16 เหตุไม่คาดคิด

1232 Words
เจาซื่อหาได้ไว้ใจลูกชายไม่ ตั้งแต่เขาออกจากเรือนของนางไปก็ให้บ่าวไพร่คอยจับตา ตอนนี้ฟ้ามืดแล้ว เขายังอยู่ในเรือนชิงฟาง เห็นได้ชัดว่ามีความคิดจะใกล้ชิดสตรีผู้นั้น เจาซื่อไม่มีทางยอมเด็ดขาด ชางฉือหมิงก้าวเข้ามาหามารดา สีหน้ายังคงอ่อนโยน หาได้มีร่องรอยขึ้งโกรธที่ถูกขัดจังหวะไม่ เขานับเป็นลูกกตัญญูอย่างแท้จริง พอเห็นมารดาสีหน้าไม่สู้ดีนัก ยังเป็นฝ่ายปลอบโยน “ท่านแม่ ตอนนี้ค่ำแล้วมิสู้สวมเสื้อคลุมอีกสักตัว อากาศยังไม่อบอุ่น หากต้องไอเย็นจะไม่ดีต่อร่างกาย ให้ลูกช่วยพยุงเข้าไปนั่งคุยในห้องเถอะขอรับ” เจาซื่อเห็นท่าทางอ่อนโยนจริงใจของบุตรชาย โทสะก็บรรเทาไปไม่น้อย กระนั้นยามเอ่ยสีหน้าก็ยังบึ้งตึงอยู่บ้าง “มืดค่ำแล้ว ไฉนยังรั้งอยู่เรือนนั้น” “อาเยว่เพิ่งจะเข้านอน นางเป็นเด็กน่ารักรู้ความยิ่งนัก ท่านแม่ ข้าอุ้มนางมาให้ท่านดูดีหรือไม่” เจาซื่อรีบโบกมือปฏิเสธ “ข้าชอบเด็กที่ไหนกัน ให้นางอยู่กับมารดานั่นแหละดีแล้ว” ชางฉือหมิงเห็นมารดาปฏิเสธก็มิได้เซ้าซี้ เขารู้ว่านางเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น ได้แต่หวังว่ามารดาจะยอมเปิดใจสักวัน “ท่านแม่เรียกหาลูกด้วยเรื่องใดหรือขอรับ” พอบุตรชายถาม เจาซื่อก็ทำน้ำเสียงขึ้นจมูก “หากข้าไม่เรียกหาเจ้า คืนนี้เจ้าคงจะค้างที่เรือนนั้น?” ชางฉือหมิงไม่ตอบ เขาเพียงนั่งฟังมารดาเงียบๆ เจาซื่อเห็นท่าทีของบุตรชายก็รู้ว่าตัวเองทำไม่ถูก บุตรชายจะสนิทสนมกับภรรยาของตนย่อมมิใช่เรื่องที่นางผู้เป็นมารดาจะไปยุ่งเกี่ยว ขัดใจก็ตรงที่นางชิงชังสตรีผู้นั้นเสียเหลือเกิน กระนั้นหากทำให้บุตรชายไม่พอใจตอนนี้จะยิ่งควบคุมเขาได้ยากขึ้น นางจึงเปลี่ยนท่าที “ได้ยินว่าฮูหยินผู้เฒ่าจินไม่สบาย วันพรุ่งนี้ก็ไปเยี่ยมนางพร้อมกับแม่เถิด จะได้เป็นการแสดงน้ำใจให้ตระกูลจินได้เห็น เจ้าเองก็จะได้ถือโอกาสสร้างความสนิทสนมกับจินหลิงด้วยดีหรือไม่” เรื่องการเยี่ยมเยียนผู้อาวุโส ชางฉือหมิงย่อมไม่มีข้อโต้แย้ง แต่การหาโอกาสใกล้ชิดกับคุณหนูจินทำให้เขาลำบากใจ “ท่านแม่ เรื่องที่ลูกพูดกับท่านก่อนหน้านี้ ลูกตั้งใจเช่นนั้นขอรับ” ชายหนุ่มยืนกรานความคิดของตนกับมารดา คราวนี้เจาซื่อไม่อาจสะกดกลั้นโทสะได้อีกต่อไป “ฉือหมิง! อย่าลืมว่าที่ท่านพ่อของเจ้าต้องออกจากราชการเป็นเพราะฝีมือใคร หากมิใช่จิ้งจอกเฒ่าบิดาของนางผู้นั้น ป่านนี้ท่านพ่อของเจ้าก็คงจะยังเป็นขุนนางมีชื่อเสียงหน้าตา เจ้ายังจะคิดห่วงแต่ภรรยาโดยไม่สนใจครอบครัวอย่างนั้นหรือ นางมีดีอะไรกัน แต่งเข้ามาก็ไม่เคยทำประโยชน์อะไรให้กับตระกูลชางของพวกเรา” “ท่านแม่!” ชางฉือหมิงกระแทกเข่าลงกับพื้นดังตึง เขาจ้องมองมารดาด้วยสีหน้ามุ่งมั่น “ท่านพ่อสูญเสียตำแหน่งเพราะไร้ความซื่อสัตย์ ข้าขอสัญญาต่อท่าน ข้าจะกอบกู้ชื่อเสียงวงศ์ตระกูลโดยใช้ความสามารถของตนเอง ท่านไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเงินทองของตระกูลจินหรอกขอรับ” เจาซื่อมองบุตรชายอย่างขัดใจ นางย่อมรู้ดีว่าเขามีความสามารถที่จะทำอย่างที่พูด แต่นางเกลียดชังคนแซ่ลี่อย่างที่สุด ไม่อยากจะยอมรับว่าในวันหน้าบุตรที่เกิดโดยลี่เซียงจะมาเป็นทายาทสายตรงของตระกูล อีกทั้งเจาซื่อยังมีความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลจิน นางสนิทสนมกับจินฮูหยินมาตั้งแต่สมัยสาวๆ ย่อมอยากจะได้ลูกสาวของอีกฝ่ายที่เป็นคนคุ้นเคยกันมาเป็นสะใภ้ “ฉือหมิง เจ้าทำเช่นนี้ก็ไม่มีประโยชน์ ลุกขึ้นเถอะ เรื่องนี้ข้าไม่มีทางยอมเจ้า” “ท่านแม่ ลูกอกตัญญูไม่อยากเป็นเช่นบิดา ไม่อยากให้บุตรของข้ามีพี่น้องต่างมารดาเต็มเรือน” เจาซื่อเผยสีหน้าเศร้าสร้อยเมื่อได้ยินวาจาของบุตรชาย นางหลับตาอยู่ชั่วครู่หนึ่งก่อนจะกล้ำกลืนความรู้สึกลงไปแล้วเอ่ย “เจ้าไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ตามข้าไปเยี่ยมฮูหยินผู้เฒ่าจิน” กล่าวจบนางก็ให้สาวใช้ประคองเข้าไปด้านใน ชางฉือหมิงมองส่งมารดา ในใจรู้สึกผิดอยู่บ้างที่เอ่ยวาจาทำร้ายจิตใจนาง เขาลุกขึ้นแล้วเดินกลับเรือน วันรุ่งขึ้นเป็นวันหยุดประจำเดือน ชางฉือหมิงแต่งกายสุภาพแต่เช้าเตรียมตัวไปตระกูลจินเป็นเพื่อนมารดา ยังไม่ทันจะก้าวออกจากเรือน บ่าวรับใช้ก็รีบเข้ามารายงาน “นายท่านขอรับ ฮูหยินใหญ่ให้บ่าวมาแจ้งว่าฮูหยินผู้เฒ่าจินเพิ่งสิ้นบุญกลางดึกเมื่อคืนขอรับ” ชางฉือหมิงได้ฟังหัวคิ้วก็ขมวดเข้าหากันก่อนที่จะคลายออก จากนั้นจึงหันไปสั่งบ่าวเสียงขรึม “ไปบอกท่านแม่ว่าข้าเปลี่ยนชุดเสร็จแล้วจะรีบไป” เขาเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นสีขาว มารดาสนิทสนมกับตระกูลจินมาก พอรู้ข่าวคงรีบไปแต่เช้า วันนี้คงตั้งใจอยู่ช่วยงานเจ้าบ้านเป็นแน่ เขาก้าวไปยังเรือนมารดา เห็นนางยังกินอาหารเช้าก็เข้าไปหา นางเรียกเขากินข้าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย ระหว่างมื้ออาหารสองแม่ลูกไม่เอ่ยวาจา กินเสร็จเขาก็พยุงมารดาขึ้นรถม้าก่อนที่จะก้าวตามขึ้นไปนั่ง “เรื่องราวเป็นเช่นนี้คงสมใจเจ้าแล้ว” อยู่ๆ เจาซื่อก็เอ่ยขึ้น ชางฉือหมิงก้มศีรษะลงตอบ “หามิได้ขอรับ ฮูหยินผู้เฒ่าจินนับเป็นคนคุ้นเคยของครอบครัวเรา ด่วนจากไปเช่นนี้ทำให้ผู้คนใจหายอยู่บ้าง” ผู้เป็นมารดากลับเสมือนมิได้ยินคำของบุตรชาย นางยังคงกล่าว “จินหลิงเป็นหลานสาวสายตรง อย่างไรเสียก็ต้องไว้ทุกข์สามปี หากมิใช่การแต่งงานของนางถูกขัดขวางตั้งแต่แรก ป่านนี้นางก็คงเป็นสะใภ้ข้า มีทายาทจวนจิ้งหยางป๋อให้ได้เชยชม ล้วนเป็นเพราะสตรีผู้นั้นคนเดียว กว่าจินหลิงจะออกทุกข์อายุก็ไม่น้อยแล้ว ช่างน่าเวทนานัก” ชางฉือหมิงไม่เอ่ยสิ่งใด เขารู้ว่ามารดากำลังอารมณ์ไม่ดี ไม่ว่าพูดอะไรไปล้วนไม่เข้าหูทั้งนั้น แต่ที่นางกล่าวมาก็ไม่ผิด การตายของฮูหยินผู้เฒ่าสกุลจินช่วยคลี่คลายปัญหาเฉพาะหน้าเรื่องการรับอนุไปได้ แม้จะรู้สึกผิดต่อผู้อาวุโสอยู่บ้าง แต่อย่างน้อยเขาก็ยังไม่ต้องรับจินหลิงเป็นอนุภรรยาในตอนนี้ เวลาสามปีนั้นยาวนาน ป่านนั้นเรื่องราวอาจจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีแล้วก็ได้ จิตใจของเจาซื่อกำลังหวาดหวั่นอย่างหนัก ในระยะเวลาอันใกล้ตระกูลจินยังไม่อาจจัดงานมงคล นางจิ้งจอกในจวนก็จ้องแต่จะยั่วยวนบุตรชายของนาง ตลอดระยะทางไปคฤหาสน์ตระกูลจินเจาซื่อได้แต่ครุ่นคิดว่าควรจะรับมือกับปัญหานี้เช่นไร
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD