มีอะไรพิเศษหรือเปล่า

1465 Words
“ป้าอมรกับหลานนะ ชื่อน้องอร ช่วยงานในร้านซักรีด พี่ว่าจะชวนไปหาอะไรกินพร้อมกัน” “อ้อๆ เอาซิพี่จ๋า ไปกินหลายๆคนสนุกดี” จารวีพยักหน้าแล้วหมุนตัวเดินไปเรียกป้าอมรกับอรอุมา ทั้งสองกำลังปิดร้านอยู่พอดี “ไปกินจิ้มจุ่มกันค่ะ” จารวีชวน “มีอะไรพิเศษหรือเปล่าคะ” ป้าอมรถาม “โอ๊ย! ก็อยากกินไงคะ” จารวีหัวเราะคิกคักแล้วแนะนำน้องชายให้รู้จัก “นี่จามรค่ะ เรียกแจ็คก็ได้ น้องชายจ๋าเอง” “สวัสดีครับ” “ต๊าย พี่ก็น่ารัก น้องก็หล่อ สงสัยหน้าตาดีกันทั้งบ้าน” สองพี่น้องมองหน้ากันแล้วหัวเราะแก้เขิน ทั้งหมดเดินไปปากซอยซึ่งห่างไปประมาณสามสิบเมตร ร้านจิ้มจุ่มริมทางแต่ร้านหน้านั่ง สะอาดและสบาย ทั้งสี่นั่งลงแล้วสั่งเมนูที่ตัวเองชอบ จามรเห็นอรอุมาไม่ค่อยพูดก็เลยช่วยลวกตับ หมู ใส่จานให้เด็กสาว จารวีมองน้องชายแล้วอมยิ้ม ถึงจะเป็นน้องชายซนๆ ปากร้ายกับพี่สาวอย่างเธอ แต่เมื่ออยู่กับคนอื่นเขาก็มีความเป็นสุภาพบุรุษอยู่บ้าง เมื่อเห็นว่าน้องชายแสดงความมีน้ำใจก็อดมองด้วยสายตาชื่นชมไม่ได้ น้องชายแอบเขินสายตาของพี่สาวจึงก้มหน้าก้มตากินของตัวเองไป “ได้ทุนไปญี่ปุ่นเลยหรือเนี้ย เก่งจังค่ะ” ป้าอมรชมอย่างจริงใจ “ไปแค่สามเดือนเองครับ” เขาพูดอย่างเขินๆ “ญี่ปุ่นมีอะไรดีน๊า พี่จะได้ฝากซื้อมั้ง” “นั้นซิๆ เค้าว่าเครื่องสำอางของญี่ปุ่นดีๆทั้งนั้น แบบซองๆที่ป้าเคยเห็นขายที่ตลาดนัด” “ป้าคะ! พวกนั้นมันมาจากเกาหลี แล้วอีกอย่างคุณแจ็คไปเรียน ไม่ได้ไปเที่ยวจะมีเวลาซื้อของให้หรือคะ” “อุ้ย! ป้าลืมไป ขอโทษที คนแก่ก็อย่างนี้แหละ อย่าถือสาเลยนะ” “ไม่หรอกครับ ป้าอมรกับน้องอรอยากได้อะไรก็จดฝากพี่จ๋าไว้ก็ได้ ถ้าผมเจอจะได้ซื้อมาให้” “อย่าลืมของพี่ด้วยนะ” “ครับๆ” ทั้งสี่กินจิ้มจุ่มอย่างอร่อย เสร็จแล้วก็แยกย้ายกันกลับบ้าน จามรกับจารวีกลับมาที่อพาร์เม้นต์ เธออดมองห้องข้างๆไม่ได้ แต่ทุกอย่างเงียบสนิท ไม่รู้ว่าเจ้าของห้องกลับมาหรือยัง “มีอะไรหรือเปล่าพี่จ๋า” “ไม่มีอะไร เข้าห้องมาก่อนเถอะ” พี่สาวเปิดประตูให้น้องชาย เขามองรอบๆอย่างสำรวจ แน่นอนว่าคนเคยอยู่แต่ในบ้านมาอยู่ห้องเช่าแบบนี้ก็รู้สึกว่าห้องมันคับแคบมาก แต่พี่สาวก็จัดห้องได้ลงตัว มีที่ให้เขานอนสบายๆแม้จะนอนพื้นก็ตาม “อยากออกมาอยู่ข้างนอกแบบพี่จ๋าบ้างจัง” “แหม พูดจริงหรือประชดยะ” “จริงนะพี่จ๋า อยู่บ้านบ้างทีมันก็กดดันอ่ะ” น้องชายพูดตรงไปตรงมา “มันก็อย่างนั้นแหละ พ่อแม่เค้ารักเรานี่” “พี่จ๋าก็กดดันเหมือนกันนั้นแหละ” น้องชายพูดอย่างรู้ทัน “ได้ออกมาอยู่แบบนี้ก็ดีนะ พี่จ๋าจะได้ไม่เครียด” “รู้เหรอว่าพี่เครียด” จารวีถามอย่างแปลกใจ “แล้วพี่ไม่คิดว่าผมเครียดบ้างเหรอ” น้องชายยักไหล่ “เห็นผมเฮฮาบ้าบอแบบนี้ก็เครียดเป็นนะคร๊าบบบบ” สองพี่น้องหัวเราะกันออกมา นานแล้วที่จารวีไม่ได้คุยกับจามรแบบนี้ เธอผลักศีรษะน้องชายเบาๆ แล้วชี้ไปทางห้องน้ำ “ไปอาบน้ำก่อน เหม็นกลิ่นจิ้มจุ่ม” “ได้ครับคุณพี่สาว” จามรพูดแล้วเปิดเป้ตัวเองหยิบเสื้อยืดกับกางกางขาสั้นออกมา แล้วก็เดินเข้าไปในห้องอาบน้ำ จารวียิ้มให้น้องชาย จริงๆเธอก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับพี่ๆน้องๆในครอบครัวหรอก แต่เพราะ “กดดัน” จากพ่อกับแม่ทำให้เธอไม่ค่อยสนิทสนมกับพี่น้องคนไหนเป็นพิเศษ และดูเหมือนพี่น้องคนอื่นก็เป็นเหมือนกัน เพราะต้องการเป็น “ลูกรัก” ของพ่อกับแม่ ทำให้ต่างคนต่างพยายามที่จะ “ดีที่สุด” แต่ยิ่งทำเท่าไหร่ก็เหมือนยังไม่พอ ขนาดพี่ชายคนโตมีครอบครัวแล้ว พ่อกับแม่ยังคาดหวังให้มี “ครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ” อยู่เลย จารวีพักเรื่องครอบครัวแล้วเดินไปที่ระเบียงเล็กๆของห้องพัก เธอแอบชะโงกหน้ามองห้องข้างๆ มีเพียงความมืดมิดไร้แววเจ้าของห้อง คาดว่าเจ้าของห้องจะยังไม่กลับหรือไม่ก็ ... “อายจนไม่กล้ากลับห้องหรือเปล่านะ” เธอพึมพำเหมือนจะเป็นห่วง แต่พอนึกถึงข้อความที่เขาเขียนทิ้งไว้ในกระดาษ หญิงสาวก็ทำท่าขนลุก เป็นจังหวะที่ได้ยินน้องชายออกจากห้องอาบน้ำแล้ว “พี่จ๋า ที่นี่มีรหัสwi-fiให้ใช้ฟรีไหม” “มันใช้ได้แค่ห้องละรหัสนะ เอาโน้ตบุ๊คพี่ไปใช้ก่อนก็ได้นี่” “โอเค งั้นผมขอยืมโน้ตบุ๊คพี่ก่อนแล้วกัน” เด็กหนุ่มพูดขึ้น จารวีเดินกลับมาแล้วเปิดโน้ตบุ๊คให้น้องชาย ตัวเองก็เข้าไปอาบน้ำจัดการตัวเองบ้าง ไม่นานก็ออกมาพร้อมกับชุดพร้อมนอนเรียบร้อย เห็นน้องชายกำลังอ่านอะไรสักอย่างดูเคร่งเครียดก็อดถามไม่ได้ “มีอะไรหรือเปล่า” “อ้อ! เปล่าฮะ พอดีอ่านรายละเอียดที่จะไปญี่ปุ่น” “ดีจัง ได้ไปต่างประเทศ พี่ยังไม่เคยออกไปไหนไกลๆเสียที” “ผมก็ไม่รู้ว่าจะได้ไปไหนบ้าง หรือจะได้อยู่แค่ในโรงเรียนกับหอพักก็ไม่รู้” เขาทำหน้ายุ่ง “แหม! ไปเรียนนะจ๊ะ ยังไงคงได้ออกไปเปิดหูเปิดตาบ้างล่ะ” “แต่พี่จ๋า...ผมไม่แน่ใจว่าตัวเองชอบด้านดนตรีจริงๆ หรือเปล่า” จารวีมองหน้าน้องชายที่ทำหน้าเครียด เธอถอนหายใจเบาๆแล้วตบไหล่น้องชายให้กำลังใจ “ไหน เป็นอะไรว่ามาซิ” จามรยักไหล่ ก่อนจะตัดสินใจเล่าออกมาอย่างหมดเปลือก “ผมก็ชอบดนตรีนะ เล่นกีต้าร์ก็เพราะอยากโชว์หญิง พอเล่นอัดคลิปลงยูทูปมีคนเข้ามาดูเยอะเข้ามันก็ได้ใจไง หันเล่นหันร้องไปเรื่อยจนไปประกวดได้ทุนนั้นแหละพี่ แต่เหมือนพ่อกับแม่จะคาดหวังว่าผมต้องไปสอบเรียนคณะดุริยางค์ฯ จริงๆ ผมยังไม่มั่นใจเลยว่าชอบด้านนี้จริงๆ หรือแค่สนุกๆเท่านั้น” “พี่เข้าใจนะ แต่แจ็คก็ยังดีกว่าพี่ที่ยังได้ลองทำอะไรหลายๆอย่าง พี่ซิ ไม่รู้ว่าตัวเองถนัดอะไรหรือชอบอะไรเป็นพิเศษ พ่อแม่ถีบส่งให้เรียนคณะบริหารเพราะจะได้หางานง่ายๆ พี่ก็ทำตามโดยไม่คิดว่าตัวเองอยากจะลองทำอะไรใหม่ๆเลย” เป็นพี่เป็นน้องกันมาตั้งแต่เกิด เพิ่งจะได้คุยแบบเปิดอกกันครั้งแรก คงแบบนี้ละมั้ง น้องชายถึงอยากมาค้างคืนด้วย เพราะเครียดเรื่องที่บ้านนี่เอง “แล้วผมจะเอาไงดีละพี่จ๋า” “ก็อยากที่บอก แจ็คมีโอกาสแล้วก็ลองใช้โอกาสที่คนอื่นไม่มีดูซิ ไหนๆ ได้ไปถึงญี่ปุ่น ถ้าไม่ชอบ หรือรู้สึกว่าไม่ใช่ กลับมาบ้านก็ลองตัดสินใจดูว่าเรามีอย่างอื่นที่ชอบมากกว่านี้หรือเปล่า” “แล้วพ่อกับแม่ละฮะพี่” “ถ้าทางเลือกใหม่ของแจ็คน่าสนใจ พ่อกับแม่ก็คงไม่ว่าอะไรหรอก” พี่สาวให้กำลังใจน้องชาย จามรพยักหน้ารับ อย่างไรเขาก็อยากไปญี่ปุ่น เขาไม่เคยไปต่างประเทศเลยถือว่าได้เปิดหูเปิดตาอย่างที่พี่สาวบอกนั้นแหละ แล้วเด็กหนุ่มก็เปิดเวบไซต์ขึ้นแล้วเรียกให้พี่สาวมาดู “มีอะไรเหรอ เวบโป๊พี่ไม่ดูนะ” “บ้าซิพี่ ของแบบนั้นเค้าดูกับแฟนหรอก” “ต๊าย ตาย ตัวแค่นี้มีแฟนแล้วเหรอ อย่าบอกนะว่าเราเสียพรหมจรรย์ไปแล้ว” “พี่จ๋านี่ทะลึ่งจัง” น้องชายทำเสียงดุ “ผมจะให้พี่ดูนี่ เขาแนะนำเรื่องธุรกิจซักอบรีดต่างหาก” “ทำไมเหรอ” จารวีชะโงกหน้ามาดูที่หน้าจอโน้ตบุ๊ค “ก็ดูซิ รวยเป็นล้านด้วยธุรกิจซักอบรีด” น้องชายอ่านให้ฟัง “ทำไมล่ะ” จารวียังงงอยู่
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD