เวลาผ่านไปไม่นาน กุ้ยหนิงอันรู้สึกมึนงงและง่วงนอนอย่างช่วยไม่ได้ จึงคิดว่าควรจะเข้าไปล้างหน้าล้างตาเสียหน่อย จากนั้นจึงเดินโซเซเล็กน้อยไปเข้าห้องน้ำพนักงานโดยมีพนักงานหญิงคนนั้นเดินตามมาด้วย
เมื่อเดินตามเข้ามาในห้องน้ำกลับพบกุ้ยหนิงอันล้มลงไปนอนเรียกเท่าไรก็ไม่ตื่น สุดท้ายจึงเรียกคนรักที่เป็นพนักงานด้วยกันมาพยุงร่างของกุ้ยหนิงอันไปที่ห้องพักของแขกที่ได้รับมอบหมายมา
“จำได้ไหมว่าห้องหมายเลขอะไร”
“ฉันขอนึกก่อน แล้วคนคนนั้นให้กุญแจมากับพี่หรือเปล่า”
“ท่านลืมให้กุญแจ เธอเป็นพนักงานต้อนรับรีบไปหยิบกุญแจมาสิ ห้องสามหนึ่งสอง” ชายคนนั้นเอ่ยขึ้น เขาไม่รู้เลยว่าตนเองนั้นได้บอกชั้นผิดไป ซึ่งห้องที่เขาต้องไปคือสี่หนึ่งสอง
พนักงานหญิงมองซ้ายมองขวา ดีที่วันนี้แต่ละคนวุ่นวายกับงานเลี้ยงและมีแขกเข้าพักที่โรงแรมจนเต็มทุกห้อง จึงไม่เป็นที่สงสัยหากมีใครถามจะบอกว่าเป็นลูกค้าในงานเลี้ยงเกิดเมาขึ้นมาจึงพาไปส่งที่ห้องพัก โดยใช้เสื้อคลุมปิดหน้าของกุ้ยหนิงอันไว้
เมื่อได้กุญแจมาจึงรีบพาร่างที่หมดสติของกุ้ยหนิงอันไปยังห้องพักทันที
ด้านซีซวนเห็นถึงความผิดปกติบางอย่างจึงแกล้งมายืนเก็บโต๊ะอยู่ไม่ไกลกับหลันอี้ข่ายมากนัก เธอรู้ว่านี่คือเจ้านายคนหนึ่งของเธอ หากเกิดอะไรขึ้นอย่างน้อยเธอคงช่วยได้บ้าง
และอีกอย่างเธอชอบมองเขาทุกครั้งที่เข้ามาดูงานที่นี่ และตอนนี้ดูเหมือนจะมีหญิงสาวบางคนตามตอแยเจ้านายอยู่ไม่ห่าง
ส่วนหลันอี้ข่ายคล้ายเวลานี้ร่างกายของเขาคล้ายกับถูกวางยาบางอย่าง ทำให้เขาต้องเร่งเดินขึ้นห้องพักในโรงแรม
“อาข่าย นายมีอะไรให้ฉันช่วยไหม”
คังปี่เจียวเดินยิ้มเข้ามา วันนี้เธอตั้งใจแต่งตัวให้สะดุดตาเป็นพิเศษ แม้จะรู้ว่าหลันอี้ข่ายไม่ได้คิดเช่นนั้นกับเธอก็ตาม
“ไม่ต้องหรอก พี่ปี่เจียวไปสนุกกับเพื่อนต่อเถอะ ผมตั้งใจจะขึ้นห้องพักเสียหน่อย”
หลันอี้ข่ายรีบปฏิเสธ และพยายามมองหาเพื่อนคนอื่น แต่กลับไม่พบใคร แม้แต่จิ้งเจี้ยนซาก็ไม่พบ แต่พอเห็นพนักงานที่กำลังเก็บโต๊ะอยู่จึงกวักมือเรียก
“คุณครับ ช่วยผมหน่อย”
“คุณเรียกฉันเหรอคะ” ซีซวนทำหน้างง แกล้งทำไม่รู้เรื่อง
“ครับ ช่วยพาผมไปที่ห้องหน่อย ตอนนี้ผมแทบจะไม่ได้สติแล้ว หากมีใครมาอ้างว่ารู้จักกับผมและต้องการพาผมไปด้วยตนเอง หวังว่าคุณจะปฏิเสธ”
เมื่อทุกอย่างผิดแผนใบหน้าของคังปี่เจียวมีความตื่นตะลึงไม่น้อย แต่เพียงชั่วแวบเดียวเท่านั้น ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นสีหน้าโกรธแค้น
ยาที่เธอใส่ไปในเครื่องดื่ม มีเพียงผู้พันจิ้งและอาข่ายเท่านั้นที่ดื่มเข้าไป เพียงแต่ตอนนี้เธอไม่รู้ว่าผู้พันจิ้งเป็นอย่างไรบ้าง ส่วนชายในดวงใจอย่างอาข่ายกลับมีทีท่าแสดงความรังเกียจเธอโดยไม่ปิดบัง
“คิดว่าฉันจะยอมแพ้เหรอ ไม่มีทางเสียหรอก”
พูดจบจึงรีบเดินตามหลันอี้ข่ายและซีซวนไปทันที
“ค่อย ๆ เดินนะคะ ดูคล้ายคุณจะไม่ไหวแล้ว ให้ฉันเรียกคนอื่นมาช่วยไหม”
เมื่อเห็นว่าร่างกายของหลันอี้ข่ายเริ่มทิ้งน้ำหนักลงมามาก ด้วยรูปร่างเธอเล็กจึงแทบรับน้ำหนักของชายรูปร่างใหญ่ไม่ไหว
“ไม่ต้อง ร่างกายผมเริ่มไม่ไหวแล้ว คุณส่งผมไปที่ห้องแล้วไม่ต้องหันกลับเข้ามาอีก จำไว้เพียงเท่านี้”
หลันอี้ข่ายกัดฟันพูด เขาเริ่มร้อนรุ่มเต็มทีแล้ว หากยังมีเวลาอยู่ด้วยกัน กลิ่นกายสาวของพนักงานคนนี้ช่างชักชวนให้บางอย่างที่เขาพยายามข่มไว้ตื่นขึ้นมาอย่างเต็มที่
เมื่อมาถึงหน้าห้องหลันอี้ข่ายส่งกุญแจให้กับซีซวน แต่ใครจะคิดว่าคังปี่เจียวจะเดินเข้ามากระชากกุญแจออกมาแล้วจะไขเอง
“หยุดนะปี่เจียว พี่คิดว่าทำแบบนี้ผมจะยอมคบหากับพี่เหรอ ถ้าไม่อยากให้เรื่องนี้รู้ถึงหูของเพื่อนทุกคน ส่งกุญแจคืนมาเดี๋ยวนี้”
หลันอี้ข่ายตะคอกกลับด้วยความโมโห ร่างกายเขาแทบจะไม่ไหวแล้วยังมีคนกล้ามาก่อกวนอีก
ซีซวนเมื่อเห็นใบหน้าของชายหนุ่มที่มีเหงื่อผุดขึ้นมาจึงรีบแย่งกุญแจกลับคืนมาก่อนจะไขประตูแล้วรีบพาหลันอี้ข่ายเข้าไปในห้อง
เมื่อส่งชายหนุ่มเข้ามาในห้องแล้ว เธอเตรียมจะเดินออก แต่เมื่อเปิดประตูใครจะคิดว่าคังปี่เจียวจะพยายามเบียดกายเข้ามา จนซีซวนต้องปิดประตูใส่หน้าอีกครั้ง
“จะทำยังไงดี คุณผู้หญิงคนนั้นยังอยู่หน้าห้องค่ะ ว่าแต่คุณเป็นอะไรหรือเปล่า ให้ฉันช่วยอะไรหรือไม่”
ซีซวนหันกลับมาถามอย่างร้อนรน แต่ทว่าสิ่งที่เจอกลับเห็นอาการไม่สู้ดีของชายหนุ่มตรงหน้าแทน อาจจะเพราะไร้เดียงสาและไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้จึงรีบเดินเข้าไปพยุงเขา
“ผมบอกคุณแล้วใช่หรือไม่ว่าห้ามเข้าใกล้ผม เพราะคุณจะอันตราย”
สติของหลันอี้ข่ายริบหรี่เต็มทีแล้ว แต่เขายังรู้ว่าสิ่งไหนควรหรือไม่ควร
“ฉันช่วยอะไรคุณได้บ้างหรือไม่คะ ฉันอยากช่วยรู้สึกว่าอาการคุณจะไม่ดีเท่าไร”
“คุณพูดอะไรรู้ตัวหรือเปล่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เพราะสิ่งที่คุณจะต้องเสียไปหากช่วยผม มันคือสิ่งที่มีค่าที่สุดของผู้หญิง”
หลันอี้ข่ายตะคอกกลับ เขาไม่รู้ว่าสตรีตรงหน้านี้ซื่อจริงหรือแกล้งโง่ เขามีอาการเช่นนี้แล้วยังไม่รีบออกไปอีก เขาอยากจะบ้าตาย
“ฉันรู้ค่ะ แต่คุณอาการไม่ดีแล้ว เท่าที่ทราบมา คนที่โดนวางยาพวกนี้หากไม่ได้ปลดปล่อยอาจจะเกิดอันตรายถึงชีวิต”
เรื่องนี้ซีซวนพอรู้มาบ้าง เธอเองก็เข้าใจ ทว่าไม่รู้ทำไมเหมือนกันจึงคิดจะช่วยชายที่อยู่ตรงหน้าและขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้านายคนหนึ่ง
คราวนี้หลันอี้ข่ายตาแทบถลน
‘ผู้หญิงคนนี้บ้าหรือเปล่าทั้ง ๆ ที่รู้ว่าหากช่วยเขานั้นจะเกิดอะไรขึ้นกับตนเอง หากช่วยเขาขึ้นมา’
“คุณไม่ต้องช่วยผมหรอก ดูว่าผู้หญิงคนนั้นไปหรือยัง แล้วคุณรีบออกไปก่อนที่จะเกิดเรื่องเสื่อมเสียกับคุณ”
แม้ว่าร่างกายของหลันอี้ข่ายจะไม่สู้ดี ทว่าเวลานี้เขายังบังคับตนเองได้ แต่ถ้าหากนานกว่านี้เขาไม่อาจควบคุมความต้องการได้อีกแล้ว
ซีซวนพยักหน้ารับ และเงี่ยหูฟังที่ประตู ทว่าเธอกลับยังได้ยินเสียงโวยวายของคังปี่เจียวอยู่หน้าห้อง จึงหันกลับมามองเขาอีกครั้งด้วยความเป็นห่วง
“ผู้หญิงคนนั้นยังโวยวายอยู่หน้าห้องค่ะ จะทำยังไงดีค่ะ”
“คุณอยู่ที่นี่แล้วกัน ผมจะเข้าไปอยู่ในห้องน้ำเอง โดนน้ำเย็น ๆ อาจจะดีขึ้นมาบ้าง”
พูดจบหลันอี้ข่ายจึงแยกตนเองออกมาแล้วรีบเดินเข้าห้องน้ำไปทันที
ซีซวนได้แต่กลัดกลุ้มว่าจะช่วยเขาอย่างไร ในหัวตอนนี้คล้ายกับมีสองความคิด หนึ่งคือห้ามไม่ให้เธอช่วย สองคือให้เธอรีบเดินตามเข้าไปไม่เช่นนั้นเจ้านายหนุ่มคนนี้อาจตายได้
เธอทะเลาะกับตนเองสักพักใหญ่ จากนั้นจึงตัดสินใจปลดเปลื้องเสื้อผ้าตนเองออกจนไม่เหลือ ก่อนจะพาร่างอันเปล่าเปลือยของตนเองเดินตามเข้าไปในห้องน้ำอย่างไม่ลังเล
หลันอี้ข่ายถอดเสื้อผ้าตนเองจนหมด จากนั้นจึงเปิดน้ำออกมาจากฝักบัวให้ไหลสู่ร่างกาย เขาไม่ใช่เด็กที่จะไม่รู้เรื่องปลดปล่อยความต้องการเรื่องนี้
ดังนั้นในระหว่างที่เขากำลังช่วยตนเอง เขาไม่คิดว่าพนักงานคนนี้จะเดินเข้ามากอดจากทางด้านหลัง
ไฟร้อนในร่างกายจึงเพิ่มเป็นทวีคูณเมื่อมีร่างอวบอั๋นมากอด
“คิดดีแล้วเหรอที่ทำแบบนี้”
ในสมองของหลันอี้ข่ายเริ่มคิดแล้วว่าหญิงสาวคนนี้ต้องการอะไรจากเขา
“คิดดีแล้วค่ะ ฉันเพียงต้องการเงินสักก้อนเพื่อทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ฉันไม่ต้องการสถานะอะไรทั้งนั้น ผ่านพ้นคืนนี้ไปเราสองคนทำเพียงไม่รู้จักกันก็พอ”
เพราะต้องการช่วยคนตรงหน้า ทำให้ซีซวนพูดเหมือนความบริสุทธิ์ของตนเองไร้ค่า ดังนั้นเธอจึงพูดเหมือนกับต้องการเรียกร้องเงินมากกว่าสิ่งใด
หลันอี้ข่ายเองเมื่ออีกฝ่ายเสนอและต้องการเพียงแค่เงินตั้งตัว เรื่องเงินสำหรับเขาไม่ใช่ปัญหา และตอนนี้ร่างกายเขาร้อนยิ่งกว่าไฟ จึงไม่คิดไตร่ตรองให้ดีในคำบอกกล่าวของสตรีตรงหน้า
ชายหนุ่มหันหน้ามาสบตาเธออีกครั้ง ก่อนจะโน้มตัวประกบปากจูบเธออย่างดูดดื่ม ก่อนจะให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่ควรเป็น โดยที่เขาไม่รู้เลยว่าเมื่อตื่นขึ้นมาจะไม่เจอเธออยู่ข้างกาย เธอหายไปแม้กระทั่งชื่อเขายังไม่รู้จัก