เสน่ห์ร้ายเกมกลลวง ตอนที่2.เรื่องบังเอิญ

1558 Words
พอพริมาเดินจากไป “ว่าที่ ‘เมีย’ มึงคนนี้น่าจะเจ้ากี้เจ้าการพอๆ กับแม่มึงแน่ๆ ไอ้ภาม” อเนกออกความเห็น แม้จะเพิ่งเจอหน้ากันครั้งแรก แต่ก็พอเดานิสัยออก “คนน้องน่าคบกว่าเยอะ สวยกว่าด้วย” ภามขมวดคิ้ว เขาไม่เคยได้ยินว่าคนตระกูลพินิจดำรงมีบุตรสาวสองคน เท่าที่มารดาสารทยายให้ฟัง มีแค่ชื่อพริมาคนเดียวผ่านปากของท่าน กรอกหูเข้าทั้งเช้า ทั้งสาย “คนน้อง ยัยนั่นเป็นลูกสาวคนเดียวไม่ใช่เหรอวะ” ภามแย้ง อเนกมองสบตาภามแล้วก็จิปาก “เขาลือกันให้แซ่ด ว่าแต่ มึงจำหล่อนไม่ได้จริงๆ เหรอวะ” ภามขมวดคิ้วกระดกแก้วบรั่นดีกลั้วคอ “ใครอีกละ ตั้งแต่ตูดกูแตะเก้าอี้ มึงขยันซักนั่นซักนี่ไม่หยุดเลยนะไอ้เนก” “แหมๆ มึงลืม ‘เด็กสาว’ ที่คลั่งรักมึงสมัยก่อนแล้วเหรอวะ” อเนกพูดกลั้วหัวเราะ “อ้อ...เด็กนั่นเอง กูลืมไปแล้ว” ภามลากหางเสียงยาวเหยียด เด็กสาวตัวดำๆ ผมกระเซอะกระเซิงที่ทะเล่อทะล่าเข้ามาสารภาพรักเขาเมื่อเจ็ดปีก่อน แววตากึ่งกลัวกึ่งกล้านั่น ทำให้เขาอดสมเพชไม่ได้ “คนนั้นแหละ น้องสาวยัยคุณพริมานั่นแหละ” ภามยกหัวคิ้วขึ้นสูง “หมายความว่าไงวะ” มือที่ถือแก้วบรั่นดีชะงักอยู่กลางอากาศ “ตามหลักแล้ว ยัยคุณพริมาของมึงเป็นลูกสาวคนเดียวนั่นแหละ แต่ลึกๆ แล้ว บ้านนี้เขามีลูกสาวสองคน อีกคนน่าจะเป็นลูกนอกสมรส” ภามพยักหน้าหงึกหงัก ก่อนจะลุกขึ้นยืน “เห้ย!! เพิ่งมา จะกลับแล้วเหรอวะ” อเนกท้วง “ไปก่อนดีกว่าว่ะ ว่างๆ จะแวะไปหานะ” ภามไหวไหล่แล้วก็เดินออกจากงานไป พริมามองตาม เธอเม้มปาก ครุ่นคิดเงียบๆ ตอนที่2.เรื่องบังเอิญ บุหลันถอนใจแรงๆ จากนั้นก็เงยหน้ามองพระจันทร์เสี้ยวที่ส่องแสงสีนวลลอยอยู่เหนือยอดไม้ เธอคิดอะไรเพลินๆ จนไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคน ที่เดินมาหยุดอยู่ใกล้ๆ จนกระทั่ง... “อะแห้ม!!” เสียงกระแอมฉุดบุหลันออกมาจากภวังค์ เธอเหลือบมองด้วยหางตา ก่อนจะกระโจนไปหลบอยู่ด้านหลังเก้าอี้เหล็กตัวที่ตัวเองนั่งอยู่ ภามรู้สึกแปลกใจกับท่าทางตระหนกของหญิงตรงหน้า เขาแอบสำรวจหล่อนคร่าวๆ ท่ามกลางแสงสลัวของพระจันทร์ ‘สวย’ ขนาดหญิงตรงหน้าไม่ได้ประทินโฉมอะไรเลย ความงามของหล่อนก็ยังกระแทกตาเขา จนไม่อาจละสายตาได้ ผมดำขลับที่ถูกมัดเป็นพวงด้านหลังท้ายทอยนั่นดำแข่งกับความมืด กลิ่นอาหารที่แทรกอยู่ตามเนื้อผ้าก็ไม่ได้ทำให้เขานึกรำคาญเหมือนเคย คงเพราะตัวเองอยู่กับความสมบูรณ์แบบของหญิงที่เคยคบหา พอได้เจอกับหญิงที่สวยจากเนื้อแท้ ภามเลยอดไม่ได้ที่จะสนใจ เขาหลุบเปลือกตาลง ปิดบังแววตาวาววาม “เธอกลัวฉันเหรอ” ภามถามคำถามแรก บุหลันชั่งใจระหว่างหนีไปดื้อๆ กับการตอบคำถามของชายตรงหน้า “เป็นใบ้หรือไง หรือว่าเป็นกฎของคนบ้านนี้” ภามถามต่อ บุหลันผ่อนลมหายใจ รู้สึกผ่อนคลายลง ชายตรงหน้าไม่มีอะไรที่ทำให้เธอกลัวได้อีกแล้ว ความคลั่งไคล้เขาเหมือนสมัยก่อน ก็ไม่ได้ท่วมท้นเหมือนเก่า เธอสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วก็ตอบด้วยเสียงเรียบเรื่อย “ฉันไม่ได้เป็นใบ้ค่ะ แค่ไม่รู้ว่าจะต้องตอบคุณยังไงดี” ภามยิ้มกวนโทสะ รอยยิ้มนั่นกระตุกต่อมโมโหของบุหลันได้เป็นอย่างดี “ก็ตอบ ตามที่ฉันถามนั่นไง” “คงเพราะคำถามของคุณกว้างเกินไป ฉันเลยไม่รู้ว่าจะตอบแบบไหน ถึงทำให้คุณพอใจได้ค่ะ” ปลายคางบุหลันเผลอยกเชิดขึ้น ภามหรี่เปลือกตาลง “ฉันอาจจะใช้ภาษาที่เธอฟังแล้วไม่เข้าใจก็ได้” เขาหมดความสนใจหญิงตรงหน้า คำตอบของหล่อนทำให้ภามเอือมระอา ผู้หญิงสวยไร้สมอง ไม่ควรค่าให้เขาสนใจสักนิด “ค่ะ อาจจะเป็นอย่างนั้น” บุหลันแค่นตอบ เธอรู้ดีว่าชายผู้นี้เข้าใจตนเองแบบไหน แต่การอยู่ห่างๆ เขา น่าจะปลอดภัยกับตัวเองมากกว่า เขาอยากเข้าใจแบบไหน ก็แล้วแต่เลย... ก่อนที่ภามจะเดินจากไป เขาเหลียวกับมามองบุหลันซ้ำ ปลายเท้าที่กำลังจะขยับเดินชะงักค้าง “เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า?” เป็นคำถามที่ทำเอาบุหลันสะดุ้ง!! เธอเก็บอาการแทบแย่ กลัวว่าตัวเองจะเผลอเผยพิรุธออกไปจนชายตรงหน้าจับได้ เธอส่ายหน้า ไม่กล้าปริปาก กลัวว่าเสียงเธอจะสั่น และเป็นพิรุธให้เขาสังเกตเห็น “เหรอ...หน้าเธอคุ้นตาฉันพิกล ช่างเถอะ!!” ภามพูดเอง แล้วก็ตัดบทเอง เขาเดินจ้ำอ้าว พยายามสลัดแววตาจัดจ้าที่เปล่งแสงแข่งกับแสงสีนวลของจันทราออกไปจากใจ “ไม่หรอก!!” เขาพึมพำ หลังภาพใครบางคนวิ่งมาซ้อนทับวงหน้าลออตานั่น “นังหลัน ฉันสั่งให้แกคอยดูแลยัยพริไม่ใช่เหรอไง!!” คะนึงนิจตะเบ็งเสียงแหลม ตอนที่บุหลันเดินผ่านเงาไม้ด้านข้างตัวตึกเข้ามาใต้ชายคาบ้านพินิจดำรง “คุณท่านมีเรื่องจะใช้หลันเหรอคะ” บุหลันพยายามไม่สนใจน้ำเสียงกระด้างนั่น “อย่ามาเปลี่ยนเรื่องพูด หล่อนหายหัวไปไหนมายะ” คะนึงนิจยังตะคอกต่อ “หลันรู้สึกตื้อๆ เลยออกไปสูดอากาศในสวนค่ะ” “คนอย่างหล่อนทึกเหมือนควาย งานเล็กๆ น้อยๆ แค่นี้อย่ามาแสร้งทำสำออยหน่อยเลยยะ” คะนึงนิจกระแทกเสียงใส่ “คุณ มาทำอะไรแถวนี้ อ้าวยัยหลันนั่นเอง ทำไมมาอยู่ที่มืดๆ ตรงนี้ละ ออกไปสนุกกับพี่เขาสิ” โอภาสเดินมาสมทบ คะนึงนิจรีบปรับสีหน้า “คุณนั่นแหละค่ะ มาทำอะไรแถวนี้คะ คุณน่ะควรออกไปรับแขก ฉันเห็นตาภามแว๊บๆ คุณควรไปเกริ่นกับเขาสักหน่อยนะคะ” “คนเยอะจนตาลาย ผมเลยหลบมาพักตาสักหน่อยน่ะ” โอภาสตอบภรรยา และก็ผินมองบุตรสาวคนเล็ก ใบหน้ามันย่องนั่นทำให้เขารู้สึกผิดเพิ่มขึ้น “ใช้งานยัยหลันให้มันน้อยๆ หน่อยสิคุณ ใช่ว่าเราไม่มีเงินเสียหน่อย” เขาปรามคะนึงนิจเสียงเรียบ หลายครั้งที่โอภาสเห็นว่าบุหลันถูกกดขี่ แต่เขาก็แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น เพราะไม่อยากให้เกิดการกระทบกระทั่ง ยังไงบุหลันก็ปลอดภัยใต้ชายคาคฤหาสน์พินิจดำรง เขาวางใจไม่ลงที่จะปล่อยบุหลันออกไปเผชิญชะตากรรมที่โลกภายนอก “ฉันก็ไม่ได้ให้ลูกสาวคุณไปแบกหามหรือทำงานหนักอะไรสักหน่อย งานครัวเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นเอง เห็นมีแต่คนชม ฉันใช้งานนิดหน่อยทำเป็นบ่นหรือไงคะ” คะนึงนิจแย้งเสียงแข็ง “ยัยหลันไม่ใช่ลูกจ้าง คุณจะใช้อะไรก็นึกถึงหน้าผมสักนิดสิ” โอภาสตอกกลับ “อย่าทะเลาะกันเลยค่ะ หลันไหว คุณพ่ออย่าห่วงไปเลย” บุหลันพูดแทรก “เห็นไหมคะ ลูกสาวคุณไม่อะไร คุณจะเล่นใหญ่ทำไม” “อ้าว หลันอยู่นี่เอง คุณลุงอยากได้อะไรเพิ่มเหรอคะ” เพรียวโผล่มาพอดี บรรยากาศอึมครึมเลยลดลง “แม่เพรียวเขาเป็นแม่แรงนะคุณ ไม่ใช่ลูกสาวคุณหรอก” คะนึงนิจได้ทีพูดสำทับไปอีก “เพรียวเป็นลูกมือหลันค่ะ ถ้าเพรียวลงมือเอง คุณป้าคงถูกนินทาจนหูชาไปแล้ว” เพรียวแย้งหน้าตาย แม้รู้ผลลัพธ์ดี แต่ไม่อยากให้คนเป็นป้าทับถมบุหลัน “ยัยเพรียว!!” คะนึงนิจตวาดเสียงแว๊ด หลานสาวคนนี้เข้าข้างบุหลันออกนอกหน้า จนนางเริ่มทนไม่ไหว “เพรียวพูดความจริงค่ะ ยัยหลันเก่งจริง ไม่อย่างนั้นจะมีผู้ใหญ่ใจดีเรียกใช้บ่อยๆ เหรอคะ” บุหลันเป็นเด็กว่าง่าย แถมมีฝีมือเรื่องงานครัว ผู้ใหญ่หลายท่านในตระกูลเลยเรียกใช่ไม่ขาด งานสมาคมใหญ่ๆ บุหลันก็เคยไปแสดงฝีมือมาแล้ว “ฉันเบื่อฟังหล่อนแล้ว ไปค่ะคุณพี่ ตรงนี้อบอ้าวจะตาย” คะนึงนิงรั้งแขนสามี แล้วก็สะบัดค้อนให้หลานสาว “แกจะทนทำไม แม่เลี้ยงปากร้ายแบบนี้ ควรสั่งสอนกลับไปบ้าง จะได้ไม่ข่มกันเกินไป” “ที่พูดถึงนั่น ป้าสะใภ้แกนะยัยเพรียว” “พี่สะใภ้พ่อฉันแล้วไง ไม่ใช่แม่ฉันสักหน่อย” เพรียวแย้งกลับ “หิวแล้ว ไปหาที่นั่งกินข้าวกันเถอะ แกน่ะได้กินบ้างหรือยัง” เพรียวรั้งบุหลันเดินไปในครัว “ว่าแต่ แกเจอหมอนั่นหรือยัง?” เพรียวถามต่อ บุหลันตัวเกร็งแล้วก็รีบส่ายหน้า “...” “แกโกหก ฉันมองหน้าแกฉันก็รู้แล้ว ว่าแต่... แกไปเจอหมอนั่นตอนไหน ทำไมฉันไม่เห็น” สีหน้าและแววตาของบุหลันปิดไม่มิด “บังเอิญน่ะ” บุหลันอ้อมแอ้มตอบ “ไม่มีเรื่องบังเอิญบนโลกใบนี้หรอก” เพรียวแย้ง มองบุหลันด้วยแววตาผสมความเห็นใจ มีหลายเรื่องที่บุหลันแบกไว้ แต่ละเรื่องก็หนักๆ ทั้งนั้น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD