เปรมยื่นมือขยี้ผมกัมปนาถแล้วขับรถออกไป ชายหนุ่มยิ้มค้าง นอกจากพ่อแม่คนในครอบครัวแล้วไม่มีใครมาทำแบบนี้กับเขา แล้ว...แล้วมันออกจะแปลกๆอยู่นะ
“พี่เคนเป็นเกย์เหรอฮะ”
“เฮ้ย! กัปตันไปเอาอะไรมาพูดเนี้ย” กัมปนาถถึงกับสะดุ้ง ไม่คิดว่าหลานชายตัวน้อยจะยืนอยู่ใกล้ๆ แถมยังพูดจาชวนเสียวสันหลังอีกต่างหาก
“ใครๆก็รู้กันว่าครูเปรมเป็นเกย์”
“กัปตันครับ รู้ไหมว่าเกย์เป็นยังไง” กัมปนาถถามเจ้าเด็กตัวน้อยที่ยืดอกพูดเหมือนรู้ดี
“รู้ซิครับ ก็ผู้ชายที่ชอบผู้ชายด้วยกันไง”
“แล้วทำไมกัปตันบอกว่าครูเปรมเป็นเกย์ละครับ”
“ก็ครูเปรมมีแฟนเป็นผู้ชาย”
“เฮ้ย!” กัมปนาถร้องเสียงหลง “น้องกัปตันอย่าเอาเรื่องแบบนี้ไปพูดกับใครนะครับ มันไม่ดี”
“ไม่ดียังไงครับ” เด็กน้อยสงสัย
“คือผู้ชายที่สนิทกันก็เป็นเพื่อนกันได้ครับ ไม่ต้องเป็นแฟนกันเสมอไป กัปตันมีเพื่อนเป็นผู้ชายเหมือนกันใช่ไหมล่ะ”
เด็กน้อยพยักหน้าเข้าใจ กัมปนาถถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วจูงมือหลานชายเข้าไปนั่งเล่นกับปู่ย่า เขาเข้าไปช่วยพี่บัวชมพูเช็ดจานที่ล้างเรียบร้อยแล้ว
“พี่บัวได้ยินเรื่องไอ้เปรมบ้างไหม?”
“เรื่องอะไรล่ะ” บัวชมพูถามพลางเช็ดมือกับผ้ากันเปื้อน
“เอ่อ...มีคนบอกว่าไอ้เปรมเป็นเกย์”
“ก็เคยได้ยิน พี่ไม่ได้สนใจหรอก เป็นเกย์ไม่ได้เป็นฆาตกรโรคจิตเสียหน่อยนิ”
“สรุปว่ามันเป็นเกย์จริงๆหรือพี่บัว”
“อ้าว! เราเป็นเพื่อนเค้านี่ไม่รู้หรือไง พี่ก็ไม่มั่นใจหรอกนะ ได้ยินเค้าพูดต่อๆกันมาอีกที”
“ไม่รู้ซิพี่บัว สมัยมัธยมก็ไม่เห็นมันมีอะไรเลย ตอนเรียนมหาวิทยาลัยก็ต่างคนต่างไปเรียนคนละที่เลยไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น”
“แล้วยังไงล่ะ ถ้าเพื่อนเราเป็นเกย์จะไม่คบรึไง”
“เปล่าครับพี่บัว ผมไม่ใช่คนแบบนั้น เพียงแค่...ไอ้เปรมมันเพื่อนสนิทผม แต่ผมไม่รู้อะไรเลยมันก็เลยรู้สึกแปลกๆ”
“ก็แล้วไป นึกว่าไปชอบแบบเปรมเสียอีก”
“อ้าว! พี่บัวนี่ก็หาเรื่องให้ผมซะแล้วซิ”
“ก็เปิดตัวแฟนเสียทีซิ จะได้เลิกล้อไง”
“ครับๆ เดี๋ยวพามาเปิดตัวเลยจะได้เลิกบ่นเสียที”
กัมปนาถช่วยบัวชมพูเก็บจานชามเรียบร้อยแล้วก็มานั่งเล่นกับพ่อแม่ ช่วยสมัครไลน์กับเฟซบุ๊คไว้จะได้ติดต่อกันได้สะดวกมากขึ้น แต่พอว่างเขาก็อดคิดถึงเรื่องเพื่อนตัวเองไม่ได้ จะว่าไปก็ไม่เคยเห็นเปรมสนิทสนมหรือจีบผู้หญิงคนไหนเลย หรือว่าเราจะเด็ก เป็นวัยรุ่นอยู่ แล้วแถวๆบ้านก็ไม่ได้มีผู้หญิงคนไหนให้รู้สึกสะดุดตาด้วย เขาเองก็มาคบผู้หญิงเป็นเรื่องเป็นราวตอนเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว อกหักหลายหน โดยหลอกกินเงินไปก็หลายครั้ง ระยะหลังเขาเริ่มเบื่อๆเลยคบกันเป็นสนุกไปชั่วครั้งชั่วคราวสบายใจกว่า
แล้วจู่ๆ เขาก็นึกลายมือเหมือนเด็กมัธยมที่แปะหน้าประตูห้องของเขา เมื่อเช้าก็มองหน้าไม่เต็มตานัก แต่ดูๆไปก็น่ารักใสๆดี ไม่รู้ว่าจะสนใจมาประสานเสียงด้วยกันไหม?
...........
‘ขอโทษที่ส่งเสียงไปรบกวน แต่ถ้าสนใจจะประสานด้วยกันก็เคาะประตูเรียกได้นะครับ’
“กรี๊ดๆ”
จารวียืนร้องกรี๊ดๆกระทืบเท้าเร้าๆ แล้วเอื้อมมือไปฉีกกระดาษแผ่นนั้นออกมาจากบานประตู ขยำกระดาษทิ้งด้วยความโกรธแค้นแล้วรีบเดินไปไขกุญแจเข้าห้องตัวเอง ด้วยความโกรธและโมโห มือไม้สั่นจนกว่าจะไขกุญแจเปิดประตูก็หลายนาที มือเล็กผลักประตูเข้าไปแล้วก็ขว้างกระเป๋าสะพายของตัวเองลงบนเตียงด้วยความโมโห
“หน้าด้าน! เตือนกันดีๆยังไม่รู้ตัว มีหน้ามาชวนคนอื่นประสานเสียง ทุเรศที่สุด หน้าตาก็ดีไม่น่าบ้ากามเลย!!”
แล้วหญิงสาวก็เพิ่งนึกได้ว่าในกระเป๋าตัวเองมีโทรศัพท์มือถืออยู่ รวมทั้งเอกสารที่ใช้สมัครงานอีก เธอต้องรีบไปหยิบกระเป๋าออกมาดู โชคดีที่โทรศัพท์มือถือไม่พังไปเสียก่อน ไม่คุ้มเลยที่ต้องมาโมโหเพราะคนอื่น
ร่างบางเอนตัวลงนอนบนเตียงนอนขนาด3.5ฟุตของตัวเอง จิตนาการไปถึงคนห้องข้างๆ เตียงมันเอ๊ย!เขาอยู่ติดผนังห้องเธอหรือเปล่านะ ควรบอกให้มันเอ๊ย เขาจัดห้องใหม่ดีใหม่ เสียงเตียงกระแทกผนังจะได้ไม่ดังมาห้องของเธอ แล้วห้องเธอก็ขยับย้ายเตียงไม่ได้แล้วด้วย ตั้งตู้เสื้อผ้า ตู้เย็น ชั้นหนังสือ ทุกอย่างมันลงตัวอยู่แล้ว จะว่าไปปัญหาจริงๆมันไม่ได้อยู่ที่ตัวเธอเสียหน่อย อยู่ที่ไอ้บ้าหื่นกามห้องข้างๆ ต่างหากล่ะ
เธอเอนตัวลงนอนบนเตียงอย่างเหนื่อยล้า ควรดีใจที่น้องชายโทรศัพท์มาบอกว่าตัวเองได้ทุนไปเรียนซัมเมอร์ที่ญี่ปุ่นสามเดือน แต่เสียงของแม่พูดแทรกเข้ามา
“พี่ชายกับพี่สาวก็ได้เป็นครูบาอาจารย์มีคนนับหน้าถือตา น้องก็ได้ทุนไปเรียนซัมเมอร์ เหลือแต่ลูกคนกลางที่ไม่เอาไหนเสียเลย เรียนจบมาก็ได้ทำงานแค่ในร้านซักอบรีด”
ทำไมถึงอคติกันจัง ทำงานสุจริตมีเงินเลี้ยงตัวเองได้ก็น่าจะพอแล้ว ต้องเป็นงานที่มีหน้ามีตาในสังคมด้วยหรือไง พี่ชายกับพี่สาวของเธอ ถึงจะทำงานดีมีฐานะ แต่หนี้สินก็มากมายนัก พ่อกับแม่ยังต้องแอบๆช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายในบางเดือน น้องชายคนเล็กก็ไม่มีอะไรหรอก เขาก็แค่เด็กวัยรุ่น สนุกสนานกับชีวิตที่เธอเข้าใจ น้องชายกับเธอไม่มีปัญหาอะไรกันหรอก สิ่งที่เขาชอบและสนใจก็เป็นไปตามวัย อาจจะเป็นพ่อกับแม่ที่ยุยง เอ๊ย! ส่งเสริม ก็เลยทำให้น้องชายได้ก้าวหน้า
“ผมไปค้างกับพี่สักคืนสองคืนได้ไหม”
“แจ็คมีอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าพี่ ผมมีติวภาษาก่อนเดินทางไง มันเลิกดึกอ่ะ”
“ได้ซิ ถ้าพ่อกับแม่ไม่ว่าอะไร พี่ก็ไม่มีปัญหา”
“ได้พี่ ขอบคุณหลายๆ นะครับ”
หญิงสาวนึกถึงบทสนทนาที่คุยกับน้องชายเมื่อตอนบ่าย น้องชายจะแวะมาค้างด้วย น้องก็คงเบื่อๆบ้านเหมือนที่เธอเป็นนั้นแหละ จัดห้องเสียหน่อยก็ปูที่นอนปิกนิคให้น้องชายนอนพื้นได้แล้ว แต่ปัญหามันอยู่ที่ห้องข้างๆนี่ซิ ถ้าเขาทำเสียงดังอีก เธอจะมองหน้าน้องชายยังไงกัน เดี๋ยวเอาไปฟ้องพ่อกับแม่ว่าเธออยากออกมาอยู่ข้างนอกเพราะได้ยินเสียงครางซี๊ดซ๊าดนะซิ จารวีไม่มีเวลาคิดมาก เธอจัดห้องปัดกวาดเตรียมให้น้องชายได้พัก ถ้าปัญหามันเกิดเมื่อไหร่ค่อยว่ากัน
เมื่อถึงเวลาเกือบสองทุ่มครึ่ง จามร น้องชายวัยมัธยมก็เดินสะพายกระเป๋าตัวเองมาหา เขาเคยมาที่ตึกนี่สามหรือสี่ครั้งแล้ว จึงจำทางได้ไม่ได้ให้พี่สาวออกไปรับ จารวีรออยู่หน้าตึกอยู่แล้ว
“หิวไหม กินอะไรมาหรือยัง”
“หิวพี่ แถวนี้มีอะไรกินไหมฮะ”
“พี่ว่าจะไปกินจิ้มจุ่มล่ะ ร้านไม่ไกลเดินไปก็ถึง”
“ดีเลยพี่ ผมอยากกินตับลวก”
“ได้ๆ กินบำรุงเลย พี่เลี้ยงเอง แต่พี่ขอพาป้าอมรกับน้องอรไปด้วยนะ”
“ใครเหรอครับ”