EPISODE 04-02
ภาพบาดตา
แทะโลมได้เพียงอึดใจเดียวสายตาคมก็ไปหยุดอยู่ที่รอยแผลเป็นด้านหลังมือขวา เขาลูบมันอย่างอ่อนโยน จากนั้นก็ตัดใจปล่อยมือเรียวสวยนี้คืนเจ้าของ
“ผมร้อนใจจัง ผมว่าผมกลับก่อนดีกว่า อยากรู้ว่าจะมีคนตามมาลอบทำร้ายผมไหม ถ้าผมคือเป้าหมายมันต้องมีอะไรผิดสังเกตบ้าง”
“จะไปแล้วเหรอ งั้น... คุณจะมาที่นี่เมื่อไรก็มาได้ตลอดเลยนะ ผมบอกบอดี้การ์ดไว้แล้วว่าให้ต้อนรับคุณทันทีโดยไม่ต้องมาขออนุญาตผม”
“ถึงว่าสิ วันนี้พวกเขาไม่ถามอะไรผมเลย ปล่อยเข้ามาง่ายเชียว”
“พวกเขารู้ ว่าเจ้านายอยากเจอคนนี้เป็นพิเศษ”
พูดจบจิรากรก็เสยผมขาวโปรยเสน่ห์ดีไซเนอร์หนุ่มไปหนึ่งที ทว่าได้รับกลับมาเพียงการกลอกตามองบนแล้วหันหลังเดินออกไป นอกจากจะไม่มีท่าทีหลงเสน่ห์แล้วยังแสดงออกชัดเจนว่ารำคาญ
‘รัญ คุณน่ารักจัง’
เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเมื่อคล้อยหลังแขกคนพิเศษไปแล้ว เพียงชั่วอึดใจหนึ่งเขาก็ละทิ้งความสนใจจากอีกฝ่ายแล้วมานั่งทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้น พออยู่คนเดียวทีไร เขาจะรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทุกที
ที่บอกว่าคำสาปนั้นมันกัดกินจิตใจเขานั่นคือเรื่องจริง สภาพจิตใจของคนที่รู้ว่าตนเองกำลังจะตายทั้งที่ไม่อยากตาย มันทรมานเหลือเกิน พยายามจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่างมีความสุขแล้ว แต่ซ้ำร้ายยังมีคนคิดจะสร้างความหวาดกลัวเรื่องพวกนี้เพิ่มขึ้นอีก
หลังจากที่อัครา พ่อของเขาเสียไป หลายครั้งจิรากรพยายามหาวิธีถอนคำสาป แต่มันก็จนมุมทุกครั้ง วิธีที่เขาคิดได้คือการหาหมอผีหรือผู้ชำนาญด้านไสยศาสตร์มนตร์ดำมาช่วยเหลือ ทว่าพอคิดว่าที่ผ่านมาก็เห็นพ่อเขาทำมาตลอด แล้วมันไม่เคยได้ผล
คิดจะสืบหาเรื่องในอดีตก็ยากเหลือเกิน อยากรู้ว่าเรื่องพวกนี้มันเริ่มจากตรงไหน เผื่อจะแก้ไขอะไรได้ แต่คนในอดีตก็ไม่เหลือให้เขาถามสักคนแล้ว ‘โอลิเวีย’ คุณย่าของเขาก็จากโลกนี้ไปหลังจากพ่อของเขาเสียไม่นาน
นึกเสียดายที่ตนเองสนใจเรื่องคำสาปนี้น้อยเกินไปมาก ไม่คิดจะถามรายละเอียดกับผู้เป็นพ่อด้วยซ้ำ เอาแต่คิดไปเองว่ามันไร้สาระ จนกระทั่งสูญเสียพ่อไปกะทันหัน เพิ่งจะเชื่อเรื่องคำสาปอย่างสนิทใจก็หลังจากนั้นเอง ซึ่งมันทำอะไรไม่ได้แล้วในเมื่อเขาไม่มีข้อมูลของเรื่องในอดีตเลย
แต่ในเรื่องเลวร้ายก็ยังมีเรื่องดี จิรากรรู้สึกโชคดีที่หารัญกรเจอก่อนที่ตัวเขาจะจากไปตอนอายุสามสิบห้าปี อย่างน้อยช่วงเวลาหนึ่งปีที่เหลือนี้ ก็ขอสร้างมิตรภาพดี ๆ กับคนนี้สักหน่อย ถูกชะตาตั้งแต่เมื่อสามปีก่อนแล้ว
ฮัดชิ้ว!!
รัญกรยกมือป้องปากจามก่อนเปิดประตูเข้าไปในร้าน ตอนนี้ฟ้ามืดแล้ว ตกเย็นแบบนี้ลูกน้องจะช่วยกันปิดร้าน จากนั้นก็เริ่มคิดเมนูอาหารเย็น ในแต่ละวันพวกเขาจะกินข้าวด้วยกันก่อนแยกย้ายกันกลับที่พัก
“พี่รัญ ออกไปกินสเต๊กกันไหมพี่ มีร้านเปิดใหม่ซอยข้าง ๆ”
“อ๋อ ไปสิ พี่ไปด้วย”
ลูกน้องสามคนดีใจใหญ่ เพราะถ้ารัญกรได้ร่วมมื้ออาหารด้วยเมื่อไรมักจะเป็นเจ้ามือเลี้ยงทุกคนตลอด การกินข้าวหรือสังสรรค์ด้วยกัน ถือเป็นอีกจุดหนึ่งที่ทำให้พวกเขาสนิทกันมากขึ้น
“พี่รัญคะ ตอนพี่ไม่อยู่มีลูกค้าเข้ามารับชุดไปคนหนึ่งนะ คุณตั้มน่ะ ถามถึงพี่รัญใหญ่เลย”
“ดีแล้วไม่เจอกัน ไม่งั้นเขาชวนพี่ออกไปกินข้าวแน่เลย พี่ไม่อยากไปหรอก”
“เขาก็จีบพี่มาตั้งหลายเดือนนะ ไม่ใจอ่อนหน่อยเหรอคะ หนูว่าเขาหล่อออก รวยด้วย”
รัญกรส่ายหัวเพราะมันเป็นไปไม่ได้ คุณตั้มพยายามเข้าหาเขาอย่างชัดเจน แสดงออกหลายครั้งว่าสนใจในตัวเขา พูดได้เต็มปากว่าจีบ แต่ก็ได้เท่านั้นเพราะรัญกรไม่เล่นด้วย นอกจากคุยเรื่องงานก็ไม่เคยแบ่งเวลาส่วนตัวให้คุณตั้มเลย
“แต่ผมว่าคุณจิรากรหล่อกว่า ไม่รู้สิ เขาดูมีเสน่ห์มาก แต่เรื่องนิสัยกับฐานะผมไม่รู้แฮะ”
“ก็น่าจะรวยนะ บ้านเขาหลังใหญ่ขนาดนั้น”
ส่วนนี้คงไม่มีข้อโต้แย้งอะไรกลับไป รัญกรยอมรับในความหล่อ มีเสน่ห์ เจ้าเล่ห์ ยิ้มหวาน เรื่องความรวยไม่ต้องพูดถึง เหลือกินเหลือใช้ขนาดนั้นก็คงต้องบอกว่ารวยมาก ส่วนนิสัย... ก็ไม่รู้เหมือนกัน เจอกันแต่ละครั้งมีแต่เรื่องปวดหัว
พวกเขาปิดร้านและพากันเดินออกไปร้านสเต๊กที่อยู่ซอยข้าง ๆ กับห้องเสื้อ ลูกน้องแต่ละคนสั่งสเต๊กคนละเซตด้วยความหิวโหย บางเซตมีสเต๊กสองชิ้น บางเซตได้ไก่ทอดเพิ่ม ส่วนของรัญกรสั่งสเต๊กหมูมาชิ้นเดียวเท่านั้นเพราะไม่หิวมาก พอดีกินข้าวกับจิรากรมาบ้างแล้ว
“อร่อยไหมพี่รัญ ผมว่าใช้ได้เลยนะเนี่ย ราคาก็ไม่แพง”
“สเต๊กปลาของหนูก็อร่อย ปลาไม่คาวเลย วันหลังมากินอีกดีกว่า”
“พี่ว่าก็โอเคนะ แต่หมูอบอร่อยกว่า”
ซัน แซน และบีต่างก็หันมองเจ้านายด้วยความไม่เข้าใจ หมูอบที่ไหนอร่อยกว่า แต่ก็คงอร่อยถูกใจรัญกรแน่นอน ไม่อย่างนั้นคงไม่ยิ้มไปชมไปแบบนี้
ระหว่างมื้ออาหารพวกเขาได้พูดคุยเล่นกันอีกหลายเรื่อง รัญกรพยายามสังเกตรอบตัวว่ามีอะไรผิดปกติไปหรือเปล่า มีใครสะกดรอยตามเขามาไหม ยังคิดไม่ตกกับเรื่องที่เกิดขึ้น ข้องใจไม่หายว่าเป้าหมายของเรื่องที่เกิดขึ้นคือใครกันแน่ ตัวเขาหรือจิรากร
“พี่รัญ ๆ แล้วตกลงชุดสูทที่พี่เอาไปส่งวันนี้มีอะไรแก้ไหมพี่?”
“เอ่อ...”
ตายละหว่า ลืมคุยเรื่องงานจนได้!!
“กระดุมด้วย ตกลงคุณจิรากรเขาเลือกแบบใหม่หรือยัง เดี๋ยวพรุ่งนี้หนูดีลของให้เลย”
“เอ่อ... เดี๋ยวพี่บอกอีกทีนะ เขายังไม่ได้เลือกเลย วันนี้พี่ก็ไม่เจอเจ้าของชุดก็เลยไม่ได้ลอง”
“อ้าว เห็นไปนานมากกกกก เรายังคุยกันอยู่เลยว่าไปนานแบบนี้เขาต้องสั่งแก้แน่ ๆ หรือไม่ก็ถูกใจงานจนต้องสั่งตัดชุดเพิ่ม ก็เลยเลือกแบบกันนาน”
“เปล่า ๆ พี่ไปนั่งคุยกับคุณจิเขาเฉย ๆ ไม่มีอะไรหรอก”
“อย่าบอกนะว่าเขาจีบพี่รัญ”
“บ้าแล้ว ไม่หรอก เขาก็คงเจ้าชู้ไปเรื่อย”
แม้จะหาเหตุผลรองรับที่ถูกมองด้วยสายตาหวานหยดนั้นไม่ได้ แต่คงไม่ใช่การจีบหรอก คงเป็นความแพรวพราวของจิรากรมากกว่า ที่ทำตาหวานไปเรื่อยตามประสาคนเจ้าชู้
สักพักใหญ่กว่าทุกคนจะแยกย้ายกัน ซันและแซนกลับบ้าน บีกลับคอนโดฯ รัญกรจึงเดินมาส่งขึ้นแท็กซี่ ส่วนตัวเองก็เดินกลับมาที่ร้านด้วยความระแวดระวังความปลอดภัยรอบตัว แม้กระทั่งเข้ามาในร้านแล้วก็ยังเดินดูรอบหนึ่งก่อน เผื่อมีใครแอบซุ่มทำร้ายอยู่
เมื่อรู้สึกปลอดภัยจึงเดินขึ้นมาที่ชั้นสอง เป็นที่พักของเขานั่นเอง ทั้งตึกนี้จะมีสองชั้น สามคูหา ชั้นสองชั้นจะทุบกำแพงทะลุกันหมดจนเป็นโถงกว้าง ชั้นล่างจัดแบ่งโซนใหม่เป็นห้องเสื้อ โดยมีโซนรับลูกค้า โซนตัดเย็บ โซนลองชุด และแขวนเสื้อผ้า
ส่วนชั้นบนจัดแบ่งพื้นที่เป็นโถงกว้างด้านหน้า และแบ่งเป็นสองห้องย่อย ห้องหนึ่งเป็นห้องนอน อีกห้องหนึ่งเป็นห้องเก็บของ แล้วก็เป็นห้องซ้อมมีดไปในตัว
ในห้องนั้นจะมีแท่งโฟมทรงยาวและหนาเหมือนเสาถูกมัดขึงไว้กับราวผ้าสองข้าง ใช้ของที่พอหาได้มาประดิษฐ์แก้ขัดไปก่อน สภาพของมันพรุนไม่เหลือชิ้นดี เพราะรัญกรจะชอบร่อนมีดปักโฟมแท่งนี้เวลาเขามีเรื่องไม่สบายใจ
การระบายอารมณ์แบบที่เขาถนัด จะทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้น...
21.00 น.
ความว้าวุ่นทำให้รัญกรสงบใจไม่ลง เขาหยุดคิดเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้เลย เป็นครั้งแรกที่การร่อนมีดสั้นปักกับเสาโฟมแล้วอารมณ์ไม่ดีขึ้นเลย
กำลังคิดว่าเขาไปขัดแข้งขัดขาใครเข้าตอนไหน เขากับจิรากรเกี่ยวข้องกันอย่างไรถึงเกิดเรื่องแปลกขึ้นทุกครั้งที่ไปที่นั่น ตัวเขาอยากอยู่อย่างสงบ ไม่อยากข้องเกี่ยวกับความวุ่นวายของใครเลย แต่ก็กลัวว่าคนที่อยู่เบื้องหลังจะรู้เรื่องของเขาในอดีตเหมือนที่จิรากรรู้ กลัววันหนึ่งเรื่องในอดีตจะถูกเปิดเผย
ถ้าโดนเอาจุดนี้ขึ้นมาเล่นงานรัญกรคงแย่แน่ ๆ เพราะเมื่อไรที่งานลับนั้นถูกเอามาพูดในที่กว้าง ข้อมูลคนที่ถูกฆาตกรรมจากการจ้างฆ่าหลุดออกมา มันจะซวยทั้งคนกลางที่รับงานอย่างเขา จะพังทั้งองค์กรลับในตลาดมืด แน่นอนว่าถ้าเป็นอย่างนั้นองค์กรต้องส่งคนมาฆ่าเขาแน่ ต้องทำทุกทางไม่ให้สาวไปถึงคนบงการ
มันชักจะไปกันใหญ่แล้ว ถ้าลดกรอบความสงสัยให้แคบลงไม่ได้ อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น
แต่เรื่องที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่งคือเรื่องชุดสูทของจิรากร เมื่อหัวค่ำโทรไปหาก็ไม่รับสาย เมื่อครู่โทรไปอีกก็ไม่รับสายเช่นกัน รัญกรร้อนใจเพราะพรุ่งนี้เป็นวันปิดรอบของแบรนด์นี้แล้ว หากยังต้องการกระดุมแบรนด์ดังกล่าวอยู่ก็ต้องได้คำตอบวันนี้ เพราะถ้าไม่ทันรอบนี้คงต้องรอเปิดการสั่งซื้ออีกทีเดือนหน้าเลย
เอาวะ ไปก็ไป...
เขาตัดสินใจขับรถออกไปหาจิรากรที่บ้านอีกครั้ง ตั้งใจจะไปถามแค่เรื่องกระดุมเพราะโทรไปก็ติดต่อไม่ได้สักที เมื่อขับรถมาถึงหน้าบ้าน ครั้งนี้ไม่ต้องลดกระจกลงเลย บอดี้การ์ดเห็นว่าเป็นรถของรัญกรก็เปิดประตูบ้านให้เข้าไปแต่โดยดี
อีกครั้งที่เขามองชายชุดดำเจ็ดคนที่ยืนเรียงอยู่หน้าทางเข้าบ้านด้วยความหวาดระแวง อดคิดไม่ได้ว่าหนึ่งในนี้หรือเปล่านะที่อยู่เบื้องหลัง แต่กวาดตามองดูแล้วเขาไม่ได้รู้จักใครสักคนเลยนี่นา
ตึก ตึก ตึก
“คุณจิ”
“...”
ไร้ซึ่งการตอบรับจากเจ้าของบ้าน ป่านนี้คงไม่อยู่ชั้นล่างแล้ว น่าจะอยู่บนห้องนอน แล้วบอดี้การ์ดก็ไม่มีใครเข้ามาทักทายหรือถามไถ่รัญกรเลยสักคน ยอมให้เดินเข้ามาในบ้านง่าย ๆ เสียอย่างนั้น จิรากรคงกำชับลูกน้องไว้อย่างที่เขาบอก
“ผมขึ้นไปข้างบนนะครับ”
ก่อนขึ้นไปเขาหยิบของที่วางอยู่บนโซฟาขึ้นไปด้วย นี่ชุดสูทของจุลเกียรติกับเจตพิพัฒน์ยังอยู่ในถุงเหมือนเดิม หนังสือเสนอแบบชุดกับแบบกระดุมก็เช่นกัน รู้ทันทีเลยว่ามันไม่ได้ถูกหยิบขึ้นมาดูแม้แต่น้อย
ตึก ตึก ตึก
“อ้า...”
เสียงดังแว่วออกมาจากในห้องนอน รัญกรเห็นว่าประตูปิดไม่สนิท จึงยื่นหน้าไปส่องดูด้านในก่อน
สิ่งที่เขาเห็นพาให้หัวใจหล่นลงไปถึงตาตุ่ม จิรากรกำลังสำเร็จความใคร่กับของเล่นผู้ใหญ่ชิ้นหนึ่ง!! ลักษณะเหมือนบั้นท้ายไม่มีผิด เขาวางมันไว้ที่ขอบโต๊ะ ร่างสูงสวมเพียงชุดคลุมอาบน้ำตัวเดียว กำลังสอดใส่แกนกายเข้าไปในความคับแน่นของยางพารารูปทรงกลมมนสองลูกนี้อย่างเป็นจังหวะ
รัญกรกลืนน้ำลายอึกใหญ่ หัวใจเต้นถี่เร็ว เป็นครั้งแรกที่เขาเคยเห็นกิจกรรมแบบนี้ของคนอื่น น่าตกใจอย่างมากที่ของเล่นผู้ใหญ่ชิ้นนี้มันชัดเจนว่าเป็นก้น เป็นไปได้หรือที่จิรากรจะมีรสนิยมแบบนี้ เขาน่ะหรือจะชอบผู้ชาย?
ตาสวยคู่นี้แอบมองไม่กะพริบ ทว่าเพียงอึดใจเดียวคนในห้องก็เสร็จสมอารมณ์หมาย ปลดปล่อยเข้าไปข้างในทุกหยาดหยด เวลานี้เองที่รัญกรเริ่มได้สติ เขาถอยหลังห่างจากประตูหลายก้าว
ให้พูดตามตรงคือเขาไม่กล้าเข้าไปในห้องนอนของจิรากรตอนนี้ เข้าใจว่าคนเพิ่งเสร็จกิจคงจะเหนื่อย ควรให้เวลาเขาได้พักและเก็บอุปกรณ์
ตึกตัก ตึกตัก
มือเรียวยกขึ้นมากุมอกซ้ายที่เต้นแรงเอาไว้ สองเท้าเปลี่ยนองศาเดินย้อนกลับทางเดิม ไว้พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่แล้วกัน เขาเดินย่องหอบของลงมาวางไว้ที่โซฟา แล้วรีบเดินออกมาจากตัวบ้านตรงดิ่งไปยังรถยนต์ของตนเอง
สองมือกุมแก้มเอาไว้ตลอดเวลา ใบหน้าเห่อร้อนอย่างไร้สาเหตุ ตอบไม่ได้เลยว่าอาการมันว้าวุ่นขนาดนี้เพราะเห็นจิรากรทำกิจส่วนตัว หรือรู้ว่าจิรากรก็ชอบผู้ชายเหมือนกัน ถ้าเป็นอย่างหลังก็รสนิยมเดียวกับรัญกรเลยนี่นา