บทที่ 3.3
จิ้งจอกเดินตามรอยเท้าเสือ
ในโรงเตี๊ยมขนาดกลางอันเป็นอีกกิจการของสกุลจู คุณชายผู้สง่างามท่านหนึ่งกำลังนั่งจิบน้ำชาที่ริมระเบียง ใบหน้าคมคายที่คุ้นเคยนี้มิใช่ใครอื่นหากนี่คือคุณชายใหญ่สกุลจูนั่นเอง ทว่าเด็กหนุ่มที่นั่งตรงข้ามนั่นต่างหากที่กำลังเป็นที่สนใจของผู้คน
“แผนจิ้งจอกเดินตามรอยเท้าเสือของเจ้า ช่างได้ผลดีเกินคาด”
จูลู่จิวยกชาชั้นเลิศในมือขึ้นจิบขณะที่จูเพ่ยหลินเองทำเพียงยกยิ้มบางหยิบขนมหวานในจานใส่ปากอย่างอารมณ์ดี
“ท่านได้ออร์เดอร์ เอ่อ...รายการสินค้ารอบหน้ามาแล้วใช่หรือไม่”
“ถูกต้อง...บัณฑิตเหล่านั้นต่างยินดียิ่งที่เขาจะได้ส่วนลดกัน”
ย้อนกลับไปเมื่อต้นเดือนก่อน หลังจากที่จูเพ่ยหลินได้อ่านบัญชีกิจการเครื่องเขียนสกุลจูแล้ว นางก็ได้พบว่าลูกค้าส่วนใหญ่ของสกุลจูล้วนเป็นขาจรทั้งสิ้น ไม่มีลูกค้ารายใหญ่ที่เป็นรายได้หลักของร้านเลยแม้แต่น้อย เมื่อสอบถามพี่ชายของนางก็ทราบว่าที่เมืองซีอานมีสำนักศึกษาใหญ่ 2 แห่ง ได้แก่สำนักศึกษาหยางหมิง และ สำนักศึกษาฮุ่ยหนิง สำหรับสำนักศึกษาฮุ่ยหนิงนั้นเดิมเป็นของบิดาของลู่ซินหลี่ผู้เป็นหนึ่งในฮูหยินของจิ้งเจิ้งหลี่ นั่นย่อมทำให้สิทธิการซื้อขายเครื่องเขียนของสำนักศึกษาฮุ่ยหนิงผูกขาดกับสกุลจิ้งไปโดยไม่ต้องคิด จูเพ่ยหลินจึงเสนอแผนจิ้งจอกเดินตามรอยเท้าเสือให้แก่พี่ชายของนาง โดยเอาวิธีการสกุลจิ้งมาปรับใช้กับสกุลจู เริ่มจากการสำรวจตลาดหาข้อมูลการใช้อุปกรณ์เครื่องเขียนของเหล่าบัณฑิตในสถานศึกษาหยางหมิง
“สำนักศึกษาหยางหมิงมีบัณฑิตประมาณสามร้อยคน พี่ใหญ่ท่านให้คนไปสำรวจคนจำนวนเจ็ดสิบห้าคน ว่าในแต่ละเดือนพวกเขาใช้เครื่องเขียนใดบ้าง ซื้อจากที่ไหนในราคาเท่าไหร่”
“บัณฑิตเหล่านั้นถือตัวยิ่งนัก คงไม่ยอมให้ความร่วมมือง่ายๆ เป็นแน่”
ใบหน้าหวานยิ้มอ่อนโยน จูลู่จิวมองน้องสาวแล้วอดขนลุกไม่ได้ ทั้งที่อีกฝ่ายเป็นหญิงงามผู้หนึ่งแต่ยามแย้มยิ้มเช่นนี้กับชวนให้ใจสั่นราวกำลังพบเจอเรื่องร้าย
“บางทีเราก็ต้องลงทุนนิดหน่อยเจ้าค่ะ”
จูเพ่ยหลินให้พี่ชายนำพู่กันที่ค้างอยู่ในร้านมานานหลายปี แต่สภาพใช้งานได้ดีออกมา หากบัณฑิตคนใดให้ความร่วมมือในการตอบแบบสอบถาม ก็จะมอบพู่กันให้หนึ่งด้ามเป็นสินตอบแทน แน่นอนเหล่าบัณฑิตพวกนั้นแม้จะถือตัว แต่ความคลั่งไคล้ในการเรียนมีไม่น้อยเพียงหนึ่งชั่วยามแบบสอบถามเจ็ดสิบห้าชุดก็เสร็จตามที่จูเพ่ยหลินต้องการ
นางจัดการคัดแยกรายการที่เหล่าบัณฑิตเหล่านั้นจำเป็นต้องใช้ จากนั้นคำนวณราคาสินค้าทั้งราคาทุนและกำลังซื้อของตระกูล นั่งบวกลบคูณหารอยู่นานจนจูลู่จิวยังตาลาย สุดท้ายได้ข้อสรุปรายการสินค้าที่เหล่าบัณฑิตต้องใช้ รวมทั้งราคารับซื้อและราคาขายออกมาอย่างชัดเจน
“ราคาสินค้าที่เราขายคำนวณโดยเฉลี่ยแล้วคิดกำไรเพิ่มจากราคารับซื้อประมาณร้อยละสามสิบข้าจะขอลดราคาสินค้าลงร้อยละสิบสำหรับเหล่าบัณฑิตที่มีการสั่งสินค้าล่วงหน้า อ่อ...ข้าจะขอพี่ใหญ่เขียนรายการสินค้าในร้านเราพร้อมราคาสักห้าร้อยชุด โดยเขียนรายการเหล่านี้ไว้ในรายชื่อสินค้าต้นๆ ของใบสั่งซื้อ จากนั้นให้เหล่าบัณฑิตเลือกใส่จำนวนที่ต้องการด้านหลัง แล้วสรุปยอดการสั่งซื้อไว้ท้ายสุด”
“ข้าคิดว่าข้าไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่”
“เช่นนั้นในช่วงแรกข้าจะไปกับท่าน แต่ที่สำคัญเราต้องไปพบคนผู้หนึ่งก่อน”
คนผู้หนึ่งที่นางกล่าวถึงไม่ใช่ใครที่ไหน แต่คืออาจารย์หวู่เหวินชิงอาจารย์ผู้ดูแลสำนักศึกษาหยางหมิงนั่นเอง ด้วยชื่อเสียงซื่อตรงและโผงผางดุดันทำให้น้อยคนนักที่จะมาขอพบเขา การมาเยือนของคุณชายใหญ่สกุลจูและเด็กหนุ่มตรงหน้าทำให้เขาประหลาดใจเล็กน้อย
“พวกท่านมีธุระใดจงเร่งกล่าวมา ข้ามีเวลาไม่มากนัก”
“ข้า…”
จูลู่จิวค่อนข้างตื่นเต้น ใบหน้าคมดุดันของอาจารย์หวู่เหวินชิง ทำเอาเขาเหงื่อแตกจนเสื้อที่สวมใส่ชุ่มโชก มือสองข้างประสานกันด้วยอาการสั่นเทา เมื่อส่งสายตาไปหาเด็กสาวข้างกายกลับพบเพียงรอยยิ้มจางๆ นางไม่กลัวอาจารย์หวู่เหวินชิงเลยหรือไรกัน
“พวกเรามาเจรจาขายของขอรับ”
ใบหน้าของจูลู่จิวซีดขาวในทันทีก่อนจะเปลี่ยนเป็นดำคล้ำ นาง...นางกล่าวเช่นนั้นได้อย่างไร งานนี้เขาคงไม่ทันอ้าปากป้อยอสิ่งใดก็คงถูกอาจารย์หวู่เหวินชิง ให้คนมาจับโยนออกนอกสถานศึกษาอย่างแน่นอน แต่ก่อนที่เขาจะได้เอ่ยสิ่งใดเสียงหัวเราะจากคนหน้าเข้มก็ทำให้เขาตระหนกอีกครั้ง
“เยี่ยม...ข้าชอบเจ้า เจ้าหนูไหนจะเจรจาอะไรว่ามา”
จูเพ่ยหลินยิ้มกว้างกว่าเดิม ก่อนหยิบกระดาษหนาขึ้นมาหนึ่งกองอาจารย์หวู่เหวินชิงมองแผ่นกระดาษตรงหน้าก่อนหยิบมาดูอย่างสนใจพลางพยักหน้าอย่างชื่นชม
“ทำการบ้านได้ยอดเยี่ยมนัก”
“ขอบคุณอาจารย์หวู่ที่เอ่ยชม”
ท่าทางยอมรับคำชมโดยมิถ่อมตนของจูเพ่ยหลินยิ่งทำให้เขาหัวเราะอารมณ์ดีเข้าไปใหญ่
“และนี่คือผลจากการทำการสอบถามครั้งก่อนขอรับ”
จูเพ่ยหลินส่งกระดาษอีกใบให้อาจารย์หวู่เหวินชิง ในนั้นมีรายการเครื่องเขียนที่เหล่าบัณฑิตต้องซื้อในแต่ละเดือน สรุปยอดราคารวมทั้งหมดเป็นค่าเฉลี่ยเรียบร้อย อาจารย์หวู่เหวินชิงเอามือลูปเคราสีขาวขณะที่อ่านใบสรุปนั้น ในใจชื่นชมคนตรงหน้ามากขึ้นไปอีก
“ว่าต่อสิข้ากำลังฟังเจ้าอยู่เด็กน้อย”
“เท่าที่ข้าทราบบัณฑิตที่สถานศึกษาของท่านส่วนใหญ่เป็นเพียงประชาชนชั้นกลางที่ไม่ร่ำรวยมากนัก แน่นอนเมื่อพวกเขาตัดสินใจเข้ามาศึกษาทางบ้านย่อมขาดแรงงานในการหาเลี้ยง ไม่พอยังต้องเสียค่าใช้จ่ายไม่น้อยในการศึกษา จะดีกว่าหรือไม่ขอรับถ้าเราจะสามารถลดภาระค่าใช้จ่ายนั้นให้กับครอบครัวเหล่าบัณฑิต”
อาจารย์หวู่เหวินชิงพยักหน้าตามอย่างเห็นพ้อง จูเพ่ยหลินยิ้มกว้างอีกครั้งก่อนอธิบายสั้น ๆ
“หากท่านยินยอม สกุลจูของข้าจะขอมารบกวนสถานศึกษาท่านเดือนละหนึ่งครั้ง”
“มารบกวนด้วยเรื่องใด”
“ประการที่หนึ่งเพื่อความสะดวกของเหล่าบัณฑิต และไม่ทำให้พวกเขาเสียเวลาในการศึกษา ประการที่สองเพื่อรับรายการสินค้าที่เหล่าบัณฑิตต้องการ พร้อมส่งสินค้าที่เหล่าบัณฑิตได้สั่งเอาไว้ สุดท้ายประการที่สามเพื่อนำเสนอสินค้าตัวอย่างที่มีในร้านสกุลจู แน่นอนทางร้านของเรายังลดราคาลง หนึ่งในสิบให้แก่บัณฑิตสำนักศึกษาหยางหมิง ที่ได้สั่งสินค้าเอาไว้ล่วงหน้า”
หลังเอ่ยเจรจาอยู่ราวสองชั่วยาม อาจารย์หวู่เหวินชิงก็ยินยอมและเห็นพ้องกับจูเพ่ยหลิน และนับจากนั้นสำนักศึกษาหยางหมิงก็ผูกการซื้อเครื่องเขียนกับสกุลจูแต่เพียงที่เดียว
……………………………………………………………..