มิราพาดาวฤกษ์เดินออกไปที่เรือนไม้ไผ่รับแขกไม่ไกลจากเรือนใหญ่นัก
"อากาศหนาวแล้วนะครับ แต่ดูมิราจะชอบมากเป็นพิเศษ" ดาวฤกษ์ชวนคุย เขายื่นถุงกระดาษใบเล็กให้เธอเป็นของฝากฝรั่งเศส
"ขอบคุณนะคะ น้ำหอมเหรอคะ" เธอทำจมูกฟุตฟิต
"ว้า ซื้อของฝากให้คุณหนูมิราเนี่ย มันช่างเลือกยากเสียจริง รู้ทันไปซะหมด" สองหนุ่มสาวคุยกันไปหยอกล้อกันไป คริสโตเฟอร์ตามมาแอบดู จะว่าแอบดูก็ไม่ใช่ เพราะดูแล้วสองคนนี้ไม่ค่อยจะแคร์สายตาของในที่โจ่งแจ้งเช่นนี้
"จริงๆพี่อยากมีเวลาคุยกันมากกว่านี้นะครับ แต่ช่วงนี้ผลไม้ออกเยอะต้องเร่งคนงานเก็บและส่งออกให้ทันพายุเข้า เดี๋ยวพี่จะให้คนเอาผลไม้สดมาให้นะครับ" ดาวฤกษ์นอกจากจะหล่อแล้วยังใจดีมากอีกต่างหาก เธอเห็นเขาเป็นพี่ชายที่แสนดีอีกคนหนึ่ง
"ขอบคุณนะคะ มิราอยากทานผลไม้จนอยากจะขอตามไปเก็บเองเลยได้มั้ยคะ วันนี้ไม่อยากอยู่บ้านค่ะ เบื่อๆคนแถวนี้ค่ะ" เธอเอื้อมมือไปเกาะแขนชายหนุ่มเป็นการอ้อน
"เพราะหนุ่มฝรั่งตาน้ำข้าวนั่นหรือเปล่า ว่าแต่เขาเป็นใครเหรอครับ" ดาวฤกษ์อดที่จะถามไม่ได้เพราะเขาเองก็หมายปองมิรามานานแล้ว หากเพชรเม็ดนี้โดนโขมยไปต่อหน้าต่อตาเขาไม่มีวันยอมแน่!
"อ๋อ เพื่อนของพี่น่านค่ะ เขามาเที่ยว อีกเดี๋ยวเขาก็คงกลับประเทศเขาแล้วค่ะ" เธออธิบาย
ดาวฤกษ์เข้ามาลาคุณแดเนียลและคุณขวัญดาว โดยอาสาเป็นคนขออนุญาตให้มิราไปเที่ยวที่ไร่ของเขาด้วย
คุณแดเนียลเกรงอกเกรงใจดาวฤกษ์กลัวว่าลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนจะไปก่อเรื่องวุ่นวาย จึงให้คริสโตเฟอร์ที่ตนหมายตามาเป็นลูกเขยในอนาคตตามไปด้วย
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณพ่อ คุณคริสเพิ่งออกจากโรงพยาบาลมา ควรนอนพักผ่อนเยอะๆนะคะ" เธอค้าน
"ผมอยากไปครับคุณแดนียล" คริสโตเฟอร์พูดแทรกขึ้นมาพรางเหลือบไปมองมิราอย่างผู้มีชัย
"ถ้าอย่างนั้นเอารถที่ไร่เราไปนะ เวลากลับจะได้ไม่ต้องรบกวนคุณดาวฤกษ์เขามาส่ง" คุณแดเนียลสั่งความบุตรสาว
"จริงๆก็ไม่มีอะไรรบกวนอยู่แล้วครับ ยินดีไปรับไปส่งอยู่แล้วครับคุณแดเนียล" ดาวฤกษ์เสริม
มิราจำใจต้องเป็นสารถีขับรถให้คริสโตเฟอร์นั่งสบายๆ เธอเอาแต่ทำหน้ามุ่ยไม่พอใจที่เขาชอบมายุ่มย่ามกับเธอ
"ตกลงเมื่อไหร่คุณจะกลับประเทศคุณไปเนี่ย อยู่ก็เดือดร้อนฉันเปล่าๆ" เธอหงุดหงิด(ใจ)
"ผมคิดว่าจะย้ายมาหางานทำที่นี่ ผมตกหลุมรักที่นี่" คำหลังเขามองมายังใบหน้านวลสวยสบายตาของเธอแม้ว่าจะกำลังบึ้งตึงเหมือนเด็กโดนขัดใจ
"เอาจริงๆนะ เรื่องที่ฉันเลือกคุณจากแฟ้มของคุณพ่อ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะเลือกมา เพราะฉะนั้นอย่าเอาเรื่องนี้ไปเป็นหลักการในการตัดสินใจใดๆของคุณเด็ดขาด" เธอพูดเท็จ เธอสะดุดตาในความหล่อของเขาต่างหาก
"หลงตัวเอง ผมบอกว่าผมหลงรักที่นี่ ไม่ได้หลงรักคุณเสียหน่อย" มิราหันขวับมามองคนที่กำลังกวนประสาทเธอ
"นี่คุณขับรถก็มองทางสิครับ พูดแค่นี้ต้องโกรธขนาดนี้ด้วย หึหึ" เขายังคงยั่วโมโหเธอ มิราเอาแต่กัดฟันเถียงไม่ออกจนต้องสะบัดหน้าหนี ก็จริงอย่างเขาว่า แต่อย่ามาตกหลุมรักผู้หญิงอย่างมิราก็แล้วกัน หึ!
รถจีฟคลาสสิกคันโปรดของมิราแล่นเข้ามาจอดบริเวณภายในไร่ดาวเรือง ซึ่งเป็นชื่อเดียวกันกับชื่อคุณแม่ของดาวฤกษ์ คริสโตเฟอร์ก้าวลงจากรถพร้อมทั้งสูดอากาศสุดแสนบริสุทธิ์เข้าเต็มปอด
"เฮ้ คุณดาวฤกษ์ ที่นี่ใหญ่โตมาก คุณต้องคุมคนงานสักกี่คนกันเนี่ย" คริสโตเฟอร์หันไปชวนดาวฤกษ์คุย เพราะไม่อยากให้เขามายุ่งกับมิรามากนัก ถึงจะไม่ได้เป็นอะไรกันแต่เขาก็หวงเธออยู่ลึกๆ
"ก็พอสมควรครับ ที่นี่เปรียบเสมือนสายน้ำหล่อเลี้ยงชีวิต ทุกคนทำงานด้วยหัวใจ" ดาวฤกษ์กล่าวอย่างภาคภูมิใจ
มิราถือตระกร้าที่สานจากไม้ไผ่เดินลงไปที่ไร่สตรอว์เบอร์รี่พร้อมกับคริสโตเฟอร์ คนงานที่กำลังทำงานกันอย่างขมักเขม้นพากันมองมายังหนุ่มฝรั่งตาน้ำข้าวที่เธอติดสอยห้อยตามมาอย่างไม่เต็มใจ ก็เขาหล่อจริงจังเสียขนาดนั้น เธออยู่ใกล้ยังหวั่นไหวทั้งที่ไม่เคยคิดว่าตนเองจะเป็นเหมือนกับผู้หญิงคนอื่นๆ แท้ที่จริงแล้วเธอก็ไม่ได้ต่างจากใครนักหรอก มีรัก โลภ โกรธ หลง เหมือนกันทั้งสิ้น
"นี่คุณ ผมกินสตรอว์เบอร์รี่ได้มั้ย" คริสโตเฟอร์หยิบสตรอว์เบอร์รี่ลูกใหญ่สีแดงสดจากต้นขึ้นมาเชยชม
"แล้วคุณแพ้สตรอว์เบอร์รี่มั้ยล่ะคะ ถ้าไม่แพ้ก็ทานได้ค่ะ" เธอประชด
"ผมหมายถึงว่าใช่สารเคมีมั้ยต่างหากล่ะ ปากดีนัก อ่ะนี่เอาไป" คริสโตเฟอร์บีบคางเรียวให้อ้าปาก และจับสตรอว์เบอร์รี่ลูกใหญ่ยัดเข้าปากเธอ
"ไอ้บ้า กล้าดียังไงเอามายัดใส่ปากฉัน และก็บอกไม่รู้กี่หนละว่าอย่ามาแตะเนื้อต้องตัวฉัน" เธอเคี้ยวไปด่าเขาไป ทั้งยังยัดสตรอว์เบอร์รี่เข้าปากชายหนุ่มเป็นการเอาคืนด้วย
เสียงหัวเราะคิกคักจากคนงานต่างชื่นชมหนุ่มสาวหยอกล้อกันเหมือนคู่รัก คงมีเพียงดาวฤกษ์เท่านั้นที่ยืนขมวดคิ้วหงุดหงิดกับภาพที่เห็นตรงหน้า
"นี่แท้ นายก็คือคู่แข่งของฉันนั่นเอง นายคริส" ดาวฤกษ์พึมพำกับตัวเอง
เวลาล่วงเลยมาเกือบถึงห้าโมงเย็น มิราและคริสโตเฟอร์เก็บผลไม้จนลืมทานอาหารเที่ยงไปเลย เขาแอบมองเธออยู่ตลอดเวลา และได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของเธอ แท้จริงแล้วเธอก็คือผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่มีจิตใจดีกับคนที่ต่ำต้อยกว่าตน หากแต่ทนงตนกับคนระดับเดียวกันจนถูกกล่าวหาว่าหยิ่งยโส แต่นั่นมันคือการปกป้องตัวเองในแบบของเธอ เขาไม่เถียงอยู่อย่างเดียวคือความปากร้ายของเธอนั่นเอง
"พี่ฤกษ์คะ ทำงานเหนื่อยมากมั้ยคะ ไม่เห็นลงไปเก็บผลไม้กับมิราเลย" เธอเดินมาใกล้ดาวฤกษ์และดึงแขนเขามากอดไว้แน่นอย่างไร้เดียงสา คริสโตเฟอร์จ้องเธอไม่วางตา
"ก็พี่เห็นมิรามีเพื่อนแล้วนี่ครับ เอาเป็นว่าตอนนี้ต้องรีบกลับแล้วนะครับ ช่วงนี้ปลายฝนต้นหนาวเอาแน่เอานอนกับฝนไม่ได้ นี่ก็ครึ้มมาตั้งแต่บ่ายแล้ว ให้คนของพี่ขับรถไปส่งมั้ยครับ" ดาวฤกษ์เป็นห่วง
"โอ้ย ไม่ต้องค่ะ แค่นี้เองสบายมาก กลับก่อนนะคะ ขอบคุณสำหรับผลไม้ฟรีค่ะ เดี๋ยวมาเก็บใหม่นะคะ" เธอส่งยิ้มหวานให้ดาวฤกษ์อีกหน คริสโตเฟอร์ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องหงุดหงิดใจอะไรขนาดนี้
สองหนุ่มสาวก้าวขาขึ้นรถทันเวลาสายฝนโปรยปรายลงมา มิราขับรถไปเรื่อยๆอย่างเชื่องช้าเพราะถนนคดเคี้ยวและสายฝนเริ่มตกหนักบดบังเส้นทางจนมองแทบไม่เห็นอะไร
"นี่คุณจอดก่อนก็ได้ให้ฝนซาแล้วค่อยไปต่อ" คริสโตเฟอร์ไม่ได้กลัวหรอกนะ เขาเป็นห่วงเธอมากกว่า
"ฉันชินทาง ค่อยๆไปใกล้ถึงบ้านแล้ว ใครจะคิดว่าจะตกหนักขนาดนี้" เธอบ่นพึมพำ
รถจีฟคลาสสิกคันโปรดของเธอใช่ว่าจะอาการดีนัก เครื่องยนต์กระตุกสองสามทีก่อนจะดับลงอย่างหาสาเหตุไม่ได้
"เฮ้ รถฉัน อย่ามาทรยศกันแบบนี้นะ" เธอลองเปิดปิดกุญแจใหม่หากแต่ไม่เป็นผลใดๆ
"เดี๋ยวผมลงไปดูเครื่องให้ คุณรออยู่ในนี้นะครับ" คริสโตเฟอร์ผู้เชี่ยวชาญด้านการซ่อมรถยนต์อาสาตรวจสอบดูอาการให้
เขาสวมรองเท้าแตะออกจากบ้านของดาวฤกษ์มา เพิ่งนึกขึ้นมาได้ก็ตอนที่เท้าของเขาดันไปเหยียบอะไรบางอย่างที่ดูลื่นๆ และแล้วเขาก็ล้มลงกองกับพื้น งูพิษตัวนั้นฉกบริเวณขาของเขาแล้วก็เลื้อยเข้าป่าข้างทางไป
"โอ๊ย โอ๊ยยยย" มิรารีบเปิดประตูรถออกมาดูเมื่อเห็นเขาล้มลงและส่งเสียงร้อง
"คุณระวังงูกัด อย่าลงมา" เขาตะโกนบอกเธอแข่งกับสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาไม่ขาดสาย
"แย่แล้ว" เธอรีบตั้งสติและวิ่งไปเอาเชือกในรถมามัดขาเหนือรอยเขีี้ยวงูพิษให้เขา คริสโตเฟอร์เริ่มไม่มีแรง เขาหรี่ตาลงแทบหมดสติ มิราจึงตัดสินก้มโค้งลงไปที่ขาของเบา และจัดการดูดพิษงูออกออกและถ่มน้ำลายทิ้ง
เธอเคยช่วยชีวิตคนที่โดนงูกัดแบบนี้มาแล้วเมื่อห้าปีก่อน และเธอก็ใช้ชีวิตในป่าในเขามากเกินกว่าที่คนทั่วไปมักจะเข้าใจว่าเธอเป็นแค่คุณหนูมิราเท่านั้น
เธอวิ่งกลับเข้ามาในรถและโทรหาที่บ้าน น่านนทีรู้ข่าวจึงรีบขับรถฝ่าสายฝนออกมารับทั้งคู่ไปที่โรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน ในขณะที่มิราหมดสติไปเพราะพิษงูเมื่อตอนถึงโรงพยาบาลพอดี