บลูเบลล์นั่งตัวเกร็งเมื่อถูกแม่บ้านเชิญให้มานั่งที่โซฟา ผู้ชายที่พูดกับเธอไม่จำเป็นต้องเดาก็รู้ว่าเขาเป็นใคร คงหนีไม่พ้นว่าที่คู่หมั้นของเธอ แค่เสียงของเขาทำเอาเธอกลัวไม่น้อย สายตาของชายตรงหน้าไม่ได้มองเธอเลยด้วยซ้ำ แต่มันกลับน่าขนลุก
“คุณบลูเบลล์คะ น้ำค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ” เธอยิ้มให้กับแม่บ้านที่นำน้ำมาให้ จากนั้นก็เริ่มดื่มน้ำในแก้ว
“พูดมาตรง ๆ เธอต้องการเงินเท่าไหร่?” เวทมนต์ที่เงียบมานานเริ่มถามอีกครั้งเกี่ยวกับจำนวนเงินที่ใช้จ้างเธอ
“หนูไม่ได้ต้องการเงินค่ะ” บลูเบลล์ตอบเขาเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน ถ้าไม่ติดว่าบ้านเงียบสงัด
“อย่ามาทำใสซื่อพูดดี ผู้หญิงมันจะยอมหมั้นกับคนพิการง่าย ๆ โดยไม่ต้องการอะไร หึ! มีแต่ในนิยายน้ำเน่าเท่านั้นแหละ” เขาพูดอย่างดูถูกเหยียดหยามโดยไม่ต้องมองก็รู้ดีว่าเขากำลังทำแบบนั้น
“คุณกำลังมองโลกในแง่รา้ยนะคะ”
“เธอมีสิทธิ์อะไรมาว่าฉัน!”
“นะ..หนูเปล่า หนูไม่ได้ว่าคุณ” บลูเบลล์โบกไม้โบกมือและพยายามมองหาคนรอบ ๆ เพื่อช่วย แต่ไม่มีสักคน
“ฉันจะจ่ายให้เธอสองล้าน ไสหัวไปจากครอบครัวฉันซะ ไม่อย่างงั้นอย่าหวังว่าเธอจะได้มีโอกาสดี ๆ แบบนี้อีก”
“หนูไม่ได้ต้องการเงินของคุณ หนูทำก็เพื่อคุณทั้งสอง”
“จะไม่ยอมดี ๆ ใช่มั้ย?” เสียงของเวทมนต์เปลี่ยนไป มันเรียบนิ่งต่างจากตอนแรกที่เอาแต่ตวาด
“คุณอย่าให้หนูเลือกเลยนะคะ หนูแค่มาดูแลคุณ”
“ฉันไม่ได้ต้องการ”
“หนู…” บลูเบลล์ไม่รู้ว่าต้องพูดอะไรต่อ
“เลือกเดินออกไปซะ ไม่งั้นต่อจากวันนี้ฉันจะทำให้เธอตกนรกทั้งเป็น” อย่าถามเลยว่าเธอกลัวมั้ย ต้องถามว่าใครบ้างที่ไม่กลัว
“หนูทำแบบนั้นไม่ได้ค่ะ”
“มันต้องได้”
“เสียงเอะอะโวยวายอะไรเวทมนต์” เปลวที่ไม่ได้ไปกับภรรยาเพราะมีประชุมออนไลน์ด่วนเข้ามาเดินลงมาจากด้านบน
“พ่ออยู่บ้านเหรอ?” เขาคิดเหมือนกับคนอื่นว่าเปลวออกไปข้างนอก
“ใช่ ถ้าฉันไม่อยู่จะรู้เหรอว่าแกกำลังข่มขู่น้อง”
“ผมก็แค่ทักทาย” เสทมนต์หลับตาลงแม้ว่าจะมองไม่เห็นหน้าของคนที่คุยด้วยแต่ก็เหนื่อยล้าไม่น้อย
“ทักทายแบบไหนของแก อย่าทำให้แม่แกต้องเสียใจ ลำพังที่แกดื้อหัวรั้นแม่แกก็เครียดพอแล้ว ถ้ารู้ว่าแกตวาดผู้หญิงแบบนี้คิดมั้ยว่าแม่จะผิดหวังแค่ไหน” เขาเตรียมจะเดินหนีเพราะไม่อยากฟังเสียงบ่น
“ฉันยังไม่อนุญาตให้แกไป”
“ผมไม่มีอะไรจะคุยด้วย”
“แต่ฉันมี กลับมานั่งซะ” เวทมนต์ยอมแต่โดยดีเพราะหากพ่อเขาเอาจริง การดื้อด้านไปไม่ได้ช่วยอะไร
“หนูบลูเบลล์ เอาของไปเก็บที่ห้องเถอะ เดี๋ยวพ่อจะให้แม่บ้านพาไป”
“ค่ะ” หลังจากว่าที่ลูกวะใภ้เดินไปแล้ว เปลวกลับมามองหน้าลูกชายด้วยความเอือมระอา ตอนนี้เวทมนต์กำลังต่อต้านเขาเหมือนที่เขาเคยต่อต้านพ่อตัวเองไม่มีผิด
“ทำไมต้องให้เธอเรียกว่าพ่อด้วย ผมไม่มีน้องสาว”
“แต่เขากำลังจะมาเป็นเมียแก”
“ผมขอหรือไง?” ชายหนุ่มย้อนกลับจนลืมไปว่าอาจจะทำให้พ่อที่กำลังหงุดหงิด โมโหมากขึ้น
“แล้วฉันจะให้ใครเรียกว่าพ่อฉันจำเป็นต้องขอแกเหรอ?” เวทมนต์ถึงกับสะอึกเลยทีเดียวเมื่อเจอสวนกลับแบบนั้น บลูเบลล์อาจจะสู้เขาไม่ได้แต่แน่นอนว่าเปลวสู้เขาได้ ด้วยความเป็นพ่อก็ทำให้ชนะไปกว่าครึ่งแล้ว
“ทำตัวดี ๆ ฉันรู้ว่าแกไม่เต็มใจกับเรื่องนี้มากนัก แต่ถ้าวันนึงแกเป็นแบบที่ฉันเคยเป็น แกจะได้ไม่ต้องคอยบอกตัวเองในตอนนั้นว่าไม่น่าทำแบบนี้เลย”
“ผมไม่มีวันรักเธอหรอก ผมไม่ได้เหมือนพ่อ พ่อรักแม่เพราะแม่ดี แต่ผู้หญิงคนนั้นต่อให้ดีให้รักผมยังไง ผมก็ไม่มีวันเปลี่ยนใจ ผมมีคนที่ผมเลือกแล้ว”
“จำคำพูดแกให้ดีเวทมนต์ ฉันเตือนแกด้วยความหวังดี แกจะไม่รับก็เรื่องของแก แต่จำไว้ฉันจะไม่ถอนหมั้นให้แกกับน้องเด็ดขาด มันจะมีแค่การจัดงานแต่งเท่านั้น” เวทมนต์กำหมัดแน่นและเอาแต่คิดว่าควรทำยังไงให้บลูเบลล์ไปให้พ้นชีวิตของเขา
“อ๋อ แล้วผู้หญิงคนนั้นที่แกรักนักรักหนา ลืมไปซะ ฉันจะไม่มีวันรับคนที่ทิ้งแกในวันที่ลำบาก มาเป็นลูกสะใภ้เด็ดขาด!”
“ผมจะรักใคร จะเลือกใครไม่จำเป็นต้องให้พ่อรักเธอเหมือนที่ผมรัก”
“แกมั่นใจเหรอว่าถ้าแกรู้ความจริงทั้งหมด แกจะรักผู้หญิงคนนั้นลง?” เปลวกระตุกยิ้มเมื่อคำพูดของเขาทำให้ลูกชายชะงัก
“พ่อหมายความว่าไง?”
“ตอนนี้แกไม่จำเป็นต้องรู้ ฉันกับแม่แกปกป้องความสุขของแกอย่างดี หวังว่าแกจะมีเสี้ยวนึงในเลือดที่ได้แม่แกมาและไม่เลวร้ายกับคนที่ดีด้วย ไม่งั้นคนที่จะเสียใจที่สุดคือแกเอง” เปลวเดินจากไป ทิ้งเวทมนต์ไว้ให้ได้นั่งทบทวน
“คนเดียวที่จะเสียใจจากเรื่องนี้คือผู้หญิงคนนั้นต่างหาก” เวทมนต์บ่นเบา ๆ จากนั้นเขาเริ่มเดินกลับขึ้นด้านบน
“เดี๋ยวหนูช่วยค่ะ” บลูเบลล์เก็บของเสร็จและเดินมาเจอพอดี จึงพยายามที่จะเข้าไปประคอง
“ไม่ต้องยุ่ง น่ารำคาญ” เธอเลือกที่จะไม่สนใจคำพูดคำจากที่ออกจากปากคนอย่างเขา
“เดี๋ยวตกลงไปค่ะ ให้หนูช่วยคุณเถอะ”
“ถ้าจะตกฉันตกไปตั้งแต่สามเดือนก่อนแล้ว ฉันไม่โง่อย่างเธอหรอก” บลูเบลล์เลือกจะเดินตามหลังเขาเงียบ ๆ แทน เพราะคิดว่าเขาคงไม่รู้หากไม่ส่งเสียง แต่เธอคิดผิด เพราะสัมผัสที่เวทมนต์ใช้แทนสายตาคือการคลำและการดมกลิ่น
กลิ่นแป้งเด็กที่ออกจากตัวของเธอมันหอมกว่าน้ำหอมบางยี่ห้อ และทำให้เขาผ่อนคลายไม่น้อยเลยทีเดียว แต่เพราะทิฐิที่มี บวกกับการอยากเอาชนะ เวทมนต์จึงเลือกสลัดความรู้สึกนั่นทิ้ง
“อย่าเดินตามฉัน”
“คะ..คุณรู้เหรอคะ?”
“ก็บอกว่าไม่ได้โง่เหมือนเธอไง ไสหัวไปให้พ้น ๆ” เวทมนต์ไล่เธอ แต่แทนที่บลูเบลล์จะไป เธอกลับนั่งลงที่พื้นเพื่อพับผ้าที่เอาออกมาจากกระเป๋า
“ทำไมยังอยู่อีก?”
“หนูกำลังพับผ้าอยู่ค่ะ”
“ไปพับที่อื่น เอาไปไว้ที่อื่นด้วย ห้ามเอามาไว้ในห้องฉัน”
“ไม่ได้หรอกค่ะ คุณเปลวสั่งห้ามไม่ให้หนูแยกห้องนอนกับคุณ” ถ้าต้องเลือกเชื่อฟังคำสั่งใคร เธอเลือกเชื่อเปลว เพราะรู้ดีว่าเปลวปกป้องเธอจากเวทมนต์ได้ แม้ว่าหลังจากที่เปลวไม่อยู่อย่างที่เคยบอกไว้เธอจะต้องเผชิญกับปีศาจร้ายตัวนี้โดยลำพังก็ตาม
เวทมนต์ได้แต่ทำใจว่าสุดท้ายแล้วเขาไม่สามารถเลี่ยงอะไรได้สักอย่าง คำสั่งของเปลวชัดเจนว่าเขาไม่ยินยอมให้บลูเบลล์แยกห้อง แถมยังสั่งแม่บ้านไว้อีกด้วย
“คืนนี้เธอต้องนอนที่พื้น”
“ได้ค่ะ” ไอการที่เธอยอมตกลงง่าย ๆ แบบนี้มันก็ดีอยู่ แต่มันทำให้เวทมนต์หงุดหงิดที่เขาไม่สามารถทำอะไรเธอได้สักอย่าง มิหนำซ้ำเธอยังดูไม่ทุกข์ไม่ร้อนอีกด้วย
“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว”
“อะไรเหรอคะ?” บลูเบลล์เงยหน้ามองเวทมนต์โดยที่เจ้าตัวไม่รู้ เพราะเขามองไม่เห็น
“เธอมานอนบนเตียง คืนนี้ฉันจะนอนกับเธอ” บลูเบลล์ใจเต้นจนแทบหลุดออกมา ตั้งแต่เล็กจนโตเธอไม่เคยนอนร่วมเตียงกับผู้ชายคนไหนมาก่อนเลย แม้กระทั่งตอนอยู่บ้านเด็กกำพร้า เพราะที่นั่นแยกห้องนอนชายหญิงอย่างชัดเจน
“มะ..มันไม่น่าจะดี หนูกลัวจะนอนดิ้นโดนคุณ”
“ฉันสั่ง เธอต้องทำตามไม่มีข้อแม้อะไรทั้งนั้น ไม่งั้นก็ไปนอนหน้าห้อง” บลูเบลล์เม้มปากแน่น เธอจำต้องยอมด้วยความไม่เต็มใจ
“คุณจะอาบน้ำเลยมั้ยคะ หนูจะไปเตรียมน้ำให้”
“ฉันจะอาบเลย ส่วนเธอต้องอาบให้ฉัน”
“มะ..ไม่ได้นะคะ”
“อย่ามาทำใสซื่อ ผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างเธอผ่านมากี่คนแล้ว เห็นของฉันอีกคนมันไม่แปดเปื้อนไปมากกว่านี้หรอก คนที่ควรหวงตัวควรเป็นฉันไม่ใช่เธอ” ดูเหมือนคำพูดนี้มันจะแรงไปสักหน่อย เพราะตั้งแต่เวทมนต์พูดจบ บลูเบลล์เงียบไปเลย เธอนิ่งไปได้ไม่นานก็ลุกเดินเข้าห้องน้ำไปเตรียมทุกอย่างให้เรียบร้อย
“น้ำพร้อมแล้วค่ะ”
“หึ! อยากเห็นของฉันจนอดใจไม่ไหวเลยหรือไง?” แทนที่ชายหนุ่มจะรู้ตัวว่าตัวเองไม่สมควรแต่กลายเป็นกระแซะเธอเพิ่ม
“มาอาบน้ำเถอะค่ะ พรุ่งนี้หนูต้องไปเรียนแต่เช้า”
“ฉันไม่อนุญาตให้เธอไป”
“ไม่ได้นะคะ หนูใกล้จะจบแล้ว” เธอบอกเหตุผลเพื่อหวังว่าเขาจะเข้าใจ แต่ไม่เลย เขาเห็นมันเป็นโอกาสทำร้ายเธอ
“นั่นเป็นปัญหาของเธอ ไม่ใช่ของฉัน มีหน้าที่มาดูแลฉัน อย่ามัวแต่ไปทำเรื่องไร้สาระ” บลูเบลล์น้ำตาคลอ แม้ว่าเธอจะเคลียร์ทุกอย่างจบแล้ว แต่การเข้าเรียนก็เป็นคะแนนสำคัญเหมือนกัน
“แต่มะ..มันคืออนาคตของหนู”
“แล้วอนาคตของฉันล่ะ เธอรู้มั้ยว่าการที่เธอตกลงหมั้นกับฉันมันทำร้ายฉันขนาดไหน ฉันมีคนที่ฉันรัก มีคนที่ฉันรอ เธอเข้ามาทำไม!”
“นะ..หนูฮึก ไม่รู้” เธอบอกไปตามความจริง แต่สำหรับเวทมนต์มันก็แค่เรื่องที่เธอกุขึ้นมา
“เธอจะบอกไม่รู้อะไรเกี่ยวกับผู้ชายที่เธอตกลงจะหมั้นด้วยเลยงั้นเหรอ หรือเห็นแค่ฉันรวยก็พอ รู้ว่าถ้าได้หมั้นจะเป็นหน้าเป็นตาของตัวเอง แค่นั้นใช่มั้ยถึงตกลงหมั้นง่าย ๆ”
“นะ..หนูไม่รู้จริง ๆ”
“หึ! ฉันบอกเธอแล้วว่าถ้าไม่ไสหัวออกไปตั้งแต่ตอนนั้นฉันจะทำให้เธอตกนรก เมื่อเธอดื้อด้านก็ทนให้ไหวแล้วกัน” ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำไปโดยเดินชนไหล่ของเธอ ร่างที่เล็กกว่าเซจนเกือบล้ม โชคดีที่เธอเอาแขนยันตัวเองไว้ทัน ไม่งั้นหัวของเธออาจจะกระแทกที่ขอบเตียง
“ตามมาอาบน้ำให้ฉัน เลิกสำออย!” บลูเบลล์ปาดน้ำตาออกจากใบหน้าลวก ๆ จากนั้นเดินตามเวทมนต์เข้าไป เธอทำในสิ่งที่ควรจะทำคือการถอดเสื้อของเขาออก
“ฉันต้องการให้เธอใช้ปากของเธอบำเรอให้ฉัน”
“มะ..หมายความว่ายังไงคะ?”
“อยากให้ฉันพูดหยาบ ๆ ใช่มั้ย ชอบแบบแรง ๆ ใช่มั้ย งั้นก็มาอมของฉัน ในเมื่ออยากเป็นเมียฉันนัก ก็ให้ฉันทดลองปากเธอตั้งแต่วันนี้เลย” เวทมนต์พยายามดันตัวเธอให้นั่งลงที่พื้น แขนขวากดหัวของเธอไว้แน่น แขนซ้ายพยายามจะปลดกระดุมกางเกงของตัวเองออก
“หนูไม่อยากทำ ไม่เอานะคะ”
“หุบปาก!” แก่นกายไซต์ใหญ่เกินมาตราฐานรูดไปตามปากของบลูเบลล์ เวทมนต์พยายามใช้สัญชาตญานของตัวเองที่เคยชินทำมัน แต่เธอไม่ยอมอ้าปาก
“เอามันเข้าปากซะ อย่าให้ฉันต้องบีบคอให้เธอทำ”
“ฮึก หนูทำไม่ได้ หนูทำไม่เป็นคุณเวทมนต์” เธอพยายามแล้วที่จะบอกเขา แต่ความโกรธมันบังตา เวทมนต์ไม่รับฟังอะไรทั้งสิ้น เขาต้องการให้เธอทำ และเธอต้องทำ
“อ้าปาก ฉันจะกระแทกเข้าไปเอง” เธอรู้ดีว่าหากครั้งนี้ไม่ยอมจะต้องเจ็บตัว สุดท้ายท่อนเอ็นของเขาก็ได้เข้าไปในปากเล็กของเธอ
“ฮึก” ความยาวของมันส่งผลให้ทิ่มไปที่คอของเธอจนแทบอ้วก แต่เธอต้องฝืนทน
“อ่าส์ เสียวชิบ” เวทมนต์เกร็งไปทุกสัดส่วน ความคับแน่นของปากทำเอาเขาแทบเสร็จเดี๋ยวนั้น การไม่ได้ปลดปล่อยนาน ๆ ยิ่งทำให้เขาหลั่งเร็วมากกว่าเดิม เอวสอบกระแทกเข้าออกโดยไม่สนใจว่าคนถูกกระทำจะเจ็บแค่ไหน
“อื้ม เลียหน่อยบลูเบลล์” อารมณ์ที่สุขสมทำให้เขาเผลอครางชื่อเธอเสียงหวาน แถมยังร้องขออีกต่างหาก บลูเบลล์ทำตามที่เขาสั่งเพื่อปรนเปรอความสุขในแบบที่เขาต้องการ และพยายามจะเข้าใจว่าเขาก็แค่ผู้ชายคนนึงที่มีความต้องการ
“แบบนั้นแหละ อื้มซี๊ด” ร่างหนาครางสูดปาก เพียงแค่อึดใจเดียวน้ำสีขาวขุ่นก็ทะลักออกมา
“ถ้าเมื่อไหร่ที่ฉันต้องการ เธอจะต้องทำมัน ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ เข้าใจมั้ย”
“ค่ะ” บลูเบลล์กลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้เพื่อไม่ทำให้เขาต้องอารมณ์เสีย
“ดี เชื่อฟังฉัน เธอจะได้ไปเรียน ถ้าดื้อกับฉัน จำเอาไว้ว่าใครก็ช่วยเธอไม่ได้ แม้กระทั่งพ่อของฉันเอง” เธอไม่โต้ตอบแต่ค่อย ๆ เปิดน้ำล้างตัวของเวทมนต์ที่เลอะน้ำกาม เขาจะได้ลงไปแช่อ่างอย่างสบายตัว
“ไปถอดเสื้อผ้าตัวเองออก ฉันต้องการคนถูหลัง”
“ค่ะ” วันนี้เธอเหนื่อยแล้วที่จะต่อต้านเขา การกระทำที่แสนป่าเถื่อนที่เขาเพิ่งทำ มันทำร้ายเธอโดยที่เขาไม่สนใจเลยด้วยซ้ำว่าหลังเสร็จกิจของตัวเองเธอจะรู้สึกยังไง
“ทำไม ไม่พอใจฉันหรือไง?” เวทมนต์ได้ฟังน้ำเสียงแบบนั้นทำให้เขาไม่ชอบใจนัก
“หนูไม่สิทธิ์นั้นหรอกค่ะ คุณเวทมนต์ล้างตัวนะคะ จะได้แช่ตัวสบาย ๆ”
“รู้ตัวก็ดี เธอไม่มีสิทธิ์อะไรทั้งนั้น จำใส่หัวไว้ว่าฉันทำมันเพื่อระบายความใคร่ มันไม่ใช่ความหลงไหลบ้าบออะไรอย่าเพ้อฝัน” เขาพูดจบก็เดินลงอ่างไปเลย บลูเบลล์ร้องไห้ได้เงียบที่สุด
เขาเก่ง เก่งที่ทำให้เธอร้องไห้ได้ตั้งแต่วันแรกที่มาอยู่ที่นี่ ยังไม่ครบ 24 ชั่วโมงเขายังทำกับเธอได้ขนาดนี้เลย หลังจากนี้เธอคงต้องตกนรกแบบที่เขาขู่ไว้ และสิ่งเดียวที่เธอทำได้คือก้มหน้ารับกรรมต่อไป