ตอนที่3.เมื่อโลกไม่น่าอยู่เหมือนเดิม

1251 Words
ฉันเชิดปลายคางขึ้นสูง ท่าทางแบบนี้ฉันแทบไม่เคยทำเลย ฉันพยายามเป็นคนธรรมดาที่สุดเท่าที่ฉันทำได้ แม้คนรอบตัวฉันจะพยายามพะเน้าพะนอฉันอย่างที่สุด ฉันเป็นลูกสาวคนเล็ก เป็นน้องเล็กที่มีพี่ชายคอยประคบประหงม อะไรก็ตามที่ฉันอยากได้ ฉันไม่เคยพลาดสักเรื่อง “เธออยู่กับภาแค่สองคนนะเขม” เขาทักท้วง ฉันกดยิ้มมุมปากจนมุมปากโค้งลงแทนการแสยะยิ้ม หรือตะคอกกลับไป “เหตุผลแค่นั่นเหรอคะ คุณถึงปักใจเชื่อ” “ผมรู้ ผมทรยศเธอ ผมเองก็มีเหตุผลของผม” เขาพยายามอธิบาย แต่คำอธิบายของเขา ฉันได้ยินแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน ฉันมองสบตาเขาพยายามควานหาสิ่งดีๆ ในตัวเขา เพื่อไม่ให้ตัวเองรู้สึกเสียใจมากไปกว่านี้ ผู้ชายตรงหน้ามีอะไรดี ทำไมฉันถึงทุ่มเทให้กับเขาจนตัวเองไม่เหลืออะไรเลย ความรักของฉันไม่มีค่าสำหรับเขา ตั้งแต่เมื่อไหร่? ฉันเฝ้าถามตัวเอง เขาผิดปกติตั้งแต่ตอนไหน ทำไมฉันถึงไม่เคยรู้สึกว่าวันข้างหน้าฉันจะเป็นฝ่ายถูกทิ้ง “ช่วงนี้ผมยุ่ง ธุระของเรา ผมจะรีบจัดการ” เขาหลีกเลี่ยงคำพูดที่สามารถทำร้ายฉันได้ ฉันยิ้มจางๆ กะพริบเปลืกตาถี่ๆ ป่วยการร้องไห้ให้เขาเห็น น้ำตาของฉันไม่มีทางเปลี่ยนใจ คนที่หมดใจไปแล้วได้ “รีบๆ หน่อยนะคะ บางที ฉันอาจไม่อยู่รอคุณ” ฉันพึมพำตอบ แต่เขาคงไม่ได้ยิน หลังพูดจบ เขาก็เดินจ้ำอ้าวออกไปเหมือนขามา เสียงเครื่องยนต์กระหึ่มขึ้น เขาน่าจะรีบมากฉันประเมิณจากเสียงยางรถยนต์ที่บดลงบนถนนคอนกรีตหน้าบ้านฉันเอง ฉันถอนใจ ทรงตัวยืนเดินตรงไปที่ตู้เย็นเล็กติดผนังห้อง ฉันจำได้ว่าฉันมีไวน์ยี่ห้อโปรดอยู่หนึ่งขวด แม้แต่เขาก็ยังไม่ทันได้ลิ้มรส คงเพราะช่วงหลังๆ เขาห่างเหินกับฉัน ด้วยข้ออ้างที่ฉันยอมรับได้ ‘งานยุ่ง’ ฉันเปิดขวดไวน์ รินไวน์ใส่แก้วก่อนจะยกขึ้นดื่มรวดเดียว จากนั้นฉันก็ดื่มเรื่อยๆ จนไวน์ทั้งขวดพร่องลงไปมากโข “ฮ่าๆ” ฉันเงยหน้าหัวเราะ ไม่ใช่เพราะฉันอารมณ์ดี เสียงหัวเราะของฉันแฝงความเจ็บปวด มันน่าอนาถใจ ฉันถูกทิ้ง ทั้งที่ตัวเองไม่มีความผิด ฉันทุ่มทั้งใจให้กับเขา ผลลัพธ์ที่ได้กลับไม่คุ้มค่าเลย ฉันถือแก้วไวน์เดินผ่านประตูห้องน้ำ ริมกำแพงนั่นมีอ่างใบใหญ่ที่ฉันมักจะนั่งแช่เพื่อผ่อนคลายความเหนื่อยล้าให้ตัวเอง เขาเคยหัวเราะใส่ ทันทีที่เห็นอ่างใบใหญ่นั่น “เธอเป็นคนมีรสนิยมนะ” นั่นเป็นคำชมฉันรู้ เขาไม่ได้เหยียดฉัน เพราะสภาพฉันไม่น่าพิศมัยการนอนแช่ในอ่างที่โรยไว้ด้วยเกร็ดสบู่หอมๆ ฉันหย่อนตัวลงในอ่างเปิดก๊อกน้ำร้อนและน้ำเย็นพร้อมกัน ฉันไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน มันอันตรายใครๆ ก็รู้ แต่ตอนนี้สติของฉันเหลือไม่เต็มร้อยดี ความผิดหวัง ความเสียใจทำให้ฉันเลอะเลือน ไอร้อนกระเด็นใส่ ผิวที่โดนน้ำร้อนเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้น แต่ฉัน...ก็ยังไม่ใส่ใจอยู่ดี ฉันกระดกไวน์อึกสุดท้าย แล้วก็ปาแก้วไวน์ใส่ผนัง เสียงแก้วแตกดังสะท้อนกลับไปกลับมา ฉันมองจุดที่แก้วแตกด้วยสติที่เหลือน้อยเต็มที “เขมไม่ควรเจอกับคุณเลยวิน” ฉันพึมพำ ม่านน้ำตาที่ค่อยๆ ผุดขึ้นมาจนทุกอย่างที่ฉันเห็นพร่ามัวไปหมด ฉันเอนศีรษะพิงขอบอ่าง “เขมกลัว!!” ฉันพึมพำอีก ฉันเกลียดความอ้างว้าง ฉันไม่ชอบการอยู่คนเดียวเลย ฉันอยากมีใครสักคนที่สนใจฉันจริงๆ ฉันพยายามควานหาคนคนนั้น และฉันมั่นใจว่า ‘เขา’ คือคนที่ฉันรอคอย แต่มันกลับไม่เป็นอย่างนั้นสักนิด น้ำเริ่มล้นขอบอ่าง ฉันก็ยังไม่ใส่ใจเช่นเดิม สติของฉันเริ่มวูบวาบ ความทรงจำครั้งสุดท้ายเท่าที่จำได้ ฉันเห็นใครบางคนวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหา สีหน้าของเขาทำให้รู้สึกดีใจ ในที่สุด ก็มีคนสนใจฉันสักที... “ฟื้นแล้วยัยเขมฟื้นแล้วค่ะคุณ” เสียงคุ้นหูกับอ้อมกอดที่อบอุ่นนั่น ใครคนนั้นรั้งฉันไปกอดไว้ เรือนกายของใครคนนั้นสั่นเทาจนฉันรู้สึก ฉันพยายามปรือเปลือกตาขึ้นมอง แต่มันเป็นการยากเหลือเกิน ฉันกลัวบางอย่างจนไม่กล้าแม้แต่จะลืมตา “เขม ลืมตาได้แล้วเฮียกับพ่อแม่มาหาเขมแล้ว” เสียงแหบห้าวแต่หางเสียงสั่นพร่ากระซิบอยู่ข้างหู น้ำตาของฉันไหลซึมออกมา ฉันขยับปาก แต่ยังไม่กล้าลืมตาเหมือนเดิม “เขมไม่ได้ฝันไปใช่มั้ยคะ?” “ยัยเขม ลืมตาเดี๋ยวนี้!!” เสียงแหลมปรี๊ดตะคอกอยู่ที่ข้างหูฉัน “แม่ครับ ให้เวลายัยเขมบ้าง” เสียงปรามผสมเสียงจุปาก ฉันยิ้มกร่อยๆ ความคุ้นเคยทำให้ฉันมีความกล้ามากขึ้น “เพราะคุณกับตาเขตนั่นแหละคอยให้ท้าย ยัยเขมเลยต้องไปเจอกับคนเฮงซวยพวกนั้น” ฉันลืมตาตอนที่แม่ตวาดลั่น ฉันแทบจะหลับตาเหมือนเก่า ถ้ามารดาไม่หันมาเห็นเสียก่อน “ห้ามหลับตานะ ฉันรู้ว่าแกตื่นแล้วยัยเขม!!” “แม่ครับ วันหลังได้ไหมครับ น้องไม่สบาย” “ยัยเขมเป็นอะไรที่ไหนละ สำลักน้ำไม่กี่อึกไม่ตายง่ายๆ หรอก” ฉันยิ้มแหยๆ มองสบตากับบรรดาคนในครอบครัว “ยังเจ็บตรงไหนอีกไหม พ่อจะได้เรียกหมอมาดูให้” บิดายังเป็นชายชราที่ใจดีไม่เปลี่ยน หากเทียบกับมารดาจอมเฮี๊ยบของฉัน “เขมไม่ได้เจ็บตรงไหนแล้วค่ะ” “ใครสั่งใครสอนแก เมาแล้วไม่ควรลงไปแช่ในอ่างสิ มันทำให้แกเกือบตายได้เลยนะ” แม่ฉันตวาดแว๊ดๆ ฉันรู้ ทั้งหมดนั่นเพราะว่าท่านห่วงฉัน ฉันก้มหน้า มองมือตัวเองไม่ได้โต้แย้งสักคำ “หรือว่า...ไม่นะ ยัยเขม แกคิดบ้าๆ แบบนั้นจริงๆ เรอะ!!” แม่ของฉันถลาเข้ามาใกล้ รั้งฉันไปกอดไว้อีกรอบ คราวนี้น้ำหนักของกอดนั้นมากขึ้นกว่าเก่าหลายเท่า ฉันแทบหายใจไม่ออก ครั้นเมื่อพี่ชายฉันแกะฉันออกมาจากอ้อมกอดของแม่ได้ ฉันก็แทบหมดสติไปอีกครั้ง “แม่ครับ ไว้พูดวันหลังเถอะครับ ตอนนี้สนใจยัยเขมก่อนเถอะครับ” “ใช่แล้วคุณ สนใจแค่ลูกก็พอ” พ่อฉันพูดตัดบท “หิวไหมลูก พ่อซื้อของโปรดลูกมาหลายอย่างเลย แต่...หมอยังห้ามอยู่ ลูกดมแทนไปก่อนได้นะลูก” ท่าทางบิดาเงอะงะ ฉันเลยอดยิ้มไม่ได้ ฉันหันหลังให้คนที่รักฉันแบบไม่มีอะไรเคลือบแคลงได้ยัง ฉันยโสและอวดดีกับคนที่รักฉันโดยไม่คิดอยากได้อะไรแลกเปลี่ยนเลยได้ยังไงนะ ฉันถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา ‘ความรักทำให้คนตาบอด’ มันไม่ใช่คำเปรียบเปรยแต่มันคือเรื่องจริง ฉันผ่านจุดนั้นมาแล้ว เพราะความดันทุลังของตัวเอง ฉันเกือบไม่ได้กลับมาซุกอกอุ่นๆ ของแม่อีกแล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD