ร่างสูงยืนไหล่ตกอย่างปวดใจขณะกวาดสายตาแดงก่ำมองไปรอบๆบ้านที่ไม่มีภรรยาและลูกอยู่ เขามารับไม่ทันและคงคลาดกันตรงไหนสักที่ แต่อย่างน้อยๆ ยังดีที่เธอและลูกปลอดภัย นิ้วเรียวยาวสั่นเทาหยิบบุหรี่ขึ้นสูบพร้อมพ่นควันคลุ้งห้อง สังเกตจากร่องรอยการอาศัยเหมือนว่าซารีนและลูกเพิ่งจะไปก่อนเขาเพียงไม่นาน
“เห้อ”
พื้นรองเท้าผ้าใบเกรอะโคลนบี้มวนบุหรี่บนพื้นห้องนอนก่อนสาวเท้ายาวๆออกจากบ้านเพื่อตามหาเธอที่อื่น
โจว์อาร์ยืมรถญาติขับกลับมาตามหาภรรยาและลูกเมื่อได้สติจากการเมาหนักเมื่อคืนก่อนเกิดเหตุสองวัน หลังจากนั้นก็วิ่งวุ่นหนีภัยกันจนผ่านมาวันที่สองพอทราบข่าวว่าที่นี่จะกลายเป็นเมืองบาดาลในไม่ช้า
ผมยาวเลยบ่าปล่อยกระเซิงข้ามวันเพิ่งนึกได้ว่าต้องรวบก็ตอนพบยางรัดผมบนพื้นดินโคลน
“หืม?”
พบรอยเท้าเล็กและรอยรองเท้าขนาดใหญ่ซึ่งมั่นใจว่าไม่ใช่เท้าเขา ส่วนรองเท้าเล็กๆนั้นเขารู้ดีว่าเป็นของซารีนและพื้นรูปดาวนั้นเป็นเครื่องยืนยันได้
ปัญหาในตอนนี้คือเธอไปกับใคร ความคุกรุ่นสุมขึ้นในอก ทั้งเป็นห่วงและหวงแทรกแซงกันวุ่น
....................
“แล้ว คุณชื่ออะไรคะ?”
เสียงเล็กเอ่ยถามหลังจากเขาและเธอเงียบกันมานานเกือบชั่วโมง บรรยากาศด้านนอกมืดสนิทจนน่ากลัวจึงพยายามหาเรื่องสนทนากับเขาเผื่อจะลดความตึงเครียดได้บ้าง
“ออ ฉันเหรอ เรียกสั้นๆว่าเมแกนก็ได้”
“ค่ะ คุณเมแกน”
“แล้ว เธอเป็นคนซุนดาลีจริงๆหรือ ทำไมหน้าตาออกแถบเอเชีย”
“ใช่ค่ะ ฉันมาจากเอเชีย ไม่ใช่คนซุนดาลี ที่จริงฉันชื่อรสริน คนที่นี่เรียกยากเลยเปลี่ยนให้เป็นซารีน”เธออธิบายด้วยแววตาเป็นประกาย ถ้าไม่นับความอึมครึมในบ้านสามีแล้ว ผู้คนที่นี่ใจดีและเป็นมิตรกับเธอมาก
“ออ งั้นฉันเรียกโรส ได้สินะ”
“ได้สิคะ” เธอตอบกลั้วเสียงหัวเราะน้อยๆ แค่ช่วยชีวิตเธอและลูกก็เป็นพระคุณมากโข เพียงเรียกชื่อที่แปลว่า กุหลาบ ทำไมจะไม่ได้เล่า
“ถ้าให้เดาว่ามาจากประเทศอะไร อืม..เจแปนนิส ..ไชนิส ..”
เมื่อทายมาทั้งสองแล้วเธอยังอมยิ้มและส่ายหัว มาเฟียหนุ่มจึงเริ่มทายต่ออย่างอารมณ์ดี
“ไทยแลนด์?”
“ค่ะ”
“ว้าว”
ดวงตาคมวาววับ เหมือนจะถูกชะตากับสาวไทยเสียจริง เพราะมาเรีย หรือมาริสาหญิงสาวที่เขาหมายปองเอาไว้เมื่อสามวันก่อนก็เป็นคนไทยเช่นกัน
เขามีโอกาสได้ไปชื่นชมผลงานศิลปะของจอห์น ศิลปินผู้ตกอับชีวิตหันเหเป็นช่างสักลายให้กลุ่มดาร์คเพราะรายได้ดีและสบายกว่า เมื่อพาผองเพื่อนไปที่บ้านจอห์นเพื่อลงลายสักตามตัว เพื่อฆ่าเวลาระหว่างรออย่างเบื่อหน่ายจอห์นได้เปิดห้องลับให้ชมผลงาน ดวงตาสะดุดกับภาพหญิงสาวใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักบนฝาผนัง ผิวขาวผ่องพวงแก้มนวลปรั่ง ร่างอรชร นอนอยู่บนทุ่งดอกไม้ท่ามกลางหมู่ภมรราวกับเจ้าหญิงหลุดมาจากเทพนิยาย ไม่คาดคิดเลยว่า เด็กสาวคนนั้นมีตัวตนจริงหาใช่จินตนาการ
ฟรังโก เมแกน สนใจจนถึงขั้นดึงแขนจอห์นไปสอบถามความเป็นมาของมาริสา หรือมาเรีย จึงทราบว่าเธอเป็นลูกสาวคนเล็กของจอห์น
“ใช่ครับ เธอคือลูกสาวคนเล็กของผมกับภรรยาอีกคนที่เมืองไทย แปลกใจใช่มั้ยล่ะ ฮ่าๆ เธอสวยเหมือนแม่ ไม่เหมือนผมสักนิด” เสียงหัวเราะที่ไม่ได้บ่งบอกว่ากำลังมีความสุข
ร่างท้วมเดินลากเท้า ปรากฏรอยยิ้มหม่นหมองบนใบหน้าเหี่ยวย่นตามวัยหกสิบปีเศษ
“ลูกสาวคุณสวยมาก” เอ่ยราวกับละเมอเอื้อมมือไปลูบไล้ภาพนั้นอย่างหลงใหล
“ครับ เธอเพิ่งจะสิบสามปี ผมเสียใจมากที่ภรรยาผมเธอจะประเคนลูกสาวสุดที่รักไปให้เสี่ยในเมืองไทยเพื่อล้างหนี้”
“หืม? เธอเพิ่งจะสิบสามนะ”
“เรา ..เราไม่มีทางเลือกครับคุณเมแกน ธุรกิจพังถูกเพื่อนหักหลังจนไม่เหลืออะไรเลย ธุรกิจของภรรยาที่เมืองไทยก็ถูกฟ้องล้มละลาย และตอนนี้เธอยังต้องหาเงินจำนวนมากมาให้ผมทำคีโมอีก”
“คุณเป็นอะไร จอห์น?”
“มะเร็งสมอง” ตอบเปื้อนยิ้ม “หึ ถึงจะเพิ่งเริ่มแรก แต่รู้ว่าคงอยู่ชมลูกสาวแสนสวยได้ไม่นาน”
“ถ้าเปลี่ยนจากเสี่ยนั่นเป็นผม คุณจะว่าอะไรมั้ย?”
“หา?”
“ไม่รู้สิ เหมือนผมกำลังหลงรักเด็กสาวคนนี้เข้าแล้วสิจอห์น คุณต้องการเท่าไหร่ผมพร้อมจ่ายทุกอย่าง แค่คุณดูแลลูกสาวให้ดีจนกว่าถึงเวลาเหมาะสมที่ผมจะครอบครอง”
“อุแว้ อุแว้”
เสียงร้องไห้ของเอเดนปลุกให้เขาตื่นจากภวังค์
“ชู่วว ไม่เอาไม่ร้องนะเอเดนคนเก่ง” เธอเงยหน้าขึ้นหันไปมองเขาที่กำลังตั้งใจขับรถอยู่ “เอ่อ คุณ ฉันจะให้นมลูกค่ะ”
“ฉันไม่ดูหรอกน่า ไม่เห็นหรือว่ากำลังขับรถอยู่ ดูสิทางโค้งเยอะจัด” เขาบ่นพึมพำแต่แว้บหางตาเหล่มองแล้วแอบอมยิ้มคนเดียว
“ฉันเคยไปเมืองไทย ทะเลที่นั่นสวยมาก”
..ที่สวย ไม่ใช่แค่ทะเลหรอก แอบต่อท้ายประโยคเพียงในใจ
ไม่เคยรู้สึกเสียดายผู้หญิงคนไหนเท่าเธอเลยให้ตายเถอะ น่าจะเจอเธอเร็วกว่านี้ แต่จะว่าไปเด็กนิ้วกลางนั่นก็น่าเอ็นดูเสียเหลือเกิน รู้สึกถูกชะตาเจ้าหนูเอเดนแฮะ ไม่น่าเกิดมาในช่วงเวลาแบบนี้เลย ถ้าเขาไปส่งเธอถึงที่แล้วต่อจากนี้เธอและลูกจะใช้ชีวิตอย่างไรต่อ จะกินจะอยู่อย่างไรหนอ?
เมื่อรู้สึกเป็นห่วงเธอและลูกในอนาคตข้างหน้าจนไม่อาจอยู่เฉยได้ รถยนต์คันหรูส่งสัญญาณให้ลูอิสซึ่งขับตามหลังชะลอความเร็วลดลงตาม
“เกิดอะไรขึ้นคะ?”
“เรามาถึงที่ปลอดภัยแล้ว ฉะนั้นก็ค้างคืนที่นี่แล้วกัน”
“หือ? แล้วที่นี่ที่ไหนคะ?”
“เข้าเขตภาคกลางแล้ว แต่หาที่พักตอนนี้คงยากหน่อย เพราะข้างหน้ากำลังเกิดจลาจลหนักเราเลยต้องพักตามข้างทางนี่แหละ”
เมื่อมองสีหน้าหวาดกลัวของเธอแล้วเขาจึงเอื้อมมือไปแตะไหล่มนเบาๆ
“ไม่ต้องกลัวนะ”
“อุ๊ย”
ไหล่บางสะดุ้งไหวพยายามเบี่ยงออก
“โอเคๆ ไม่แตะก็ได้” สองมือยกขึ้นราวกับถูกปืนจ่อ “ฉันไม่ทำร้ายพวกเธอหรอกน่า ขับรถมาทั้งวันก็อยากจะนอนพักเอาแรงบ้างสิ เดี๋ยวจะกางเต็นท์ให้เธอและลูกนอนข้างล่าง.. ส่วนฉันจะนอนบนรถ โอเค๊?”
ระหว่างกางเต็นท์และก่อกองไฟนั้นเขาสั่งให้ลูอิสขับรถออกไปทำธุระในเมืองและหาของกินมาด้วย ร่างใหญ่ยืนพิงต้นไม้แอบมองรสรินคุยเล่นกับเอเดนบนรถพลางทอดถอนใจ จะให้เธอเผลอไผลมีใจให้กับเขาคงยาก ไม่ว่าสถานการณ์จะพาไปสักแค่ไหน กุหลาบดอกนี้แข็งแกร่งเกินคาด
ถ้าเอ่ยปากออกมาสักคำ ว่าต้องการให้เขาช่วยเหลือ เขาจะพาเธอกลับอิตาลีทันที
“มาแล้วครับนาย”
ลูอิสวิ่งมาหาเจ้านายพร้อมกระเป๋าใบใหญ่หนักอึ้งบนหลังพลางปาดเหงื่อป้อยๆ
“แล้วมึงมายังไง?”
“ขโมยมอเตอร์ไซค์แถวนั้นมาครับ แต่ดั๊นน้ำมันหมดกลางทางผมเลยได้วิ่งมาเนี่ย”
“มึงก็โง่ไม่แลกกับรถเล็กสักคัน เห้อ ..อืมๆ เอาของไปเก็บไป”
เขารีบสั่งให้ลูอิสเอากระเป๋าไปเก็บบนรถขณะที่รสรินเดินตรงมายังพวกเขา
“อ้าว เค้าขับรถไปนี่นา แล้วทำไมเค้าถึงได้วิ่งกลับมาแบบนี้ล่ะคะ”
“อ๋อ รถมันเสียน่ะ เธอรีบไปหาอะไรกินเถอะลูกน้องฉันขนมาเพียบเลย”
“ขอบคุณนะคะ”
“เอเดนหลับแล้ว?”
“ค่ะ หลับแล้ว...ฉันต้องขอบคุณคุณมากๆนะคะที่ช่วยฉัน ไม่รู้จะตอบแทนอย่างไรนอกจากคำว่าขอบคุณจริงๆค่ะ” เธอพนมมือไหว้ก้มศีรษะลงต่ำ แล้วเงยหน้าขึ้นสบดวงตาคมเข้ม
เธอจะรู้ไหม ว่ายิ่งส่งรอยยิ้มแบบนี้ สบตากันแบบนี้ มันยิ่งอันตรายกว่าการที่ยอมให้เขาจับมือ หรือแตะไหล่อีก
‘ขอจูบแทนคำขอบคุณได้ไหม?’
แอบตั้งคำถามในใจเพราะรู้ดีว่าหากเอ่ยออกไปนอกจากจะไม่ได้จูบแล้ว หล่อนคงหอบลูกระเห็จออกไปกลางดึกแน่
“เอ่อ มีอะไรติดหน้าฉันหรือคะ?” เธอถามออกมาด้วยความซื่อเพราะเขาจ้องหน้าเธอนานผิดปกติ มือเล็กลูบใบหน้าตนเองด้วยความฉงน
“ฮ่าๆๆ เปล่านี่ ไม่มีอะไร เธอไปเถอะ”
ร่างใหญ่รีบเบี่ยงตัวหันหลังกวักข้อมือเสมือนขับไล่ กลัวว่าเธอจะอ่านใจเขาออกผ่านสีหน้าแววตา ไหนจะบุรุษกายอีก
“แหม ดูห่วงใยเป็นพิเศษนะครับนาย” ลูอิสยื่นใบหน้ามองเจ้านายอย่างรู้ทัน
“อืม ไม่รู้สิกูถูกชะตากับเธอและลูก แล้วก็สงสารด้วย น่าจะอยู่ที่ดีๆกว่านี้”
“อย่าบอกนะว่านายท่านของผมหลงรักเธอ ให้ตายสิครับเธอน่ะแม่ลูกอ่อน”
“ถ้าไม่รีบหุบปากกูเตะมึงนะ”
“ครับๆ หุบแล้วครับ ออ ผมเตรียมอาหารให้เจ้านายแล้วนะครับ”
“อืม กูยังไม่หิว เอาเบียร์สักกระป๋องพอ”
“หืม? นายท่านยังไม่ทานอะไรเลยนะครับ เห็นขับรถทั้งวัน แล้วพวกถุงห่อขนมปังนั่นก็เปื้อนดินโคลนแสดงว่าเธอเป็นคนกิน แล้วเจ้านายจะอิ่มได้ยังไง?”
“เถอะน่า รู้แค่ว่ากูอิ่มแล้วก็พอ”
เขาอมยิ้มอย่างมีเลศนัยทำเอาลูอิสตาโตพลางชี้นิ้วไปที่รอยเปื้อนคราบน้ำนมบนเสื้อยืดสีขาว
“มึงอย่าได้คิดทะลึ่งเชียว”
“ฮ่าๆๆ”
.............................
“อร๊ายยยย!”
เสียงหวานร้องขึ้นกลางดึกจนมาเฟียหนุ่มซึ่งเอนเบาะนอนบนรถสะดุ้งตื่นรีบวิ่งไปหาเธอที่เต็นท์
“โรส!”
ฟึ่บบ
“อุ๊บบ!”
เมื่อเขาดันทะเล่อทะล่าเข้าไปโดยไม่ได้บอกไม่.......กล่าวจึงพบเธอสภาพไม่ต่างจากตอนที่เขาเช็ดตัวให้