ตอนที่ 6

1484 Words
แววตากลมโตมองด้วยความเขินอายและเสียงหัวใจก็คล้ายว่าดังจนไม่สามารถจะได้ยินเสียงใดๆสอดแทรกเข้ามา สัมผัสอุ่นนุ่นที่บดเบียดทำเอารู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออกแต่ก็รู้สึกดีในเวลาเดียวกัน ลิ้นชื้นที่ลุกล้ำเข้าในปากตวัดพลิกพลิ้วอยู่นานเท่าไรก็ไม่มั่นใจกว่าจูบแสนยาวนานนี้จะจบลงเพื่อเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง และอีกครั้งซ้ำๆวนไปอย่างไม่น่าเชื่อเลย “พี่จูบจองแล้วนะไอช่า” “เอ่อ…” “อย่าให้ใครมาซ้ำรอยของพี่นะ แล้วพร้อมวันไหนก็บอกได้เลยเพราะว่าตอนนี้พี่เป็นของไอช่าแล้ว เหลือแค่เมื่อไรที่ไอช่าจะเป็นของพี่คนเดียว” เธอไม่รู้ว่าจะตอบอะไรออกไป สมองยังอื้ออึงไม่หยุดแล้วยังตอกย้ำให้รู้สึกถึงสัมผัสยามที่ริมฝีปากหยักกดจูบลงอย่างอ่อนโยน เธอก้มหน้าลงแล้วเม้มปากแน่นเพื่อพยายามลดอาการหน้าร้อนผาวนี้แต่ก็ไม่สำเร็จเลย หัวใจเต้นแรงจนน่ากลัวว่าจะช็อคตายเอาหากว่าเขายังอยู่นานกว่านี้ ฝ่ามือใหญ่ประคองใบหน้าเธอให้เงยมองเพื่อสบตาแล้วอมยิ้มเล็กน้อย ต่างกับพี่ลีอาห์ที่ยิ้มกว้างมากซะจนรู้สึกว่าโลกนี้สดใสมากเลย ประกายในแววตาคู่นี้ทำให้รู้สึกว่าชีวิตที่กำลังจะไปได้ด้วยดีนั่นจะต้องดีขึ้นแน่หากว่ามีเขาอยู่เคียงข้าง ความโดดเดี่ยวอ้างว้างจะไม่สามารถทำอะไรเธอได้ง่ายเหมือนที่ผ่านมา เขาคือคนเดียวที่รู้สึกว่าทำให้มีความสุขได้ “เดี๋ยวพี่ทำอาหารเย็นให้กินเอง รับรองว่าต้องติดใจ” “แน่ใจนะคะว่าทำได้” “พี่แน่ใจ วันนี้อยากกินอะไรดีละ?” “อะไรก็ได้ค่ะ” “คอยเป็นลูกมือของพี่นะ” “ค่ะพี่ลีอาห์” “แล้วก็อย่าเม้มปากแบบนี้อีกนะไอช่า” “ทำไมเหรอคะ?” “เพราะมันทำให้พี่อยากจูบอีกครั้งไงครับคนสวย” ใบหน้าแดงระเรื่อในตอนนี้น่ารักมากซะจนอดใจทนแทบไม่ไหว รสชาติของเธอยังหวานติดลิ้นอยู่เลย แถมสัมผัสแสนไร้เดียงสาไม่รู้วิธีโต้ตอบนั้นทำให้รู้สึกดีมากอย่างบอกไม่ถูกเลยว่าดีใจมากขนาดไหนที่ได้เป็นจูบแรกของรักแรกแบบนี้ เราคือรักแรกของกันและกันใช่ไหม? เธอรักเขาแล้วใช่ไหม? คำถามวิ่งวนอยู่ภายในหัวเต็มไปหมดทำเอาไม่กล้าจะสบแววตาสวยนี้เลย เขาขยับตัวออกเพราะกลัวจริงๆว่าจะทนไม่ไหวต่ออารมณ์ทางเพศที่กำลังตื่นขึ้นแล้วทำเรื่องไม่ดีกับเธอไป ตอนนี้ไอช่ายังไม่พร้อมในเรื่องอย่างว่าหรอก แต่อีกไม่นานเขาจะต้องพยายามทำให้เธอมานอนกกกอดทุกค่ำคืนจนได้ และถ้าหากว่าถึงตอนนี้ก็จะทำทุกวิถีทางเช่นกันเพื่อรักษาคำว่าเราให้อยู่ได้นานเท่าที่จะนานได้ ตลอดชีวิตคงไม่นานเกินไปใช่ไหม? นี่จะคลั่งรักเกินไปรึเปล่าเนี่ย? บ้าจริงๆเลย! ยิ่งคิดก็ยิ่งเขิน ไอช่ามองคนตัวใหญ่ที่ใส่ผ้ากันเปื้อนสีเขียวเข้มของเธอในขณะทำอาหารกลิ่นหอมฟุ้งเชียว ปรกติแล้วเธอจะทำแต่เมนูง่ายๆเพราะทำอะไรไม่ค่อยเป็นเท่าไรนัก พอได้เห็นเขาทำอาหารได้น่ากินแบบนี้ก็อดชนอึ้งไม่ได้เลยจริงๆ พี่ลีอาห์เล่าว่าเปิดร้านอาหารเลยพอจะทำเป็นบ้าง แถมเมื่อตอนเรียนก็เคยทำงานพาร์ททามร้านอาหารในโรงแรมดังเลยพอมีความรู้อยู่เล็กน้อย เธอก็อยากจะทำทุกอย่างเก่งแบบเขาจัง “อร่อยไหม?” “อร่อยกว่าฉันทำเองอีก” “งั้นต้องกินเยอะๆนะ แล้วพรุ่งนี้จะมาทำให้กินใหม่” “จะมาทุกวันจริงๆเหรอคะ?” “แล้วทำไมจะมาไม่ได้ละ?” “ก็…” “ก็พี่จีบไอช่าอยู่ไงเลยต้องรีบทำคะแนนหนักๆให้ตกหลุมรัก แล้วไม่ต้องห่วงว่าจะหมดโปรนะเพราะนี่ไม่ใช่โปรโมชั่น แต่ว่านี่คือตัวตนของพี่เวลาที่ได้รักใครสักคน” “บ้าแล้ว!” “พี่พูดจริงนะ!” “กินข้าวเถอะค่ะเดี๋ยวค่ำแล้วจะเดินทางไม่สะดวก” “เป็นห่วงก็พูดมาตรงๆสิ” “ไม่คิดว่าฉันจะรำคาญบ้างเหรอ?” “ใจร้ายจังเลยนะ! แต่ว่าไม่เป็นอะไรหรอกเพราะน่ารักมากขนาดนี้พี่โกรธไม่ลงเลย” เธอส่ายหน้าเบาๆแล้วหยิบจานข้าวไปวางไว้ที่โต๊ะอาหารก่อนจะเทน้ำเย็นไว้รอ พี่ลีอาห์ยกกับข้าวตามมาพร้อมกับรอยยิ้มกว้างด้วยความชอบใจ เรากินอาหารเย็นด้วยกันเป็นครั้งแรกแล้วพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องทั่วไปแต่ที่น่าสนใจคือเรื่องเล่าจากเขาต่างหาก พี่ลีอาห์อายุยี่สิบเจ็ดปีผ่านประสบการณ์มาหลายอย่างที่คาดไม่ถึง แล้วยังไม่ค่อยปล่อยให้ตัวเองว่างเลยด้วย เขาเล่าให้ฟังว่าเริ่มทำงานพาร์ททามตั้งแต่เรียนเพราะว่าสนุกและขี้เกียจขอเงินจากทางบ้านมาเพิ่มเวลาอยากได้อะไรมากๆ เขาเรียนจบจากมหาลัยเดียวกันกับเธอแล้วยังเรียนชั้นมัธยมที่โรงเรียนชายล้วนที่อยู่อีกเมืองด้วย เรื่องการท่องเที่ยวก็น่าสนใจเพราะหลายสถานที่เคยได้ยินมาบ้างแต่ยังไม่เคยไปสักครั้ง พอได้ยินเขาเล่าแล้วก็อยากจะลองไปดูบ้าง พี่ลีอาห์บอกว่าอาทิตย์หน้าเขาจะมารับไปเที่ยว นี่คือเดทครั้งที่สองจริงๆเหรอ? “งั้น…พรุ่งนี้เจอกันนะ” “เดินทางดีๆนะคะพี่ลีอาห์” “เป็นห่วงพี่เหรอ?” “ก็ขาพึ่งจะหายดีไม่ใช่รึไงคะ ฉันไม่อยากให้พี่เจ็บตัวแล้วเดี๋ยวจะลำบากคนอื่นเวลาไปทิ้งขยะอีก” “นั่นเรียกว่าพรหมลิขิตต่างหากเล่า!” “พรหมลิขิต?” “อื้อ กามเทพแผลงศรใส่พี่ตอนนั้นแหละ” “พอแล้วๆ คุยเรื่องไร้สาระนานเกินไปแล้วพี่ลีอาห์ต้องกลับบ้านแล้วค่ะ” “งั้น…กลับแล้วนะ” “ค่ะ” เธอจำเป็นต้องดันตัวเขาออกแล้วปิดประตูไปไม่อย่างนั้นคงไม่ได้กลับบ้านจริงๆหรอก พี่ลีอาห์หาทางยื้อเวลาให้ได้อยู่ต่อแต่ว่านั่นมันไม่ดีเลย ระยะทางจากที่นี่ไปบ้านของเขาต้องใช้เวลาขับรถประมาณหนึ่งชั่วโมงหรืออาจจะช้ากว่านั้น แล้วในช่วงนี้ก็มีข่าวเกี่ยวกับวัยรุ่นยกพวกตีกันเลยไม่ค่อยปลอดภัย วัยรุ่นตีกันที่ไม่ใช่คนจริงๆ เธอรู้ว่าพวกนั้นคืออะไรและไม่อยากพบเจอ! คืนนี้เธอเลือกจะหยิบเทียนหอมกลิ่นดอกไม้ป่าหายากวางไว้บริเวณระเบียงห้องในที่นั่งเล่นทุกวัน ดาวบนท้องฟ้าส่องแสงระยิบระยับชวนให้คิดถึงบ้านหลังเก่าที่ตอนนี้เหลือเพียงซากปรักหักพัง บ้านที่มีอยู่เพียงแค่ในความทรงจำไม่มีทางจะกลับไปได้อีกครั้งและครอบครัวที่อยู่เพียงในใจเท่านั้นเอง ตั้งแต่วันที่พี่ลีอาห์ค่อยๆเข้ามาในชีวิตความเหงาก็ค่อยๆห่างหายไปอย่างไม่รู้สึกตัว และความโดดเดี่ยวก็หลงเหลืออยู่ไม่มากพอจะทำร้ายจนนอนไม่หลับเหมือนที่ผ่านมา เขาทำให้เธอยิ้มได้มากกว่าเมื่อก่อน นึกถึงไม่ทันไรโทรมาหาแล้ว "มีอะไรรึเปล่าคะ?" (คิดถึงนับว่าเป็นธุระได้ไหม?) "ก็…ไม่นับค่ะ" (งั้นนับเป็นอะไรดีละพี่ถึงจะคุยได้นานๆ ทำอะไรอยู่ครับ?) "นอนดูดาวค่ะ" (บรรยากาศโรแมนติกขนาดนี้ไม่ควรอยู่คนเดียวนะ น่าจะมีพี่อยู่ข้างๆมากกว่า หรือว่านอนดูดาวเพราะคิดถึงใครรึเปล่า?) "คิดถึงเหรอ?" (ก็พี่ไง…ไม่คิดถึงพี่บ้างเหรอ?) "ไม่ค่ะ" (คนน่ารักมักใจร้าย! แต่ไม่เป็นไรพี่โกรธไม่ลงหรอก แล้วนี่นอนไม่หลับเหรอถึงนอนดูดาว?) "ใช่ค่ะ นอนค่อยไม่หลับ" (งั้นนอนคุยกับพี่แบบนี้แหละ พี่ยังไม่ง่วงเหมือนกัน) น้ำเสียงสดใสของเขาบอกได้ดีเลยว่าไม่มีความง่วงใดๆ เธอนอนดูดาวพร้อมกับคุยโทรศัพท์ไปเรื่อยๆนานเท่าไรก็ไม่มั่นใจเหมือนกัน แต่รู้สึกตัวอีกทีก็ลืมตาแทบไม่ขึ้นแล้ว เมื่อมองท้องฟ้าอีกครั้งก็คล้ายกับว่าเห็นหน้าเขาซ้อนทับที่ดวงจันทร์กำลังส่งยิ้มให้อยู่ เธอต้องขยี้ตามองใหม่อีกครั้งด้วยความตกใจ นี่เธอคงง่วงจนตาเบลอไปแล้วแน่เลย!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD