดูเหมือนเธอเองก็ต้องนอนพักนะ” เสียงห้าวแหบต่ำเจือความหยอกเย้ายามเคลื่อนพรมปากไปบนผิวแก้มของฉัน “ทำแบบนี้ทำไม” ว่านยกหน้าขึ้น ตาเขาเคร่งขรึมกับคำถามของฉัน “เราโตๆ กันแล้ว ผ่านเรื่องนั้นมาด้วยกันหมาดๆ ไม่เข้าใจเหรออายว่าทำไมฉันต้องตามติดเธอ” แล้วฉันจะไปเข้าใจได้ไงเล่า ฉันตวัดตาค้อนขณะหอบอากาศเข้าปอด ปีศาจตัวไหนดลใจให้ฉันปากเปราะถามพล่อยๆ ออกไป “ติดใจฉันว่างั้น” ว่านกดยิ้ม ไม่โต้ตอบอะไรมาอีก เขาเลื่อนตัวลงนอนบนที่นอน เกี่ยวตัวฉันเข้าไปกอดเกย “นอนเถอะ ไว้สมองโล่งกว่านี้ ค่อยคุยกัน” แบบนี้ก็ได้เหรอ! ฉันพยายามจะดันตัวลุกหนี ถึงอ้อมแขนเขาอบอุ่นทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ฉันก็ยังมีความอายอยู่นะ ว่านกลับยิ่งกอดแน่น เขาใช้มือใหญ่ๆ กดหัวฉันให้ซบซุกบ่ากว้าง “ถ้าเธอไม่นอนเฉยๆ ฉันจะคิดว่าเธออยากให้เราทำกันอย่างเมื่อคืนนะ” หมอนี่! ไม่พูดเปล่า มืออีกข้างยังสอดเข้ามาแถวชายเสื้อด้านหลัง ลูบไล้ผิวเอวเหนือบั้นท้ายอย่างท้าทายซะอีก “นะ...นอนก็นอนสิ” รีบตะครุบมือข้างนั้นไว้ ว่านหัวเราะ พลิกมือมาจับข้อมือฉันดึงให้แขนข้างนั้นขึ้นไปโอบเกาะบ่าเขาไว้ ท่าทางนี้เท่ากับฉันกำลังกอดเขา ซบอกเขา โอ๊ย! ถึงไม่อยากจะยอมรับโต้งๆ แต่นี่มันเกินกว่าที่คิดไว้เลยนะ ได้กอดว่านอีกครั้ง ใจลิงโลดวิบๆ ว่าไป ฉันนี่เหมือนคนเป็นไบโพล่าร์ อารมณ์หนึ่งตั้งรับไม่ทันทำตัวไม่ถูกเมื่อว่านเข้าหากะทันหัน แต่อีกใจกลับรู้สึกดีมากมายที่ได้ใกล้ชิดกับเขาแบบนี้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD