“อีกสิบนาที เธอก็น่าจะรู้จักฉันดีแล้วล่ะ” หล่อนยิ้มเยาะใส่ฉัน แถมยังมีแววตาแปลกๆ ที่กระตุ้นต่อมอยากรู้ของฉันให้ลุกกระพือขึ้นมาอีก ฉันพยักหน้าหงึกหงัก
“ความจริงฉันตั้งใจจะปิดร้านพอดี ก็ได้ค่ะ หากคุณแน่ใจว่า ‘ธุระ’ ของคุณเกี่ยวกับฉัน” หล่อนยังคงยืนเชิดหน้า ระหว่างรอให้ฉันปิดร้านคาเฟ่เล็กๆ ของฉันจนเสร็จ
“รอนานเลย ขอโทษนะคะ” ฉันออกตัวตามมารยาท
“ฉันไม่อ้อมค้อมนะ ฉันคือคนที่คุณวินจะแต่งงานด้วย” ฉันเม้มริมฝีปาก มองสบตาคนพูดแล้วหล่อนก็พูดต่อ “ฉันกำลังท้อง เธอควรหลีกทางให้กับฉัน ไหนๆ เธอกับฉันก็เพศเดียวกัน” ฉันกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ ทุกคำที่ได้ยินคือเรื่องที่ฉันคาดไม่ถึง ผู้หญิงตรงหน้าแสดงตัวว่าเป็นคนสำคัญของ นวิน ผู้ชายที่พร่ำบอกฉันทุกครั้งว่าความรักของเขาที่มีต่อฉันท่วมท้น เขาไม่มีทางทรยศฉันแน่ๆ
และฉันก็บ้าจี้เชื่อเขาแบบสุดลิ่มทิ่มประตู
สุดท้ายแล้วคำสัญญาของเขาก็ไม่ต่างอะไรกับลมปากที่หาความน่าเชื่อถือไม่ได้เลย
“ท้อง!!” ฉันพึมพำเสียงแหบ
“ฉันท้องกับวิน เราสองคนรักกัน” ฉันกัดกระพุ้งแก้มเพื่อเตือนสติตัวเอง ฉันจะทำตัวอ่อนแอต่อหน้าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ น้ำตาของฉันมีค่ามากกว่าจะเสียให้กับผู้ชายหัวใจโลเลคนหนึ่ง
“ค่ะ ฉันรับรู้แล้ว” ฉันตอบทั้งที่ยังเบลอ
“หย่ากับเขาซะ ฉันไม่อยากให้การเริ่มต้นของฉันกับเขามีปัญหา”
ฉันเงยหน้ามองสบตาคนแปลกหน้า แววตาของหล่อนเต็มไปด้วยความโกรธและความชิงชัง หล่อนมองฉันเหมือนกับว่าฉันสร้างปัญหาใหญ่ให้กับหล่อน ทั้งที่ความจริงแล้ว ฉันอยู่เฉยๆ แล้วก็เป็นฝ่ายถูกทรยศด้วยซ้ำ
“คุณรู้”
หล่อนถลึงตาใส่ “ฉันไม่คิดว่าวินจะตาต่ำ คว้าใครไม่รู้มาเป็นคู่ครอง” เสียงของหล่อนถูกกดให้ต่ำ เพราะไม่อย่างนั้นคงไม่ต่างอะไรกับเสียงคำราม
ฉันสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ฉันถูกคนแปลกหน้าหยามศักดิ์ศรี ฉันไม่ใช่คนผิดสักหน่อย หากถามหาความรับผิดชอบ หล่อนไม่มีทางได้จากฉันแน่ๆ “ขนาดคุณรู้ คุณก็ยังปล่อยให้เลยเถิดจนถึงขนาดนี้” ฉันแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้ใช้คำพูดที่รุนแรงอะไรเลย
แต่คงเพราะคำพูดของฉันกระแทกเข้ากลางแสกหน้าของหล่อน
ท่าทางที่หยิ่งทะนงนั่นเลยกระจัดกระจาย
“กรี๊ดดดดดด!!” หล่อนกรีดร้อง จนคนที่เดินอยู่ไกลๆ หันมาสนใจ หลังกระแทกส้นเท้าจนพอใจ หญิงผู้นั้นก็หันมาตะคอกใส่ฉัน
“หล่อนมีสิทธิอะไรมาวิจารณ์ฉันแบบนั้น”
ฉันเริ่มงง ฉันผิดตรงไหน ความจริงฉันควรต่อว่าผู้หญิงตรงหน้าให้รุนแรงกว่านี้ด้วยซ้ำ
“ฉันไม่ได้วิจารณ์คุณ ฉันแค่ถาม?”
“เหอะ!! ผู้หญิงอย่าเธอมีตรงไหนที่คู่ควรกับวิน” หลังสะบัดหน้าใส่จนฉันห่วงว่าคอของหล่อนจะเคล็ด หล่อนก็กระแทกเสียงใส่ฉันรัวๆ ฉันอ่อนล้าไปทั้งตัวและหัวใจ ชีวิตฉันไม่ควรมาเจออะไรแบบนี้เลย
ฉันถูกคนรักทรยศ และก็ถูกผู้หญิงคนใหม่ของเขาต่อว่าปาวๆ
ฉันเตรียมจะหาทางเลี่ยง “ผู้หญิงแบบเธอเป็นได้แค่ของเล่นของผู้ชายรวยเท่านั้นแหละ” ฉันหูผึ่ง ความโกรธครอบงำจนฉันหน้ามืด ฉันตวัดตามองหน้าคนพูด คำพูดเผ็ดร้อนไหลเข้ามาในสมองฉันเหมือนภาพบนโปรเจคเตอร์
“อะไรทำให้คุณคิดแบบนั้นคะ” ฉันสะกดความโกรธของตัวเอง พยายามสำรวมเสียงให้สุภาพที่สุด ฉันไม่ควรสติแตกเพราะคำพูดส่อเสียดที่ไม่เป็นความจริง
“สังคมของเธอไง ฉันเห็นมาเยอะแล้ว ผู้หญิงทะเยอทะยานอยากรวยทางลัด”
ฉันเกือบตะโกนใส่หน้าหล่อน แต่อะไรบางอย่างกระตุ้นเตือนฉัน ฉันไม่ควรทำตัวตกต่ำให้ผู้หญิงตรงหน้าหยิบยกมาแดกดันได้
“นัดวัน ‘หย่า’ มาได้เลยค่ะ ฉันจะไม่เรียกร้องอะไรเลย” ฉันตอบด้วยเสียงที่เรียบที่สุด
ท่าทางหล่อนแปลกใจไม่น้อย “เธอจะไม่แบล็กเมล์วินคราวหลังแน่นะ”
“ฉันไม่มีอะไรที่อยากได้จากผู้ชายของคุณสักอย่างเลยค่ะ” ฉันตอบกลับ ความรักปลอมๆ ที่เขาเคยให้ ฉันก็อยากจะโยนคืนให้เขาทั้งหมดด้วย
“ฉันไม่ไว้ใจเธอ”
“นั่นมันปัญหาของคุณ ไม่เกี่ยวกับฉันค่ะ” ฉันทำท่าจะเดินหนี แต่ผู้หญิงคนนั้นถลันมาขวางหน้า และเพราะฟุตบาทที่ไม่เคยราบเรียบของประเทศนี้ เลยทำให้หญิงผู้นั้นเสียหลัก ฉันเบี่ยงตัวหลบตามสัญชาตญาณ ผลสุดท้ายหญิงผู้นั้นก็ถลาล้มลงไปบนพื้น พร้อมกับเสียงร้องกรี๊ดๆ ของบุคคลที่มาใหม่
“ตายแล้วยัยภา หนูเจ็บไหมลูก!!” เสียงแหลมบาดหู กับท่าทางร้อนรนนั่นอีก
ฉันยืนนิ่งไม่ได้รู้สึกทุกข์ร้อนหรือเจ็บปวดอะไรอีกต่อไปแล้ว ฉันผ่านความรู้สึกนั่นมาหมาดๆ จนเริ่มคุ้นชิน ผู้ชายคนที่เคยบอกว่ารักฉันสุดหัวใจถลาเข้าไปประคองผู้หญิงคนใหม่ของเขาในทันที และมารดาของเขาก็หันมาต่อว่าฉันด้วยเสียงแหลมบาดหูเหมือนเดิม
“นี่ถึงกับต้องลงไม้ลงมือกันเลยเรอะ ผู้หญิงชั้นต่ำแบบเธอ การใช้เหตุผลคงไม่ได้แล้วสินะ”
เปลือกตาฉันกะพริบถี่ๆ ฉันอยู่ของฉันเฉยๆ เป็นพวกเขาที่ดาหน้าเข้ามาในชีวิตของฉันแท้ๆ แต่ฉันกลับกลายเป็นฝ่ายผิด และถูกต่อว่าโดยไม่มีใครคิดจะสืบหาความจริงเลย
“ภาเจ็บค่ะคุณแม่” หญิงผู้นั้นยกมือกุมหน้าท้องและโอดครวญ
“ไปโรงพยาบาลก่อนเถอะครับแม่ ภาคงเจ็บจริง” เสียงเขาพูด ท่าทางร้อนอกร้อนใจนั่นอีก
“อย่างหล่อน ฉันไม่มีทางรับเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในตระกูลฉันหรอกนะ”
แม่ของเขาหันมาตะคอกใส่ฉัน ฉันเลิกหัวคิ้วขึ้นสูง ไม่ใช่ความผิดของฉันสักหน่อย ท่าทางของฉันเหมือนเป็นการยั่วโทสะของอีกฝ่าย ผลที่ได้ ฉันเลยถูกผลักกระเด็น หากเป็นวันธรรมดา ฉันไม่มีทางล้มลงไปกองที่พื้นแน่ๆ แต่เพราะฉันเพิ่งผ่านเรื่องราวแย่ๆ มาฉันแทบไม่ได้กินอาหารเป็นชิ้นเป็นอัน เรี่ยวแรงของฉันก็มีไม่ถึงครึ่ง แค่ผลักเบาๆ นั่นเลยทำให้ฉันล้มลงไปกองที่พื้นได้
“ผมขอโทษ ผมผิดเอง เราสองคนคงไปกันไม่รอดแล้วแหละ” เขาพูดกับฉัน เขาไม่มองสบตาฉันด้วยซ้ำ
ฉันกำมือ เจ็บหัวเข่าแทบน้ำตาร่วงแต่ฉันก็พยายามฝืนไว้
ตอนที่3.เมื่อโลกไม่น่าอยู่เหมือนเดิม
พวกเขาทั้งหมดหายไปจากจุดที่ฉันนั่งอยู่นานแล้ว เป็นฉันที่ยังคงลุกไม่ขึ้น ยังคงนั่งอยู่ในสภาพนั่นอีกนานหลายนาที ในนาทีที่ฉันทรงตัวยืน ความรู้สึกหลากหลายไหลปร่าเข้ามากลางใจ ความเจ็บปวดนั่นทำเอาฉันแทบยืนไม่อยู่ ในที่สุดฉันก็สามารถประคองตัวเดินกลับเข้าไปในบ้านหลังเล็กของตัวเองสำเร็จ
“เห้อ!!” ฉันเป่าปาก แล้วก็ต้องรีบสูดปากเบาๆ ความรู้สึกเจ็บแปลบแล่นพล่าน ฉันก้มมองหัวเข่าตัวเอง บริเวณนั่นมีลิ่มเลือดไหลซึมออกมาเล็กน้อย ฉันเองก็บาดเจ็บ แต่คนที่เคยบอกว่ารักฉันนักหนา กลับไม่แม้จะเหลียวแล ความกังวลของเขาพุ่งไปที่ผู้หญิงคนใหม่ เขาโอบประคองหล่อนต่อหน้าต่อตาฉันทีเดียว
ฉันฉวยทิชชู่มาเช็ดคราบเลือด หมดใจที่จะดูแลตัวเอง บาดแผลเล็กน้อยนี่ ไม่ทำให้ฉันหมดลมลงวันนี้หรอก
“ผมไม่คิดว่าเธอจะเป็นคนใจร้ายแบบนี้เลยนะ” น้ำเสียงของเขาเกรี้ยวกราดอย่างที่ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อน ท่าทางขึงขังนั่นอีก เขาแปลกตาไป จนฉันแทบจำไม่ได้
เขาเดินมาหยุดใกล้ๆ ฉันยังคงนั่งนิ่งไม่คิดจะต่อปากกับเขา อารมณ์ฉันยังไม่คงที่ ฉันกลัวว่าจะเองจะบันดาลโทสะแล้วเกรี้ยวกราดคืนกลับไป
มันไม่น่าใช่เรื่องดีเลย ที่ต้องมาฟาดฟันใส่กัน เพราะ ‘มือที่สาม’
“ภาเขาเจ็บตัว โชคดีที่ไม่กระทบกระเทือน ‘เด็ก’” ฉันเงยหน้ามองสบตาเขา และเขาก็เสหลบตาฉันในทันที
“คุณคงไม่คิดว่าเขมเป็นคนทำหรอก ใช่มั้ยคะวิน?” เสียงของฉันเข้มขึ้น ซึ่งฉันพยายามที่สุดแล้ว ฉันตกเป็นจำเลย คนเหล่านั้นตัดสินฉัน โดยไม่คิดจะสืบหาความจริง
และฉันไม่มีทางยอมรับสิ่งที่ฉันไม่ได้ทำ!!