บทที่ 3.1 แผนร้าย

1493 Words
บทที่ 3.1 แผนร้าย จิ้งเจิ้งหลี่นั่งอ่านบัญชีด้วยความรู้สึกร้อนใจผิดปกติ นับตั้งแต่ที่สตรีจิ้งจอกน้อยตระกูลจูก้าวเข้าตระกูลจิ้งก็คล้ายกับว่านางได้ทำลายความสงบในใจของเขาไปด้วย มือหนากำสมุดบัญชีในมือแน่น อย่างไรเสียก็แค่สตรีนางหนึ่งเขาจะกำราบไม่ได้ก็ให้รู้กันไป ดวงตาคมมองไปที่ประตูห้องหนังสือ ผ่านมาร่วมครึ่งชั่วยามแล้วเหตุใดฉีซือซือจึงยังไม่พาคนมาอีกกัน “เหตุใดยังไม่มาอีก” น้ำเสียงหงุดหงิดที่ผิดปกติของจิ้งเจิ้งหลี่ ทำให้ฉีซือเป่าอารักขาคนสนิทมองอาการร้อนใจของเขาด้วยสายตาสงสัย สิบกว่าปีที่เขารับใช้จิ้งเจิ้งหลี่มา นายท่านเป็นคนสุขุมรอบคอบมาโดยตลอด หรือว่าเรื่องที่ให้ฉีซือซือไปตามฮูหยินหกครั้งนี้จะมีเรื่องที่ใหญ่แอบแฝงกัน “นายท่านจะให้ข้าไปตามฮูหยินหกมาหรือไม่ขอรับ” จิ้งเจิ้งหลี่ได้ยินคนสนิทเอ่ยอาสาไปตามคนก็ขมวดคิ้วอย่างชั่งใจ ทว่าไม่ทันเอ่ยตอบประตูห้องหนังสือก็เปิดออก “คำนับท่านพี่” จูเพ่ยหลินย่อตัวเอ่ยแสดงการคำนับด้วยท่าทางอ่อนช้อย สายตาหวานช้อนมองเขาอย่างเย้ายวน เต็มเปี่ยมไปด้วยความยินดีที่เขาเรียกหา ราวกับไม่ได้พานพบกันมาแรมปี “นั่งสิฮูหยิน” จิ้งเจิ้งหลี่เอ่ยบอกด้วยท่าทางสงบนิ่ง ทั้งที่ในใจนั้นร้อนรน เต็มไปด้วยแผนการเอาคืนสตรีเจ้าเล่ห์ จูเพ่ยหลินนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามกับผู้เป็นสามี ขณะที่สายตาลอบมองรอบห้องอีกฝ่ายอย่างพิจารณา ทั้งที่มีหนังสือและตำรามากมายทว่ากลับจัดแบ่งเป็นหมวดหมู่ได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย สมกับเป็นห้องทำงานของนายท่านจิ้ง คหบดีใหญ่แห่งเมืองโดยแท้จริง “ช่างน่าแปลกใจนักที่ห้องหนังสือของท่านพี่เรียบร้อยได้ถึงเพียงนี้” “เป็นฝีมือซือซือ” ซือซือ คำเรียกขานและน้ำเสียงที่อ่อนลงยามเอ่ยถึงสาวใช้คนสนิททำให้จูเพ่ยหลินอดที่จะหันไปมอง ฉีซือซือสาวใช้ประจำเรือนของเขาไม่ได้ ริมฝีปากบางยกยิ้มเล็กน้อย หากแต่ในดวงตากลมกลับมีความหมายบางอย่างที่ชวนให้ฉีซือซือตัวสั่นสะท้าน “ช่างเป็นสาวใช้ที่ยอดเยี่ยมนัก นอกจากใบหน้าและเรือนร่างจะงดงาม ยังเพียบพร้อมไปด้วยกิริยาที่ดี หากนางเกิดในตระกูลชนชั้นกลางขึ้นไป วันนี้ข้าคงได้เป็นฮูหยินเจ็ดเป็นแน่...” จูเพ่ยหลินเอ่ยเสียงหวาน บนใบหน้าระบายไปด้วยรอยยิ้ม ทว่ากลับทำให้ฉีซือซือตัวสั่นเทาด้วยความรู้สึกหวาดหวั่น จิ้งเจิ้งหลี่มองหน้าสาวใช้คนสนิทแล้วไม่เข้าใจเหตุผลที่จูเพ่ยหลินต้องสร้างความลำบากให้ฉีซือซือราวกับว่านางกำลังหึงหวงเขาเช่นนี้ หรือจิ้งจอกแซ่จูกำลังมีแผนร้ายในใจอะไรอีก จูเพ่ยหลินยกยิ้มกว้างเมื่อหันเห็นแววตาหวาดระแวงสงสัยของจิ้งเจิ้งหลี่ ดูเหมือนการได้สร้างเรื่องให้เขาคิดมากสักเล็กน้อย ก็สร้างความสุขให้นางได้ในทันที “ข้าเห็นท่านพี่ทำงานหนักจึงต้มน้ำแกงไก่มาให้เจ้าค่ะ” ฉีซือเป่าตั้งท่าจะเข้ามารับหากแต่สายตาของฮูหยินที่มองมายังเขาก็ทำให้เขาต้องชะงักไป “เจ้าคงไม่คิดว่าข้าอยากเป็นหม้ายตั้งแต่วันแรกของการแต่งงานใช่หรือไม่” “ไม่เป็นไรซือเป่า” จิ้งเจิ้งหลี่เอ่ยเสียงราบเรียบพร้อมกับยื่นมือไปรับน้ำแกงของนางมาดื่ม เขาเองก็อยากรู้เช่นกันว่านางจะมาไม้ไหน เพียงแต่ทันทีที่ได้ลิ้มรสน้ำแกงในถ้วยคิ้วเข้มของจิ้งเจิ้งหลี่ก็ขมวดเข้าหากันแน่น ที่แท้ก็แค่แผนเด็กๆ แสร้งทำอาหารรสชาติย่ำแย่ มาหลอกให้เขากินนี่เอง “เป็นเช่นไรบ้างเจ้าคะท่านพี่” “ไม่เลว ครั้งหน้าข้าจะให้คนทำส่งกลับไปให้เจ้าบ้าง” หึ! นางจิ้งจอกน้อยลืมไปหรือไม่ว่าตนเองอยู่ในกำมือเขา ครั้งนี้นางกล้าทำอาหารรสชาติย่ำแย่มาให้เขากิน เช่นนั้นครั้งหน้าเขาก็จะส่งมันกลับไปให้นาง เมื่อเห็นสีหน้าสลดลงของหญิงสาวตรงหน้าแล้วในใจของเขาก็พลันรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมา “เจ้ามีความสามารถพิเศษด้านใดบ้าง” น้ำเสียงนิ่งสงบหากแต่แววตากับแฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์ หึ..คิดหรือว่านางจะดูไม่ออกว่าเขากำลังหาทางเล่นงานนางเช่นกัน มาลองกันสักตั้งดูสิว่านางหรือเขาจะล้มก่อนกัน “ข้าช่างไร้ความสามารถไม่มีฝีมือชำนาญด้านใดเป็นพิเศษเจ้าค่ะ” “ช่างน่าเสียดาย ฮูหยินข้าคนอื่นๆ ล้วนมีความสามารถกันทั้งสิ้น” จูเพ่ยหลินขบกรามแน่น ใช่แล้วนางไม่เชี่ยวชาญเรื่องการร้องเพลงเล่นพิณเหมือนฮูหยินเอกหวู่ลี่อิน ไม่มีความสามารถในการวาดรูปเช่นฮูหยินรองจ้าวฟางเซียน แต่งบทกวีไม่เก่งเหมือนฮูหยินสามหม่าซูเม่ย ร่ายรำไม่ป็นเช่นฮูหยินสี่โจวฮุ่ยเหอ หรือแม้แต่คัดอักษรก็ไม่ว่องไวเช่นฮูหยินห้าหวังซิ่นหลี่ แต่แล้วอย่างไร ผู้ใดร้องขอให้เขาแต่งนางมาเป็นภรรยากัน “ข้ารู้มาว่าเจ้าพออ่านออกเขียนได้ อีกทั้งบิดาก็เป็นถึงพ่อค้าที่มีชื่อเสียง เช่นนั้นข้ากิจการเครื่องประดับนี้เจ้ารับไปดูแลก็แล้วกัน นี่คือบัญชีร้าน” ดูแลกิจการ บุรุษตรงหน้าไว้ใจนางถึงเพียงนี้เชียวหรือ แน่นอนว่านางไม่มีทางเชื่อว่าเขาจะเป็นบุรุษใจกว้างถึงเพียงนั้น เช่นนี้แล้วเหตุผลที่เขายอมวางใจให้นางเข้ามาดูแลกิจการคืออะไรกัน จูเพ่ยหลินเม้มริมฝีปากอย่างขบคิด สายตาชัดเจนถึงความหวาดระแวง “กำไรของร้านข้ายกให้เจ้า แต่ถ้าขาดทุนข้าจะตัดเบี้ยหวัดเจ้า” หึ! ดูแล้วกิจการเครื่องประดับนี้คงไม่ได้อยู่ในสถานะสร้างกำไรแล้วแน่นอน จิ้งเจิ้งหลี่ถึงกล้าเอ่ยปากเช่นนี้ออกมา แต่ไม่ว่าสถานะก่อนหน้านี้ของกิจการเครื่องประดับตระกูลจิ้งจะเป็นเช่นไรล้วนไม่สำคัญ ที่สำคัญคือนับจากนี้นางต้องหาทางสร้างผลกำไรเพื่อหลบสายตาเย้นหยันตรงหน้านี้ให้ได้ จิ้งเจิ้งหลี่มองจูเพ่ยหลินหอบสมุดบัญชีจากไปแล้วยกยิ้มกระหยิ่มในใจ กิจการร้านเครื่องประดับขาดทุนต่อเนื่องมาหลายปี เพราะขาดนายช่างออกแบบเครื่องประดับ เมื่อไม่มีสินค้าแบบใหม่ออกมาย่อมไม่อาจดึงลูกค้าเข้ามาซื้อของได้ ดังนั้นเขาจึงตั้งใจจะปิดกิจการนี้ในเดือนข้างหน้า แต่หลังจากได้พบเจอความร้ายกาจของจิ้งจอกน้อยแซ่จูเช่นนั้นกิจการนี้เขาจะยอมเลี้ยงไว้ให้นางปวดหัวอีกสักสามสี่เดือนก็แล้วกัน รอยยิ้มอย่างมีความสุขผุดขึ้นที่ริมฝีปากของคหบดีหนุ่ม อารมณ์ขุ่นเคืองที่ถูกก่อกวนเมื่อยามเช้าแปลเปลี่ยนเป็นยินดี ใจที่ร้อนรนมาทั้งวันสงบลงกลับมาเป็นนายท่านจิ้งที่สุขุมคนเดิม หากแต่ไม่นานนักร่างกายของเขาก็รู้สึกร้อนรุ่มอย่างผิดปกติ ตัวเขาไม่ใช่เด็กหนุ่มไร้เดียงสาย่อมรู้ดีว่าอาการเช่นนี้คืออะไร สายตาคมหรี่ลงทบทวนเหตุการณ์วันนี้แล้วขบกรามแน่น สตรีเจ้าเล่ห์จูเพ่ยหลิน! นางกล้าวางยาปลุกกำหนัดเขา มือหนากำเข้าหากันแน่นกำหนดลมหายใจแล้วเอ่ยสั่งความคนสนิทลอดไรฟัน “ซือเป่าไล่สาวใช้ในเรือนออกไปให้หมด! ลงกรประตูห้ามใครเข้ามา” จิ้งเจิ้งหลี่ทิ้งตัวลงแช่ในอ่างน้ำร้อนด้านหลังม่าน หลังจากที่ดื่มยาแก้พิษไปแล้วหากแต่ยังต้องใช้เวลาให้ตัวยาสลายไป มือหนากำเข้าหากันแน่น ในใจนึกแค้นเคืองที่พลาดท่าให้สตรีเจ้าเล่ห์ จูเพ่ยหลิน! ฝากเอาไว้ก่อนเถิด... ในขณะที่เจ้าของเรือนใหญ่กำลังร้อนรุ่มไปทั้งตัว จูเพ่ยหลินก็นั่งทอดสายตามองไปยังทิศของตัวเรือนใหญ่ด้วยแววตามีความสุข ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นบ่งบอกว่ายาของนางคงออกฤทธิ์แล้ว ตอนนี้แค่มาลุ้นกันว่าใครจะได้เป็นผู้โชคดีได้เข้าไปรับใช้แนบชิดนายท่านจิ้งผู้เร่าร้อน “ฮวาเอ๋อร์เจ้าบอกว่าไม่มีฮูหยินคนไหนถูกเรียกตัวไปพบจิ้งเจิ้งหลี่เลยหรือ” “เจ้าค่ะ” จูเพ่ยหลินขมวดคิ้วแน่น หากไม่มีฮูหยินคนไหนถูกเรียกไปหาเขา เช่นนั้นคนที่ช่วยถอนพิษให้เขาได้ก็คงเป็น… ฉีซือซือ .....................................................
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD