บทที่ 2.3
เล่ห์จิ้งจอก
“เรามาทบทวนกันใหม่อีกรอบดีหรือไม่ ฮูหยิน...”
เมื่อเห็นว่าคนเจ้าเล่ห์เสียอาการใบหน้าคมก็ยกยิ้มร้ายกาจโน้มเข้าหาริมฝีปากช่างสร้างเรื่อง หางตาของจูเพ่ยหลินกระตุกเล็กน้อย หากแต่เพียงชั่วพริบตาอาการตื่นตระหนกก็จางหาย ใบหน้าซีดเซียวกลับมาเป็นปกติ มือบางที่ยกขึ้นดันอกแกร่งตามสัญชาตญาณในคราแรกค่อยๆ เคลื่อนขึ้นโอบรอบคอหนา เอ่ยเสียงแหบพร่าส่งแววตายั่วยวน
“ท่านพี่กำลังจะรังแกข้าอีกแล้วหรือเจ้าคะ”
จิ้งเจิ้งหลี่ขมวดคิ้วกับการกระทำของหญิงสาวตรงหน้า เมื่อครู่เขามั่นใจว่าสังเกตเห็นสายตาที่ตื่นตกใจของนาง หากแต่เพียงชั่วพริบตาดวงตากลมใสนี่กลับแปรเปลี่ยนเป็นยั่วยวนเขาได้อย่างรวดเร็ว
ช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก
เวลานี้จิ้งเจิ้งหลี่มั่นใจว่าจูเพ่ยหลินย่อมไม่ใช่หญิงสาวพรหมจรรย์อย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นแล้วนางคงไม่สร้างรอยเลือดปลอมบนเตียง และคงไม่กล้าแสดงกิริยาไร้ยางอายเช่นนี้ต่อเข้า
ทว่าแม้ใจจะนึกรังเกียจนางแต่ร่างกายของเขากลับไม่คิดผลักไสนางตรงกันข้ามกลับนิ่งเฉยปล่อยให้สตรีเจ้าเล่ห์ขยับมือเรียวไล้ลงมาตามใบหน้าคม ยามที่นางจงใจโน้มตัวเบียดชิดอกอวบอิ่มของตนลงแนบกับอกแกร่ง
จิ้งเจิ้งหลี่ก็ใจสั่นระรัว ร่างกายร้อนผ่าว มือบางลูบไล้ลงมาตามแผงอกกำยำไต่ลงต่ำจนจิ้งเจิ้งหลี่รู้สึกปั่นป่วนที่ท้องน้อย ความเป็นบุรุษตื่นตัวตอบโต้นางอย่างห้ามไม่ได้
ใบหน้างามโน้มลงมาประชิดเขามากขึ้น ริมฝีปากบางค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนของนาง จิ้งเจิ้งหลี่เกร็งไปทั้งตัว
แม้รู้ว่าหากยังนิ่งเฉยเรื่องราวอาจบานปลาย แต่เขากลับไม่สามารถผลักไสนางได้อย่างที่คิด จูเพ่ยหลินยกยิ้มเล็กน้อยก่อนกระซิบแผ่วเบาประชิดริมฝีปากหนา
“ดูเหมือนพวกเราจะสายมากแล้วเจ้าค่ะท่านพี่”
รอยยิ้มราวผู้ชนะของนางทำให้จิ้งเจิ้งหลี่ได้สติขึ้นมาในทันที ใบหน้าคมเบนหนีขบกรามแน่น
บัดซบ! นี่เขาหลงกลมารยานางจิ้งจอกน้อยหรือ
มือหนาปล่อยมือออกจากเอวบาง จูเพ่ยหลินขยับลุกออกจากตัวเขาช้าๆ ทว่ากลับลอบถอนหายใจยาวอย่างโล่งใจ ขณะที่จิ้งเจิ้งหลี่เองก็ลอบสูดลมหายใจอยู่หลายครั้งเพื่อขับไล่ความปั่นป่วนร้อนรุ่มในกาย
แม้ครั้งนี้เขาพลาดท่าต่อเล่ห์นางจิ้งจอกน้อย ทว่าครั้งหน้าเขาจะต้องสั่งสอนนางอย่างหนักแน่นอน
...........................................................
พิธีคำนับภรรยาคนก่อนๆ ของจิ้งเจิ้งหลี่ช่างยาวนานนัก จูเพ่ยหลินนึกรังเกียจชายเพียงหนึ่งเดียวตรงหน้าผู้นี้จริงๆ ช่างเป็นบุรุษหลายใจยิ่งนัก สายตาเรียวทอดมองไปหญิงสาวแต่ละนางแล้วพรานรู้สึกหดหู่ใจ ฮูหยิน ของจิ้งเจิ้งหลี่ทุกคนล้วนงดงามไร้ที่ติหากอยู่ในโลกเก่าของจูเพ่ยหลินแล้วละก็รับรองได้ว่าบรรดาฮูหยินทั้งห้าต้องได้มงกุฎการันตีความงามแน่นอน
หลังเสร็จสิ้นพิธีคำนับภรรยาคนก่อนหน้าของจิ้งเจิ้งหลี่ จูเพ่ยหลินก็ได้รับอนุญาตให้กลับเรือนพัก ขณะที่จิ้งเจิ้งหลี่ออกไปตรวจกิจการของเขา ดวงตากลมกวาดมองอาณาเขตเรือนของตระกลูจิ้งแล้วต้องยอมรับว่าบุรุษผู้นี้มีความยิ่งใหญ่ไม่น้อยจริงๆ แม้แต่เรือนก็กว้างใหญ่ถึงเพียงนี้ ในใจของ
จูเพ่ยหลินคิดย้อนกลับไปถึงยามที่นางตื่นขึ้นมาในตระกูลจู ก่อนหน้านี้นางเคยคิดว่าอาณาเขตเรือนของตระกูลจูนั้นกว้างขวางแล้ว แต่แท้จริงอาณาเขตทั้งหมดของเรือนตระกูลจูยังเทียบไม่ได้แม้แต่ครึ่งหนึ่งของพื้นที่สวนหลังเรือนของตระกูลจิ้ง
มือบางยกถ้วยชาขึ้นจิบสายตาทอดมองผ่านหน้าต่างของเรือนที่ จิ้งเจิ้งหลี่ตั้งชื่อว่า หยกสวรรค์ แล้วหรี่ตามองหญิงสาวนางหนึ่งที่กำลังเดินตรงมาที่เรือนของนาง
ฉีซือซือ สาวใช้ประจำเรือนใหญ่ของจิ้งเจิ้งหลี่ ทว่านางจะเป็นคนของเรือนไหนไม่สำคัญ ที่สำคัญคืออีกฝ่ายมาที่เรือนหยกสวรรค์ของนางทำไมกัน
“ฮูหยินหก”
เสียงอ่อนหวานเอ่ยเรียกจูเพ่ยหลิน หากแต่ในใจของจูเพ่ยหลินกลับรู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งที่ได้ยินคำนี้ ผู้อื่นล้วนมีเพียงสามภรรยา แต่จิ้งเจิ้งหลี่กลับยกภรรยาทั้งหมดเป็นฮูหยินชวนให้ผู้คนขบคิดว่าเหล่าบรรดาภรรยาของเขาเป็นสตรีร้ายกาจไม่ยินดีเป็นอนุของเขาเสียอย่างนั้น
“ไม่ต้องมากพิธี มีเรื่องใดก็ว่ามา”
“นายท่านจิ้งให้บ่าวมาเรียนเชิญฮูหยินหกที่ห้องหนังสือเจ้าค่ะ”
เชิญนางไปห้องหนังสือ ก่อนหน้านี้จิ้งเจิ้งหลี่บอกแก่หวู่ลี่อิน ฮูหยินเอกของเขาว่าจะออกไปตรวจกิจการไม่ใช่หรือไร แล้วเหตุใดจึงให้สาวใช้คนสนิทมาเชิญนางไปที่ห้องหนังสือได้กัน ทำเช่นนี้มิใช่ว่าเขาจงใจยั่วยุให้ฮูหยินเอกและเหล่าภรรยาของเขาหมายหัวนางใช่หรือไม่
ริมฝีปากบางของจูเพ่ยหลินยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย้ยหยัน ในเมื่ออีกฝ่ายคิดจะหาเรื่องยากลำบากให้นาง เช่นนั้นนางก็สมควรตอบแทนเขาสักหน่อยใช่หรือไม่
“พอดีเลยเชียว ข้าเองก็กำลังคิดถึงท่านพี่ ฮวาเอ๋อร์น้ำแกงไก่ตุ๋นที่ข้าให้เตรียมไว้ให้ท่านพี่เสร็จรึยัง”
เหลียนฮวาขมวดคิ้วเล็กน้อย น้ำแกงไก่ตุ๋นของนายท่าน คุณหนูสั่งนางเอาไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
“ข้าเคี่ยวเอาไว้ตั้งแต่เช้าเจ้าลืมไปแล้วหรือ อย่าได้ลืมใส่สมุนไพรบำรุงหยางให้ท่านพี่ด้วย”
เคี่ยวเอาไว้ตั้งแต่เช้า นั่นไม่ใช่น้ำแกงไก่ตุ๋นที่คุณหนูเคี่ยวดื่มเองหรือ แล้วสมุนไพรบำรุงหยาง คืออะไรกันหรือว่า...
“ยังไม่เร่งไปตักมาให้ท่านพี่อีก”
"เจ้าค่ะ บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้"
เมื่อถูกเร่งให้ไปตักน้ำแกง เหลียนฮวาก็รีบหันกลับเข้าไปในครัวเล็กหลังเรือนมองน้ำแกงก้นหม้อแล้วได้แต่นึกสงสารนายท่านจิ้งขึ้นมา ทว่าสุดท้ายก็ทำเพียงนำมาตั้งให้ร้อนเติมน้ำเปล่าลงไปให้พอดีหนึ่งถ้วยแล้วยกออกมา
“ฮูหยินน้ำแกงได้แล้วเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นก็ไปกันเถิด”
...........................................................