ตอนที่ 3 ความลับ
ยามนี้ในจวนตระกูลเซียวดูวุ่นวายยิ่งนัก ก็เพราะฮูหยินเอกของใต้เท้าเซียวจากไปด้วยโรคร้าย บ้างก็บอกว่าเป็นเพราะลูกสาวนั้นนำภัยมาสู่มารดา
บ้างก็บอกว่าเมื่อสิบปีก่อนนั้นมีนักพรตมาทำนายชะตาของคุณหนูใหญ่ พบว่าจะนำเภทภัยมาสู่จวนเซียว ทำให้มารดาต้องตายอย่างน่าอนาถ บ่าวรับใช้ต่างก็ทยอยตายเพราะชะตาของคุณหนูผู้นี้นัก
สาวใช้ในจวนต่างก็แต่งชุดไว้ทุกข์ แต่กลับไม่พบคุณหนูเซียวอิ๋นฮวา จนกระทั่งคุณหนูรองเดินร้องไห้ออกมา ใบหน้าบู้บี้ หยาดน้ำตาไหลลงมาอาบสองแก้ม
ทำให้บรรดาแขกเหรื่อที่เข้ามาเคารพศพของไป๋ซื่อต่างก็พากันหดหู่กับภาพแม่หนูน้อยเดินปาดน้ำตาออกมาจากห้องด้านข้าง ซึ่งเป็นห้องจัดพิธีศพ แม้จะดูเรียบง่าย แต่ว่าทุกอย่างในจวนนี้ล้วนตกแต่งด้วยสีดำ ประดับประดาทางเดินด้วยผ้าสีขาว
“แม่หนูจ๊ะ” หญิงชราผู้หนึ่งเดินหลังค่อมถือไม้เท้าพยุงร่างตนเอาไว้ เดินทางมาเคารพศพของไป๋ซื่อที่จากไป อีกทั้งอยากเห็นโฉมหน้าของคุณหนูใหญ่ ว่าจะงามหยดย้อยเหมือนกับไป๋จินจูมารดาของนางหรือไม่
“เจ้าค่ะท่านยาย” ดรุณีน้อยตอบกลับเสียงนุ่ม ยืนสะอื้นฮึก ๆ อยู่บนพื้นหินกรวดตรงทางเดิน
“ไม่ทราบว่าเจ้าเป็นคุณหนูรอง หรือคุณหนูใหญ่กัน” หญิงชราเอ่ยถาม เห็นใบหน้าละม้ายคล้ายคลึงเซียวจิ่งเทียนสามส่วน ดวงตากระจ่างสดใส กลับดูโศกเศร้า
จนหญิงชราเชื่อว่าเด็กคนนี้เสียใจกับการจากไปของไป๋ฮูหยิน
“ข้าเป็นคุณหนูรอง พี่ใหญ่เดินทางไปอารามชีแล้วเจ้าค่ะ” ดรุณีใบหน้าพริ้มเพรา ดวงตาแดงก่ำ ใต้ตาบวมช้ำ มิใช่เพราะเสียใจที่แม่ใหญ่จากไปปรโลก แต่นางถูกมารดาของนางดุและตีมือต่างหาก ถึงได้เดินหน้าหงอยคอตกมายังห้องทำพิธี
ระหว่างทางเดินจึงพบหญิงชรา แต่งตัวซอมซ่อในใจนึกขยะแขยง แต่เพื่อรักษาภาพลักษณ์คุณหนูรองผู้แสนน่ารัก
จึงอดไม่ได้ที่ต้องกัดฟันทำเป็นยิ้มอ่อน ตอบน้ำเสียงนุ่มนวลแก่หญิงชราแปลกหน้า “ว่าแต่ท่านยายมาเคารพศพแม่ใหญ่หรือเจ้าคะ เชิญเจ้าค่ะ ข้านำทางเอง”
“คุณหนูรองช่างน่ารักน่าเอ็นดูนัก ขอบใจมากจริง ๆ” หญิงชราไม่รู้เลยว่า เด็กน้อยที่นำทางนั้นย่นจมูกฟุดฟิดไปมากำลังรู้สึกสะอิดสะเอียนตนเอง
แม่หนูน้อยนามว่าเซียวผิงอันวิงเวียนศีรษะเพราะกลิ่นเหม็นสาบสางจากหญิงชรา จวนเจียนแทบจะอาเจียนออกมาอยู่รอมร่อ แต่ก็ต้องหายใจเข้าออกลึก ๆ สูดอากาศเย็นยะเยือกเข้าไป
วันนี้หิมะตกหนัก ครุ่นคิดว่าระหว่างทางไปอารามชีนั้น พี่สาวต่างมารดาจะเป็นเช่นไรบ้าง
แม่นมฝูเจียวถูกสั่งให้อยู่ช่วยงานที่จวน จู่ ๆ ก็รู้สึกวิงเวียนศีรษะ จนต้องไปนอนพักผ่อนอยู่ในห้องพัก สาวใช้ที่ติดตามคุณหนูไปก็หาได้มีสักคนไม่ ป่านนี้แล้วจะเป็นอย่างไร แม่นมฝูร้อนใจจนแทบกระอักเลือด
“แม่นมเป็นเช่นไรบ้างเจ้าคะ อาการดีขึ้นหรือไม่” หว่านหนิงนั่งปรนนิบัติหญิงชราอยู่ในห้องพัก เห็นสีหน้าขาวซีดจึงละมือจากงานของตน ประคองหญิงชราเข้ามาในห้องเสียก่อน
“ไม่เป็นไร ห่วงก็แต่คุณหนู ไม่รู้ว่าป่านนี้แล้วจะเป็นเช่นไร รถม้าคันนั้นจะพาไปถึงอารามชี วัดถังหยวนหรือไม่ ข้ากลุ้มใจเหลือเกิน” หญิงชรากังวลยิ่ง
ยามที่ออกจากจวนนี้ไป...ไม่สิ ตั้งแต่เมื่อวานตอนมืดแล้วคุณหนูตัวร้อน ละเมอเพ้ออยู่ค่อนคืน ยังไม่หายจากอาการป่วยไข้ต้องลมหนาว ยามนี้ต้องเดินทางรอนแรมไกลนับพันนับหมื่นลี้
เพื่อไปอารามถังหยวน นับว่าไกลโขมากนัก การเดินทางท่ามกลางอากาศหนาวเย็น มีพายุหิมะตกลงมาไม่ขาดสาย เกรงว่าคุณหนูจะสิ้นใจระหว่างทาง แล้วจะมีหนทางรอดชีวิตหรือไม่
หญิงชราได้แต่ครุ่นคิดอย่างเคร่งเครียด ยามนี้รู้สึกวิงเวียนศีรษะอาการคล้ายจะเป็นลม ช่างน่าประหลาดใจนัก
“หากฮูหยินรองไม่บอกว่าจะโบยพวกเราละก็ ป่านนี้ข้าจะพาท่านแอบขึ้นรถม้า ตามคุณหนูไป” หว่านหนิงยังคงนั่งดูแลแม่นมเฒ่า สีหน้าค่อนข้างกังวลใจนัก
ทำไมจู่ ๆ แม่นมถึงได้ล้มป่วยกะทันหัน ปกติแล้ว แม่นมร่างกายแข็งแรง ไม่ใช่ใบหน้าซีดเซียวไร้สีเลือดเช่นนี้
จริงอยู่ที่แม่นมอายุมากแล้ว และช่วงนี้อากาศค่อนข้างเลวร้าย ด้วยเพราะมีพายุหิมะที่หล่นลงมาไม่ขาดสาย กระทั่งจะพูดจายังแทบจะอ้าปากไม่ได้ ในห้องนี้มีเตาอุ่น พอทำให้ในห้องอบอุ่นขึ้นมาบ้าง
อีกทั้งหว่านหนิงยังมีความคิดแสนประหลาด อยากนำพาแม่นมหนีขึ้นรถม้าไปกับคุณหนู ติดเพียงคำข่มขู่ อีกทั้งยังมีบ่าวรับใช้คอยยืนขวางกั้นประตู ส่งออกไปได้แค่คุณหนูที่ถูกหามขึ้นรถม้า
ทั้ง ๆ ที่ไม่มีสติ ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง จึงไม่แปลกที่แม่นมรวมถึงพวกนางมีความกังวลอย่างยิ่งยวด
“นางปีศาจนั่น คิดจะทำอะไร ใบหน้าก็สะสวย แต่ทำไมกัน นานวันเข้า ข้ารู้สึกเหมือนว่านางคือปีศาจเสียอย่างนั้น” ฝูเจียวแม้นอนซมเพราะวิงเวียนศีรษะ แต่ก็ยังปากคอเราะรายอยู่ไม่น้อย หากเป็นไปได้ นางอยากสาปแช่งเถาเหมยฮัวให้ไม่ตายดี
ประตูหน้าห้องพักของแม่นมฝูถูกเคาะดังขึ้น ด้านนอกมีแขกแปลกหน้าที่ไม่ได้รับเชิญยืนอยู่ “ฝูเจียวอยู่หรือไม่”
“หว่านหนิงไปดูสิว่าเป็นใครกัน” ฝูเจียวไม่มีแรงที่จะลุกขึ้นเดินเสียด้วยซ้ำ จู่ ๆ ก็ล้มป่วยอย่างไร้สาเหตุเช่นนี้
“ท่านยายเมิ่ง” หว่านหนิงอุทานอย่างตกใจ “ไม่คิดว่าท่านจะได้ข่าวเร็วถึงเพียงนี้” นางรีบประคองหญิงชราหลังค่อมเข้ามาในห้องพักของแม่นม
“ที่ข้ามาก็ตั้งใจมาพบคุณหนูใหญ่ แต่ดันได้รับข่าวร้ายเสียนี่” พูดแล้วก็เศร้าใจนัก เหลือบมองไปยังสหายรักนอนอยู่บนเตียง ใบหน้าขาวซีดก็รีบเดินเข้าไปหา
“ไม่คิดว่าเจ้าจะมา ขอบใจมากที่มาเยี่ยมข้า” หญิงชราแซ่ฝูรู้สึกเหมือนมีบางอย่างแปลกประหลาดชอบกลนัก จึงส่งจดหมายไปหาสหายรักผู้นี้ คิดไม่ถึงว่าจดหมายนั่นจะส่งไปถึงมือรวดเร็ว เพียงแค่สองสามวันก็เดินทางมาหาถึงจวนเซียวแล้ว
“หว่านหนิง ออกไปดูต้นทางสิ มีใครมาแอบฟังหรือไม่” แม่นมฝูมีเรื่องอยากไหว้วานขอร้องเมิ่งลู่เสียหน่อย ติดก็แต่ว่าสหายคนนี้อายุก็มากแล้ว นางไม่มีสหายหรือใครอื่นที่พอจะขอความช่วยเหลือได้
“ข้าพอเดาออกแล้ว จวนนี้มีบางอย่างประหลาดใช่หรือไม่ ไม่พูดข้าก็เดาออก นายหญิงเพิ่งเสียไปไม่ทันข้ามวัน คุณหนูใหญ่ก็ถูกส่งออกไปแล้ว ไม่ต้องห่วงนะ ข้ารับรองว่าคุณหนูของพวกเจ้าจะปลอดภัย” หญิงชราเมิ่งลู่ออกปาก ไม่ต้องรอให้สหายเอ่ยปากบอก เพียงแค่มองตาก็รู้ใจแล้ว
ก็เพราะว่าฝูเจียวนั้น มีห่วงก็แต่เรื่องของฮูหยินไป๋ แต่ก็น่าเสียดายอายุยังน้อยก็จากไปเสียแล้ว ส่วนญาติทางฝั่งตระกูลไป๋นั้นอยู่ทางแดนใต้ของแคว้น เดินทางก็ไกลหลายหมื่นลี้ เป็นเรื่องยากที่จะส่งข่าวไป
ญาติตระกูลไป๋ก็ใช่ว่าจะยินดีรับหลานสาวแซ่เซียวไปดูแล เคราะห์หนักจึงตกมาใส่เมิ่งลู่ที่นั่งมองใบหน้าอันเหี่ยวย่น มีริ้วรอยแห่งวัยประดับอยู่บนใบหน้าของฝูเจียว “เอาละ ข้าต้องไปแล้ว คาดว่าน่าจะตามคุณหนูใหญ่ทัน หากนางยังไม่ตายระหว่างทางละก็นะ”
“ข้าขอฝากคุณหนูด้วย” แม่นมฝูกวักมือเรียกเมิ่งลู่เข้าไปใกล้ ๆ กระซิบบอกความลับเรื่องชาติกำเนิดของคุณหนูใหญ่ ที่ไม่มีใครล่วงรู้มาก่อน
กระทั่งใต้เท้าเซียวก็ยังไม่รู้ความลับที่ซ่อนเร้นมานานร่วมสิบปี
พอเมิ่งลู่รู้ความจริงนี้แล้ว ยกมือขึ้นปิดปากอ้าปากค้างอย่างตกใจ “จริงหรือ...มีเรื่องเช่นนี้ด้วยรึ”
“ใช่ เช่นนั้นข้าขอฝากเจ้าด้วย หากเจ้าพบคุณหนูแล้ว เอาของสิ่งนี้มอบให้นาง ให้นางไปหาคนผู้นั้นให้ได้” ยามที่คุณหนูออกเดินทาง
แม่นมฝูไม่ได้มอบของสำคัญไปให้ แต่กลับฝากของสำคัญไว้กับสหายแทน
เมิ่งลู่ยื่นมือรับป้ายหยกและห่อผ้าเล็ก ๆ ที่ปักลายมู่ตานเล็ก ๆ เอาไว้ “ในนี้มีของสำคัญ เจ้าอย่าทำหายเด็ดขาดเข้าใจหรือไม่”
“ได้ ของสำคัญนี้ข้าจะมอบให้ถึงมือนาง”