Chapter 2 พี่เลี้ยงจำเป็น-1
บานประตูถูกกระชากออกแรงๆ ตามอารมณ์ที่ไม่ปกติของเจ้าของห้อง เพียงเห็นคนที่ยืนยิ้มรออยู่หน้าห้องทำให้ฝ่ามือแกร่งทำท่าจะดันบานประตูปิดใส่หน้าอย่างไม่ใยดี
“ดะ เดี๋ยวค่ะพี่แทน”
วาดจันทร์รีบละมือข้างหนึ่งไปดันประตูเอาไว้ รอยยิ้มที่เปื้อนอยู่บนใบหน้าแทบจางหายเมื่อได้รับเพียงสายตาหมางเมินเย็นชากลับมา
“มีอะไร!”
“ป้ากุลบอกว่าพี่แทนไม่ยอมลงไปทานข้าว ใบตองก็เลยทำข้าวต้มมาให้ ทานรองท้องสักหน่อยนะคะจะได้ไม่ปวดท้อง”
คนฟังปรายตามองข้าวต้มร้อนๆ กรุ่นไอควันแสนน่าทาน…แต่นั่นสำหรับคนอื่น ในเวลานี้แม้แต่น้ำเปล่าเขาก็แทบกลืนไม่ลง หล่อนมาไม่ดูเวล่ำเวลาว่าเขากำลังอารมณ์ไม่ดี การที่มายืนเซ้าซี้จึงยิ่งเพิ่มดีกรีความร้อนในใจให้ปะทุขึ้นมา
“ฉันไม่หิว จะไปไหนก็ไป อย่าทำให้รำคาญจะได้มั้ย!”
“แต่…”
“บอกว่าไม่กินไง!”
วาดจันทร์สะดุ้งถอยกรูดไปหนึ่งก้าว เมื่อเสียงตวาดใส่หน้ามาพร้อมกับถาดข้าวต้มที่ถูกปัดจนหลุดจากมือหกกระจายอยู่บนพื้น ใบหน้าสวยซีดเผือดเพราะไม่คิดว่าจะทำให้เขาโกรธถึงเพียงนี้
“ถ้าอยากช่วย…ช่วยอยู่เฉยๆ จะดีที่สุด อย่าทำให้รำคาญมากไปกว่านี้ จำเอาไว้!”
“แต่ใบตองแค่เป็นห่วงพี่แทน ทำไมต้องประชดด้วยการทำร้ายตัวเองด้วยคะ”
“ไม่ต้องมาเป็นห่วงฉันเพราะเราไม่ได้เป็นอะไรกัน แล้วก็ไม่ต้องมาสั่งสอน ฉันรู้ตัวเองดีว่ากำลังทำอะไร”
“…..”
“ถ้าอยากจะกลับไปอยู่บ้านก็ไปเลยนะ ฉันไม่อยากเห็นหน้าเธอ แล้วฉันก็ไม่มีปัญญาที่จะเลี้ยงใครในบ้านนี้ได้อีกต่อไปแล้ว”
น้ำคำประชดประชันอันมาจากธุรกิจที่หยุดชะงัก เมื่อเงินหมดทุกอย่างก็เปลี่ยน เขานึกไปถึงภรรยาแต่มาพาลใส่อีกคนที่ไม่รู้
อะไรด้วยเลย
‘นี่เขาไล่เรางั้นเหรอ…ใบตองเอ๊ยจะไปได้ยังไงในเมื่อ…’
หญิงสาวขบกรามเข้าหากัน ปลายเล็บแอบจิกเข้ากับอุ้งมือจนเจ็บชา เมื่อคิดไปถึงว่าบ้านของตนนั้นไม่ปลอดภัยเท่าที่นี่ บ้านที่มีพ่อเลี้ยงบ้ากามจ้องแต่จะลวนลามหล่อนทุกครั้งที่มีโอกาส โดยเฉพาะสายตาโลมเลียแทะโลมเวลาเจอกัน หล่อนเกลียดแววตาแบบนั้นจนไม่อยากกลับไปเจอ…แล้วก็เป็นเขา เขาเป็นคนอนุญาตให้หล่อนเข้ามาร่วมชายคา แต่ในเวลานี้กลับเอ่ยปากไล่เพียงเพราะมีปัญหาส่วนตัว
เสียงร้องอ้อแอ้ที่ดังขึ้นมา ทำให้คนที่กำลังฉุนเฉียวเกรี้ยวกราดเบนความสนใจไปตรงนั้น ชายหนุ่มผลุนผลันหันหลังหนีคนที่ยืนแววตาแดงก่ำสั่นระริกกลับเข้าไปในห้อง สองมือประคองอุ้มแฝดคนน้องที่เพิ่งตื่นขึ้นมาปลอบ ด้วยกลัวว่าหากปล่อยไว้นานจะร้องออกมาเหมือนเมื่อคืน
แววตาคมกล้าปรายมองไปหน้าห้อง เขาเห็นหล่อนกำลังก้มหน้าก้มตาเก็บชามและทำความสะอาดเศษอาหารบนพื้นที่มาจากฝีมือตน ใบหน้าที่แดงก่ำของเธอทำให้แวบหนึ่งคล้ายจะก่อเกิดความสงสารเอ่อท้นขึ้นในอกจนรู้สึกผิดที่ทำลงไปแบบนั้น แต่…มันก็เกิดขึ้นแค่ชั่ววินาทีเท่านั้น เธอไม่ได้มีความสำคัญต่อหัวใจที่จะให้คนอย่างเขาเดินเข้าไปง้องอน ชายหนุ่มพยายามสร้างกำแพงขึ้นมาขวางกั้น
วาดจันทร์เหลือบมองคนใจร้ายที่กำลังเล่นกับสองฝาแฝดด้วยใจที่เจ็บลึก สองมือรีบเก็บรีบทำความสะอาดเพื่อไปจากตรงนี้ ให้เร็วที่สุด ก่อนที่ความเสียใจจะบีบคั้นหยาดน้ำตาให้ไหลรินอวดคนใจร้ายในห้อง เพราะต่อให้หล่อนร้องไห้ฟูมฟายเจียนจะขาดใจตรงหน้า เขาก็คงจะไม่มาง้องอน
+++++
“อูย…ร้อนชะมัด”
ตะวันวาดชักมือกลับแล้วสลัดไปมาพลางสูดปากด้วยรู้สึกแสบร้อนที่ปลายนิ้ว เขาต้องการผสมน้ำอุ่นเพื่ออาบน้ำให้ลูกสาว ความที่ไม่มีประสบการณ์ทำให้เขากะอุณหภูมิที่เหมาะสมไม่เป็น
จะเติมน้ำก็กลัวจะเย็นเกินไปแล้วลูกสาวเขาจะหนาวจนไม่สบาย จะใช้ความรู้สึกตัวเองเป็นที่ตั้งก็กลัวจะร้อนเกินไปเพราะความทนทานของเขากับเด็กทารกนั้นไม่เท่ากัน…ชายหนุ่มเดินวนไปเวียนมาในห้องอยู่พักใหญ่ ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจว่าคงต้องไปเรียกใครก็ได้ในบ้านให้มาช่วยจัดการ จากที่ไม่มีใครกล้ามาวุ่นวายกับเขาเพราะกลัวถูกไล่ตะเพิดกลับไป
+++++++
ค่าน้ำ…ค่าไฟ…เงินเดือนแม่บ้าน…ค่าบัตรเครดิต…เงินเดือนพี่สาวฯลฯ
วาดจันทร์รวบใบแจ้งหนี้ทั้งหมดสุมรวมกันไว้ที่ปลายเตียง หลังจากแกะดูทีละใบจนพอรู้ยอดที่จะใช้จ่ายในเดือนนี้ อดที่จะกลุ้มใจแทนเจ้าของบ้านไม่ได้ เนื่องจากค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนนั้นเหยียบแสนเลยทีเดียว โดยเฉพาะค่าน้ำค่าไฟก็เป็นหมื่นเข้าไปแล้ว มันคือภาระอันแสนหนักอึ้งพานให้กลัดกลุ้มหากไม่มีเงินมาหมุนเวียนเพื่อรับภาระค่าใช้จ่ายเหล่านี้
ที่สำคัญ...เดือนนี้หล่อนยังไม่ได้รับเงินจากตะวันวาดเพื่อนำ
ไปเคลียร์ค่าใช้จ่ายต่างๆ ไม่ให้คงค้าง จริงๆ งานทั้งหมดนี้ควรจะเป็นของปานจันทร์ที่ต้องเข้ามารับผิดชอบด้วยซ้ำ แต่พี่สาวหล่อนกลับไม่ยอมหยิบจับอะไรอะไรก็ตามที่เป็นงานในบ้าน นอกจากเลี้ยงลูกและรอรับเงินเดือนจากสามีให้ใช้จ่ายสบายๆ โดยไม่ต้องทำงานอะไร
ต่างจากหล่อนที่ต้องทำทั้งงานประจำและช่วยแม่บ้านทำงานบ้านเท่าที่จะช่วยได้ รบกวนตะวันวาดแค่เรื่องเดียวคือการได้อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้เท่านั้น การที่เขาไม่ค่อยมีเวลาว่างเพื่อเคลียร์การเงินเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายต่างๆ ภายในบ้าน เขาจึงไหว้วานให้หล่อนเป็นคนรับผิดชอบแทนในทุกๆ เดือน รวมทั้งการโอนเงินเข้าบัญชีพี่สาวตนตามที่เขาเป็นคนกำหนดและเป็นคนเบิกจ่ายโดยต้องมีหลักฐานยืนยัน
‘ทำยังไงดี พายุเข้าแบบนี้ถ้าไปทวงมีหวังโดนอีกแน่เรา…’
ในขณะที่กำลังนั่งคิดนอนคิดด้วยความกลัดกลุ้ม เสียงเคาะประตูห้องที่ดังเบาๆ ก็ปลุกให้หญิงสาวตื่นจากภวังค์
เพียงบานประตูถูกเปิดออกแล้วเห็นว่าใครยืนรออยู่หน้าห้อง ดวงตากลมโตก็ฉายแววตื่นตะหนกเพราะคิดว่าเขาจะตามมาตำหนิอะไรอีก…หากแต่ว่าแววตาที่เขาสบกลับมานั้นแลดูอ่อนโยนลงไปมากหากเทียบกับตอนเช้า หญิงสาวก็ลอบผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ