บทที่ 1 นภัสสร
ไร่นภัสสร เจ้าของไร่แห่งนี้คือสาวสวยมากความสามารถคล้ายกับเบื่อเมืองกรุงจึงกลับมาที่ไร่แห่งนี้ และฟื้นฟูทุกอย่างให้กลับมามีชีวิตชีวาเหมือนสมัยปู่กับย่าเธอยังอยู่ นับเวลานี้ก็เกือบห้าปีแล้วที่เธอมาฟื้นฟูสมบัติของปู่กับย่าได้ทิ้งไว้ให้
นภัสสรทำสวนผลไม้และแปลงเกษตร เธอไม่มองว่าการเป็นชาวไร่ชาวสวนนั้นน่าอาย แต่เธอกลับมองว่านี่คือสิ่งที่ทำให้เธอมีกินมีใช้ มีเงินเก็บและมีเงินจ่ายลูกน้อยอีกเกือบร้อยชีวิต และยังเลี้ยงน้องชายอีกคนจนจบมหาวิทยาลัยได้ด้วยเกียรตินิยมความภาคภูมิใจของนภัสสรคือตรงนี้
“เหนื่อยจังเลย”
นภัสสรถอดหมวกปีกกว้างออกมานั่งหลบแดดใต้ต้นไม้ใหญ่ เธอกวาดสายตามองไปยังคนงานที่ต่างก็ช่วยเก็บเกี่ยวผลผลิตเตรียมจะส่งขายด้วยรอยยิ้ม แม้จะเหนื่อยแค่ไหน แต่พอเห็นผลตอบรับและรอยยิ้มของทุกคนแค่นี้ก็ทำให้หญิงสาววัยสามสิบกว่าเช่นเธอก็แทบจะหายเหนื่อยเช่นกัน
“แม่เลี้ยงจะทานมื้อเที่ยงเลยไหม ป้าจะให้แจ๋วไปเตรียมให้ คุณนุกูลก็น่าจะกลับมาแล้ว”
แม่บ้านคนสนิทรีบเดินมาแจ้งนายสาวหรือแม่เลี้ยงนภัสสรที่เหล่าคนงานเรียกกัน ส่วนนุกูลคือน้องชายเพียงคนเดียวของแม่เลี้ยงนั่นเอง
“รอตากูลกลับมาก่อนดีกว่าค่ะป้า สรทานข้าวคนเดียวมานานแล้ว อยากกกินกับน้องชายบ้าง”
ไม่รู้เพราะอะไรนภัสสรจึงอยากใช้ชีวิตกับน้องชายให้มากที่สุด ในใจของเธอนั้นรู้สึกโหวงเหวง คล้ายกับจะมีเวลาอยู่กับน้องชายอีกไม่นาน
“เอาอย่างนั้นก็ได้ค่ะ คุณสรอย่าหักโหมมากจนเกินไปนะคะป้าเป็นห่วงสุขภาพคุณสรเหลือเกิน ตั้งแต่คุณกลับมาและพัฒนาไร่แห่งนี้ ป้าไม่เห็นคุณจะมีเวลาพักหรือหาเวลาไปเที่ยวที่ไหนเลย ตอนนี้คุณนุกูลก็เรียนจบกลับมาช่วยพัฒนาไร่นี้แล้ว หากคุณท่านทั้งสองยังอยู่คงภูมิใจในตัวหลานทั้งสองคนมากนะคะ”
แม่บ้านคนนี้อยู่มาตั้งแต่ปู่กับย่าของนภัสสรยังมีชีวิตอยู่ ทำให้ป้านาจึงกล้าพูดคุยและตักเตือนเจ้านายสาวเรื่องสุขภาพมากกว่าคนงานคนอื่น
“สรเข้าใจค่ะป้านา ต่อไปนี้สรสัญญาว่าจะไม่โหมงานเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว อย่าลืมสิสรยังไม่แต่งงาน ยังไม่มีลูกหรือมีสามีเลยนะคะ ตากูลเรียนจบมาช่วยงานในไร่ สรจะได้มีเวลาเสาะหาสามีเสียที”
นภัสสรพูดหยอกล้อ ในสมองของเธอไม่เคยคิดถึงการมีสามีมาก่อน เพราะในอดีตสมัยที่ยังเรียนเธอเคยมีคนรัก และคิดว่าหลังเรียนจบคงได้แต่งงานกับเขา
แต่ใครจะคิดว่าหลังจากคบหากันเพียงสองปี แฟนหนุ่มที่เธอรักกลับทรยศหักหลังเธอโดยการมีความสัมพันธ์กับเพื่อนสนิทของเธอเอง ตั้งแต่นั้นมา นภัสสรจึงไม่เคยเปิดใจให้กับใครอีกเลย
“สามีนะคะ ไม่ใช่ปลาทู คุณสรคิดว่าผู้ชายดี ๆ จะหาง่ายปานนั้นเชียวเหรอคะ ป้าคนหนึ่งล่ะไม่เชื่อ แต่เท่าที่ป้ารู้มีคนหนึ่งที่พอจะเข้าตา”
“ใครเหรอคะ คนที่ป้าคิดว่าเข้าตา”
นภัสสรเลิกคิ้วถามอย่างแปลกใจ ตั้งแต่ป้านาจับได้ว่าสามีนอกใจเล่นชู้กับหลานสาว ตั้งแต่นั้นมาป้านาไม่เคยมองผู้ชายคนไหนดีอีกเลย
“ก็พ่อเลี้ยงจักรยังไงล่ะคะ รายนั้นทั้งหล่อทั้งรวย เสียอย่างเดียวคือเย็นชา โหดเหี้ยมไปหน่อย”
เมื่อป้านาเอ่ยชื่อทำให้นภัสสรนึกถึงชายหนุ่มวัยสี่สิบต้น ๆ ที่ใบหน้ามีแต่ความเย็นชาคนนั้นขึ้นมา หากเธอต้องมีสามีแล้วเป็นคนเย็นชาไม่พูดไม่จา เธอคงอกแตกตาย
“ถ้าเป็นพ่อเลี้ยงจักร สรขอบายนะคะ คนอะไรหน้าตาเหมือนคนที่โกรธอยู่ตลอดเวลา แบบนี้สรไม่เอาด้วยหรอก สามีสรไม่มีก็ไม่ตายค่ะ รอเลี้ยงลูกของตากูลแทน”
เมื่อพูดถึงน้องชายเพียงคนเดียวใบหน้าของนภัสสรกลับมีรอยยิ้มแห่งความอบอุ่นอย่างห้ามไม่อยู่
ป้านามองด้วยสายตาที่เอ็นดู แม่เลี้ยงนภัสสรคงขยาดผู้ชายเหมือนกับเธอ ไม่นานทั้งสองคนได้ยินเสียงรถกระบะของน้องชายขับเข้ามาในไร่พอดี นภัสสรจึงรีบเดินเข้าไปหยิบกระติกน้ำเย็น ๆ มายื่นให้น้องชายดับกระหาย เพราะงานในไร่นั้นไม่เหมือนกับงานบริษัทในกรุงเทพฯ
“กลับมาแล้วเหรอตากูล เป็นยังไงบ้างเหนื่อยไหม นี่น้ำหวานเย็น ๆ พี่เตรียมไว้ให้”
“ขอบคุณครับพี่สร พี่เองก็เหนื่อยเหมือนกันพักผ่อนบ้าง ผมโตแล้วครับ ต่อไปนี้ผมจะช่วยพี่พัฒนาไร่ของคุณปู่คุณย่าให้ดีขึ้นกว่าเดิม และจะเป็นคนดูแลพี่เอง”
นุกูลบอกพี่สาวด้วยสายตามุ่งมั่น พื้นที่ด้านหลังติดเขาเป็นมรดกของปู่กับย่าที่ทิ้งไว้ให้ เขาตั้งใจจะทำฟาร์มม้าและรีสอร์ตเพื่อให้เป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของอำเภอที่เขาอยู่ ทว่าเรื่องนี้ต้องขอคำปรึกษาจากพี่สาวคนสวยเสียก่อน
“จ้า ฉันเป็นพี่สาวนะยะ ไม่ใช่ลูกสาวหรือน้องสาวนาย พูดยังกับพี่สาวคนนี้ยังเป็นเด็ก พี่ยอมเหนื่อยเพื่อให้เราทั้งสองคนมีสิ่งดี ๆ ตอนนี้ตากูลของพี่เรียนจบแล้ว พี่จะค่อย ๆ วางมือก็แล้วกัน ว่าแต่ตอนนี้เราไปกินอาหารกันก่อนดีกว่าไหม หิวจนไส้จะขาดแล้ว”
เมื่อโดนน้องชายบ่นเรื่องที่เธอทำงานเหนื่อยเกินไป นภัสสรจึงรีบเปลี่ยนเรื่องทันที
สองพี่น้องต่างก็เดินคล้องแขนกันอย่างมีความสุขเพื่อไปที่โรงอาหารของไร่ นภัสสรและนุกูลไม่เคยแบ่งชนชั้นกับคนงาน ไม่ว่าโรงอาหารจะทำสิ่งใดสองพี่น้องมักจะกินเช่นเดียวกัน แม้บางครั้งเพื่อน ๆ ของทั้งสองคนมาที่ไร่นี้ยังต้องมากินรวมกันที่โรงอาหารเช่นกัน
นี่คืออีกหนึ่งเหตุผลทำไมคนงานจึงรักและเคารพแม่เลี้ยงนภัสสรและพ่อเลี้ยงนุกูลนัก
จากวันนั้นจนถึงวันนี้เวลาผ่านมาร่วมเดือน สองพี่น้องยังคงช่วยกันทำงานเหมือนเดิม ในเวลานี้นุกูลเริ่มวางแผนงานเกี่ยวกับรีสอร์ตแล้วเช่นกัน
“พี่สร ช่วงนี้เหมือนพี่จะไม่สบายเลยไปหาหมอดีหรือเปล่า”
นุกูลมองดูว่าพี่สาวนั้นดูอ่อนเพลีย จึงอยากให้ไปตรวจร่างกายบ้าง
“พี่ไม่เป็นอะไรหรอก ช่วงนี้อาจจะนอนน้อยไปหน่อย นายเองก็เถอะ อย่าทำงานให้มากนัก พี่ได้ข่าวว่าพ่อเลี้ยงขวัญเมืองอยากได้ที่ดินติดเขาของเรา ตอนนี้จึงกลั่นแกล้งเรื่องที่นายยื่นแบบกับอำเภอไม่ผ่านไม่ใช่เหรอ หากมันยุ่งยากและเสี่ยงอันตราย พี่ว่านายพับเก็บโครงการไปก่อนดีหรือเปล่า”
นภัสสรไม่ได้ห่วงตัวเองแต่ห่วงความปลอดภัยมากกว่า วันก่อนเธอได้พบกับพ่อเลี้ยงจักร ไม่รู้ว่าทำไมพ่อเลี้ยงจึงส่งคนมาพูดคุยเรื่องนี้
“ผมระวังตัวอยู่ พี่สรไม่ต้องเป็นห่วง จริงสิ ยายส้มจี๊ดใกล้จะเรียนจบแล้ว บอกกับผมว่าจะมาช่วยงานที่นี่ ยายนั่นจะมาอยู่กับเราได้เหรอพี่ ผมละไม่ค่อยอยากจะเชื่อ”
นุกูลนึกถึงลูกพี่ลูกน้องที่เปรี้ยวจี๊ดสมชื่อด้วยความระอา ส้มจี๊ดนั้นอายุน้อยกว่าเขาหนึ่งปี แต่ทำตัวยิ่งกว่าแม่เขาอีก
“เอาเถอะ ยายส้มจี๊ดมาอยู่ไร่ของเราจะได้มีสีสันไง อีกอย่างนายกับพี่ก็รู้ว่ายายส้มจี๊ดเข้ากับแม่เลี้ยงได้ที่ไหน น้าภูมิเองใช่ว่าจะสนใจลูกสาวคนนี้ มัวแต่หลงเมียใหม่กับใส่ใจลูกเลี้ยงยิ่งกว่าลูกตนเอง”
นภัสสรยิ้มให้น้องชายอย่างระอา หากนับญาติกัน ยายส้มจี๊ดก็มีศักดิ์เป็นน้องสาวเธอและน้องสาวตากูล ชีวิตของส้มจี๊ดน่าสงสารไม่น้อย พ่อแม่แยกทาง ดีที่ตากูลเรียนที่กรุงเทพฯ เธอจึงเช่าคอนโดให้สองคนนี้อยู่ด้วยกัน แม้ว่าน้องชายจะบ่นเป็นหมีกินผึ้ง แต่เขาก็รักยายส้มจี๊ดไม่น้อยไปกว่าเธอเลย
ในขณะที่สองพี่น้องคุยกันถึงตัวป่วน อยู่ ๆ ก็มีเสียงรถเข้ามาในไร่พร้อมกับสาวน้อยหุ่นนาฬิกาทราย แต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดแต่ไม่โป๊ ลงจากรถกระบะของไร่จักรพงษ์
“ฮัลโหล พี่สร พี่กูล น้องสาวสุดสวยมาหาแล้วค่ะ”
ส้มจี๊ดสาวน้อยวัยยี่สิบปีรีบวิ่งเข้ามาหาคนทั้งคู่ด้วยความคิดถึง ทำให้นภัสสรส่ายหน้าอย่างระอาในความรวดเร็วทันใจของน้องสาวคนนี้
“หยุดเลยยายส้มเน่า เราโทรบอกพี่ว่าจะมาแต่ไม่ใช่มาวันนี้ แล้วนี่ไปรบกวนพ่อเลี้ยงจักรได้ยังไงกัน ทำไมไม่โทรบอกพี่ พี่จะได้ไปรับ”
นุกูลเดินหน้าบอกบุญไม่รับเข้ามาเขกหัวน้องสาว ดูเถอะเช้าโทรมาบอกว่าเรียนจบจะมาช่วยงาน บ่ายดันมาถึงเสียแล้ว
“พี่กูล ฉันว่าพี่ถนอมน้องสาวหน่อยเถอะ ใช่ ฉันพูดว่าเรียนจบแล้วจะมาช่วยงาน แต่ตอนนี้ฉันต้องมาฝึกงาน เลยส่งใบสมัครมาที่ไร่จักรพงษ์ ฉันเห็นว่าอยู่ไม่ไกลกับไร่ของพวกพี่ น้องสาวคิดถึงไม่ได้หรือไง”
ส้มจี๊ดลูบหน้าผากปอย ๆ พร้อมทำหน้าทะเล้นใส่ ก่อนจะอธิบายถึงเหตุผลให้ฟัง
“ส้มจี๊ดทำไมไม่โทรบอกพี่หรือตากูลให้ไปรับ แม้จะฝึกงานที่ไร่จักรพงษ์แต่เรื่องไปรับพี่คิดว่าเรารบกวนเกินไปหรือเปล่า แล้วสาเหตุที่วิ่งแจ้นมาฝึกงานถึงจังหวัดน่านไม่ใช่เพราะอยากหนีคนบ้านนู้นมาเหรอ”
“ไม่ใช่อยากหนีหรอกพี่สร แต่โดนไล่ออกมาเลยต่างหาก พอดีฉันมีเรื่องกับลูกเลี้ยงสุดที่รักของเขามา แล้วก็ไม่อยากอยู่คอนโดคนเดียวเสียดายเงินอะพี่สร พี่จะได้ประหยัดค่าใช้จ่ายด้วยไง
ตอนนี้พี่กูลเรียนจบแล้ว ฉันก็ฝึกงานปีสุดท้าย เลยทำเรื่องมาฝึกงานที่จังหวัดน่านประจวบเหมาะกับไร่จักรพงษ์รับเลขาฝึกงานพอดี ทุกอย่างเหมาะเหม็งพอดีไง”
“เอ่อ ผมขอขัดจังหวะพวกคุณหน่อยนะ เมื่อกี้นี้ก่อนจะเข้ามาในบริเวณไร่นภัสสร ผมเห็นชายแปลกหน้าป้วนเปี้ยนอยู่หลายคน ผมเลยให้โทรให้ลูกน้องตามไปดูแล้ว ช่วงนี้คุณนุกูลและคุณสรระวังตัวไว้หน่อยก็ดีนะ สายข่าวคนของผมแจ้งมาว่าพ่อเลี้ยงขวัญเมือง…”
“ขอบคุณมากนะคะพ่อเลี้ยงจักร จากนี้สรและน้องจะระวังตัวมากขึ้น”
นภัสสรไม่ทันพูดจบประโยค กลับมีเสียงปืนดังเข้ามาหลายนัด ทำให้ทั้งสี่คนต่างพุ่งตัวหลบโดยที่พ่อเลี้ยงจักรคว้าตัวของส้มจี๊ดไว้ ส่วนนุกูลคว้าตัวพี่สาวเข้าอ้อมกอด
ทว่านภัสสรเห็นมือปืนที่แอบซุ่มอยู่อีกคนเล็งปืนมาทางน้องชายของเธอ ด้วยสัญชาตญาณเธอจึงหมุนตัวเอาร่างตนเองมารับกระสุนแทนก่อนจะผลักร่างน้องชายให้ล้มลง
ปัง! ปัง! ปัง!
สิ้นเสียงปืนร่างนภัสสรล้มลงนอนกับพื้นทันที พ่อเลี้ยงจักรที่กำลังจัดการมือปืนอีกคนจนล้มลง ได้หันมาลั่นไกใส่แบบไม่ยั้งทันที
“พี่สร! /พี่สร! /คุณสร!”
นุกูลเข้ามาช้อนร่างอาบเลือดของพี่สาวไว้พร้อมน้ำตาที่ไหลไม่หยุด โดยมีร่างเล็กของส้มจี๊ดที่สะบัดหลุดออกจากอ้อมกอดของพ่อเลี้ยงจักรรีบวิ่งเข้ามาเช่นกัน
“พี่กูล รีบพาพี่สรไปโรงพยาบาลสิ เร็วสิ!”
“ไม่ต้อง พี่…พี่รู้ตัวดีพี่ไม่ไหวแล้ว ทั้งสองสัญญากับพี่ได้ไหมว่าจะปกป้องดูแลกันและกัน แม้ว่าตากูลกับส้มจี๊ดจะเป็นเพียงลูกพี่ลูกน้อง แต่พี่อยากให้ทั้งสองดูแลกันและกันเหมือนพี่น้องคลานตามกันมา”
น้ำเสียงของนภัสสรอ่อนแรงเต็มที เธอรู้ดีว่าร่างกายไม่ไหวแล้ว เพียงแค่อยากจะฝืนเพื่อขอคำมั่นสัญญาว่าทั้งสองคนจะไม่ทิ้งกันเมื่อเธอจากไปแล้ว
“ผมสัญญาครับ ส้มจี๊ดเปรียบเสมือนน้องสาวผมคนหนึ่ง ผมสัญญาว่าจะดูแลน้องตลอดไปครับ ผมรู้ว่าพี่เหนื่อยแล้ว พี่พักเถอะนะครับ ทุกอย่างในไร่แห่งนี้ผมกับส้มจี๊ดจะสานต่อให้เอง”
นุกูลไม่อายที่น้ำตาของลูกผู้ชายไหลไม่หยุด นี่คือคำสัญญาที่เขาให้กับพี่สาวเพียงคนเดียวที่กำลังจะจากไป
“หนูสัญญาค่ะ หนูจะช่วยพี่กูลดูแลไร่แห่งนี้ต่อไป หนูขอบคุณพี่สรที่ดูแลหนูมาตลอดในหลายปีที่ผ่านมา พี่ส่งหนูเรียนพี่ไม่ใช่เป็นเพียงพี่สาว แต่พี่เปรียบเสมือนแม่ของหนู พี่สรเหนื่อยแล้ว พี่สรพักเถอะนะคะ”
ส้มจี๊ดน้ำเสียงสะอื้นไม่หยุด เธอให้คำมั่นสัญญาเช่นกัน
นภัสสรยิ้มอย่างอ่อนแรง เมื่อน้องทั้งสองสัญญาว่าจะดูแลกันและกัน เพียงชั่วอึดใจร่างนภัสสรกระตุกสองสามครั้งก่อนจะหมดลมหายใจ
เสียงร้องไห้เสียใจกับการจากไปของแม่เลี้ยงนภัสสรดังไปทั่วไร่ นุกูลพอตั้งสติได้ว่าพี่สาวจากไปแล้วจึงคว้าร่างน้องสาวอย่างส้มจี๊ดมาด้านข้าง ทั้งสองกอดร่างไร้วิญญาณของพี่สาวด้วยใจที่แตกสลาย
นุกูลและส้มจี๊ดรวมถึงเหล่าคนงานจัดการพิธีศพของนภัสสรด้วยความเรียบง่ายตามความชอบของพี่สาว
หลังจากเสร็จสิ้นงานศพของนภัสสร นุกูลเปลี่ยนไปเป็นคนละคน นิ่งขรึม เย็นชา และเหี้ยมโหด อีกทั้งยังหวงน้องสาวเพียงคนเดียวยิ่งกว่าจงอางหวงไข่
ส่วนส้มจี๊ดหลังจากฝึกงานเสร็จสิ้นและทำเรื่องจบ เธอจึงกลับมาอยู่กับพี่ชาย ทั้งสองต่างช่วยกันดูแลและสานต่อความต้องการของพี่สาวเพียงคนเดียวจนบรรลุเป้าหมาย แม้ทั้งสองจะมีครอบครัวของตนเองแต่ก็ยังดูแลกันและกันเสมอมาจนถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน