“แกคิดจะย้ายออกไปจากบ้านตอนไหน?” และเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่บุหลันกำลังคิดหนัก
“ไม่รู้สิ ยังไม่มีโอกาสพูดกับพ่อเลย” บุหลันถอนใจหลังพูดจบ คะนึงนิจไม่เคยเห็นเธอเป็นคนในครอบครัว เธอเป็นภาระที่นางต้องแบกรับไว้ ทั้งที่ความจริงเกลียดและชิงชังเธอจนแทบทนไม่ไหว
“คุณลุงน่ะ ไม่มีทางยอมหรอก” โอภาสเป็นคนพาบุหลันมาอยู่ที่นี่ มีการต่อต้านตั้งแต่วันแรก แต่เขาก็ยืนกราน จนคะนึงนิจต้องจำใจยอม ข้อแม้เดียวที่นางยื่นให้ คือไม่มีทางป่าวประกาศรับรองสถานะของบุหลันให้คนภายนอกรับรู้ ซึ่งโอภาสเองก็ยอม เขาเองก็อับอายไม่น้อยที่หญิงคนรักรับเงินก้อนใหญ่จากคะนึงนิจแลกกับการออกไปจากชีวิตโอภาส ทิ้งลูกน้อยไว้ให้เขาดูต่างหน้า
“พ่อน่าจะเข้าใจหลันบ้าง” ความอึดอัด ลำบากใจใต้ชายคาคฤหาสน์หลังนี้โอภาสไม่มีทางรู้ คะนิงนิจปิดบังไว้ และแสร้งทำดีกับลูกเลี้ยงที่เป็นหนามทิ่มแทงใจเธอ หรือไม่อีกในหนึ่ง โอภาสรู้ แต่เขามีความเห็นแก่ตัวมากกว่าเลยแสร้งทำเป็นปิดหูปิดตามองไม่เห็นความลำบากที่บุตรสาวต้องเผชิญ
“ค่อยๆ คิดไปเถอะ สักวันโชคอาจเข้าข้างแกบ้างหลัน” เป็นทั้งเพื่อนทั้งญาติ เพรียวเลยพูดมากไม่ได้ “แกเรียนจบแล้ว คงมีข้ออ้างดีๆ สักเรื่องแหละ แค่ตอนนี้ยังนึกไม่ออก”
บุหลันเห็นด้วยกับความคิดของเพรียว
เธอต้องทำใจเย็นๆ เธออดทนมาได้ถึงขนาดนี้ อดทนอีกสัหน่อยคงไม่เป็นไร
“ว่าแต่ ที่คุยๆ กันไว้ ตกลงได้เรื่องหรือเปล่า”
บุหลันส่ายหน้า “ยังเลย ยังไม่คำตอบ แต่ทางนั้นก็สนใจไม่น้อยนะ เขาแค่ยังไม่ไว้เรามั้ง นอกจากผลงานที่ส่งให้ดู ไม่มีอย่างอืนรับประกันเลย” บุหลันอธิบาย
“หลัน เราเปิดบริษัทกันเถอะ บางทีเขาอาจมั่นใจขึ้น”
“น่าสนใจนะ แต่ฉันไม่รู้จะเริ่มตรงไหนก่อน”
“เดี๋ยวฉันไปปรึกษาพ่อก่อน พ่อน่าจะแนะนำได้”
“ดีจัง หละนอยากมีที่ปรึกษาแบบเพรียวบ้าง” บุหลันพึมพำ
ในฐานะผู้อาศัยที่คนภายนอกรู้ นอกนั้นไม่มีใครรู้เลยว่าบุหลันเป็นสมาชิกคนหนี่งของครอบครัวพินิจดำรง เธอต่างจากคนอาศัยแค่นิดเดียว ตรงเธอได้เรียนต่อ แม้จะต้องกระเสือกกระสนเลือดตาแทบกระเด็นก็ตาม
ตอนที่3.ความหลัง
เป็นอีกเช้าที่อากาศดีจนบุหลันรู้สึกสดชื่น เธอเดินออกจากบ้านพร้อมกับกระเป๋าผ้าใบโปรดที่ใช้เกินสามปี กระเป๋าที่ตัดเย็บและออกแบบเอง เคยส่งเข้าประกวดได้รางวัลชมเชยมาด้วย งานฝีมือที่บุหลันใช้หาเลี้ยงตัวเอง ใช้เป็นค่ากินอยู่ที่ไม่เคยปริปากบอกบิดา ไม่เคยทำให้ท่านร้อนหู แม้ตัวเองจะลำบาก
บุหลันเรียนจบด้วยเกรดที่ถือว่าใช้ได้
งานฝีมือที่เธอทำก็ได้รับผลตอบรับอย่างดี สร้างรายได้ให้กับตนเองไม่น้อย เธอมีร้านเล็กๆ ที่ได้รับความช่วยเหลือจากบิดาของเพรียว ได้จดทะเบียนในรูปแบบบริษัทก็เพราะความเมตตาของบิดาของเพรียวอีกเช่นกัน
เธอใช้พื้นที่นี้สำหรับขายงานที่ตัวเองทำ แถมยังเปิดโอกาสให้กับบุคคลที่ชื่นชอบแบบเดียวกับเธอมาวางขายด้วย เสียงกระแทกแดกดันของคะนึงนิจเปลี่ยนใจเธอไม่ได้ แม้แต่บิดาที่พยายามค้านความคิดของเธอก็ยังต้องยอมแพ้
เธอยืนด้วยลำแข้งของตัวเอง ไม่ต้องพึ่งพาบิดาเลยก็ยังได้ แต่เพราะสำนึก บุหลันเลยพยายามยั้งตัวเองไว้ พูดไป ผลเสียจะตกที่เธอมากกว่า ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย
“ทำไมวันนี้ไปร้านแต่เช้าเลย” เพรียววิ่งหน้าตั้งมาเกาะรั้วตอนที่บุหลันเดินผ่าน
บุหลันยิ้มกร่อยๆ ให้ “คุณป้าเรียกไปด่าแต่เช้าเลยหรือไง”
“เปล่า” บุหลันส่ายหน้า
“อ้าว แล้วรีบไปทำไม” เพรียวยังซักต่อ
บุหลันล้วงโทรศัพท์ส่วนตัวออกมา แล้วเปิดรูปภาพบางอย่างให้ดู เพรียวตาโต เกือบกรีดร้อง แต่ทว่ายกมือปิดปากไว้ทัน ไม่อย่างนั้นคนที่เดินอยู่บนทางเท้าอาจตกใจเพราะเสียงกรีดร้องของเธอ “ทางนั้น เขาโอเคแล้วเหรอ”
“อือ โอนเงินมัดจำมาแล้วด้วย ฉันเลยอยากทุ่มเวลาทั้งหมดให้กับงานชิ้นนี้” เป็นโปรเจ็กต์ที่บุหลันคุยกับลูกค้าต่างประเทศมาหลายเดือนแล้ว งานฝีมือที่ไม่ซ้ำกับใคร ออกแบบโดยบุหลันเอง และคาดว่าน่าจะได้เงินก้อนโตทีเดียว หากผลผลิตที่วางขายฮิตติดตลาดต่างประเทศ
“ไปก่อนเลย เดี๋ยวฉันรีบตามไป”
คงเพราะเพรียวด้วยก็ได้ โอภาสเลยไม่กล้าคัดค้านมาก อย่างน้อยก็ได้รับความเห็นชอบจากน้องชายของเขาแล้ว
บุหลันเริ่มงานด้วยการร่างแบบ เธออยากให้สินค้าของเธอมีความหลากหลายและไม่ซ้ำแบบกับใคร และยิ่งไม่มีแรงกดดันเช่นนี้ บุหลันเชื่อว่าเธอสร้างชิ้นงานดีๆ ออกมาได้อย่างแน่นอน
เธอทำงานเพลินจนลืมเวลา กลิ่นกาแฟผสมนมโชยเข้าจมูก เลยเงยหน้าจากจอคอมพิวเตอร์ที่กำลังร่างแบบไว้
“ฉันซื้อกาแฟมาฝาก แกหิวยังหลัน”
“นิดหน่อย พักตาสักนิดก็ดี” บุหลันตอบ ดันแล็ปท็อปส่วนตัวออกห่าง
“แกทำงานเร็วเกินไปแล้วนะหลัน” เพรียวติงหลังมองหน้าจอแล็ปท็อป
“เสร็จเร็วไม่ดีเหรอเพรียว”
“มันก็ดีหรอก แต่ฉันกลัวส่วนของฉันเสร็จไม่ทันของแกนะสิ” เพรียวเปรยลอยๆ เดินไปทิ้งตัวนั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเอง
“แกก็เร่งมือหน่อยสิ หากสิ้นปีมีกำไรเยอะ ฉันจะปิดร้านพาแกไปเที่ยวทะเล” บุหลันตอบกลับจนเพรียวตาโต ร้านของเธอกับบุหลันมีรายได้พอจ่ายค่าจ้าง กับค่าเช่าร้าน ยังไม่มีกำไรเป็นกอบเป็นกำ แต่หากงานนี้สำเร็จ อาจจะทำให้รายได้เห็นชัดขึ้น
“อย่าหลอกกันนะ” เพรียวถามกลับ
บุหลันไม่ได้ตอบ แต่เธอกำลังยิ้ม
“อ้อ...เธอนั่นเอง” จู่ๆ ภามก็ลุกพรวดขึ้นยืน ส่งเสียงเอะอะจนภาคกับปรียาหันมามอง
“เกิดอะไรขึ้น” ปรียาปลีกตัวเดินมาหา ภามเลยหย่อนตัวนั่งที่เดิม
“พอดีนึกบางอย่างออกน่ะครับแม่”
“เรื่องสำคัญไหม?” ปรียาถามต่อ นางเลื่อนจานของว่างไว้ตรงหน้าบุตรชาย “สาคูไส้หมูแม่ลงทุนปั้นเองเลยนะลองชิมสักหน่อยสิ”
ภามอมยิ้ม เอื้อมมือหยิบส้อมจิ้มสาคูไส้หมูลูกโตใส่ปาก พลางกระเซ้ามารดาเสียงใส “ติดสินบนผมใช่ไหมแม่ จะให้ผมพาไปไหนละครับ”
ภาคหัวเราะลงลูกคอ เดินมาทิ้งตัวนั่งด้านข้างบุตรชาย “ไปดูตัว”
“ผมไม่แต่งงานกับยัยพริมานั่นหรอกนะครับแม่” ภามหันไปพูดตรงๆ กับมารดา เขารู้ หากตนเองมีเหตุผล มารดารยังไงก็รับฟัง
“หนูพริมีอะไรไม่ดีเรอะ เราถึงไม่พอใจ”
“มันไม่ถูกจริตบอกไม่ถูกครับแม่ ผมว่าพริมา ไม่ธรรมดาหรอกครับ”
“แหม...ยังไงเขาก็เรียนจบนอก พ่อ แม่เองก็มีหน้าที่การงานดีๆ ทำ”
“พ่อส่วนพ่อ แม่ส่วนแม่ ไม่ใช่ตัวพริมาเองนี่ครับ จบนอกแล้วไง จบจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้” ภามออกความเห็น เรื่องเรียนพริมามันมีลับลมคมในแปลกๆ เขาไม่คิดว่าคนแบบพริมาจะเรียนได้ดี เท่าที่จำได้ หล่อนไม่เอาไหนสักอย่าง การใช้ชีวิตในต่างแดนเพียงลำพังก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ สำหรับผู้หญิงที่เดินทางไปคนเดียว
“อย่าเอาตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางโลกสิ หนูพริเขาอาจจะเปลี่ยนไปแล้ว” ปรียาแย้ง
“สันดานคนเปลี่ยนไม่ได้หรอกครับ”
“เอะ!! ลูกคนนี้ นั่นไม่เอา นี่ไม่เอา แล้วจะเอายังต่อละหะ!!” ปรียาตวาด
“ผมห่างแม่กับพ่อไปตั้งหลายปี ขออยู่สบายสักพักก่อนไม่ได้เหรอครับ ยังไงอนาคตผมต้องแต่งงานแน่ๆ อยู่แล้ว แค่ยังไม่ใช่เวลานี้” ภามแบ่งรับแบ่งสู้
“แม่นัดคุณคะนึงนิจเขาไว้แล้วน่ะสิ แกน่ะ ดันเสนอหน้าไปที่บ้านนั้นโดยไม่บอกแม่ก่อน เขาเร่งมาแล้ว ยังไงก็ต้องไปคุยกัน”
“ผมบอกไว้ก่อนเลยนะแม่ ผมยังไม่แต่งงานเร็วๆ นี้แน่” ภามยืนกราน
“ตามนั้น แต่ครั้งนี้ต้องไป”
“แค่เจอกันเท่านั้นนะแม่ ถ้าแม่ต้อนผมจนผมจนมุม ผมจะหนีไปเที่ยวรอบโลก สักสามปีค่อยกลับบ้าน” ภามยื่นข้อเสนอ เขายังไม่พร้อมที่จะเริ่มสร้างครอบครัวตอนนี้
“เหอะ!! ฉันน่าจะมีลูกหลายๆ คน แกจะได้ต่อรองไม่ได้”
“ฮ่าๆ ไม่ทันแล้วครับแม่ เปลี่ยนเป็นผมปั๊มหลานให้แม่หลายๆ คนน่าจะสมเหตุสมผลมากกว่าครับ”
“แกอย่าชี้นำ แบบนี้แม่แกก็ยิ่งมีหวังสิวะ” ภาคปรามบุตรชาย แผนการในหัวของปรียาตอนนี้คืออยากอุ้มหลาน แต่หากบุตรชายยังไม่ยอมแต่งงาน หลานชาย หลานสาวที่นางปรารถนาก็ไม่มีทางสมหวัง