Chapter 6

1775 Words
Chapter 6            2 ปีที่แล้ว...            กีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว ครั้งที่ 23 : พย็องชัง ประเทศเกาหลีใต้            ปัง... ปัง... ปัง!            เสียงดังสนั่นจากปลายกระบอกปืนสั้นนับสิบไล่เรียงกันอยู่หลายเสียงสิ้นสุดลง เมื่อหัวกระสุนเจาะลงบนเป้ากระดาษ เสียงนกหวีดจากกรรมการ และเสียงจากไมโครโฟนประกาศผลคะแนน โดยที่นักกีฬาแต่ละคนยังยืนอยู่ในลักษณะเอียงตัวเล็กน้อย ลดปืนลงอย่างนิ่งสงบในความเงียบ...            การตัดสินคะแนนรวมสามครั้ง 10.2, 7.9, 10.4, 8.7, 9.7 ไปตามลำดับ            ตัวแทนแต่ละประเทศต่างเฝ้ารอชัยชนะ เพื่อนำมันกลับไปเป็นชื่อเสียงของแผ่นดินเกิด            ไม่ใช่กับหญิงสาวคนหนึ่ง... เธอมาเพื่ออิสรภาพ...            เหมือนว่าเธอจะรู้ตัวอยู่แล้วว่าหัวกระสุนนั้นพุ่งออกไปในทิศทางใด หัวใจเต้นระรัวดังเสียงกลอง ลุ้นระทึกอยู่เท่า ๆ กันกับทุกคน            Final_match 50m Pistol women : 10.4 China! 10.2 Korea... 9.9 Thailand..            หา...! อะไรนะ... เหรียญทองแดง!?            เสียงตะโกนกึกก้องของกองเชียร์บนอัฒจันทร์เต็มไปด้วยความปิติยินดี หลายคนบินข้ามน้ำข้ามทะเลมาให้กำลังใจนักกีฬาในดวงใจ ตัวแทนของประเทศ พวกเขาดีใจแล้วกับรางวัลไม่ว่าจะเป็นรางวัลไหน จะมีบ้างที่นั่งเงียบนิ่งรับความพ่ายแพ้            เหนือฟ้ายังมีฟ้า มีคนที่ฝึกซ้อมและทุ่มเทกับมันมากกว่า เธอไม่ได้ทำมันอย่างเต็มที่จึงได้แค่เหรียญทองแดงในปีนี้...            อดีตแชมป์โลกปืนสั้นมาตรฐานสองปีซ้อนเดินคอตกออกจากสนาม มีกองเชียร์คนสำคัญคนในครอบครัวเพียงคนเดียวคือพ่อ            พิภพรู้สึกภาคภูมิใจในตัวลูกสาวมาก หากพอเขาก้าววิ่งเข้าไป ฉีกยิ้มกว้างเต็มวงหน้า “ไม่เป็น...”            “หนูไม่หมั้น... หนูจะไม่หมั้นกับใคร โดยเฉพาะเตชิน หนูไม่ได้ขอเงินพ่อแม้แต่บาทเดียว พ่อจะมาบังคับหนูให้หมั้นหรือแต่งกับใครไม่ได้” ลมหายใจกระหืดกระหอบสงบลงหลังจบประโยค ทว่าความกร้าวโกรธยังปรากฏอยู่ในแววตา            คนพ่อถึงกับหน้าเสีย ต้นเหตุทั้งหมดมาจากเขาที่พยายามอ้อนวอนเรื่องนี้มาตลอด ขณะที่เจ้าตัวสอบทุนไปเรียนต่อเมืองนอกได้ ยังมีทุนนักกีฬาไว้ใช้จ่ายส่วนตัว ไม่รวมเงินจำนวนมากที่แม่ทิ้งไว้ให้ในพินัยกรรมก็ไม่เคยกลับบ้านอีกเลย            “ขอโทษนะ พ่อ... หนูอยากอยู่คนเดียว ไว้เจอกันค่ะ” ในน้ำเสียงเย็นชา เป็นปรกติของอริสาที่มีนิสัยเงียบขรึม ไม่เหมือนคนอื่น ๆ ในรุ่นราวคราวเดียวกัน            ใบหน้างดงามหมดจดช่างไร้อารมณ์ มีบ้างบางทีที่จะยิ้ม แต่ก็ไม่ใช่ยิ้มอย่างเต็มเปี่ยมด้วยความสุข            เธอไม่เคยมีความสุขตั้งแต่แม่ลาจากโลกไปด้วยโรคมะเร็งปอด... ต้นเหตุมาจากควันบุหรี่มือสองของพ่อ            มันจึงเป็นยิ้มที่จำเป็นต้องทำเพื่อสาธารณชน พอเดินจากพ่อไปแค่ไม่กี่ก้าว บรรดาแฟนคลับซึ่งติดตามเธออยู่ในโลกโซเชียลเฟซบุ๊ค และที่อื่น ๆ ยังมีสื่อมวลชนปรี่เข้ามาล้อบรอบตัวเธอ บางคนเอาดอกไม้มาให้ มีขนมถุงใหญ่ ทางโค้ชผู้ดูแลนักกีฬาก็รับไป หญิงสาวยกสองมือขึ้นประนมไหว้            “ขอบคุณที่มาให้กำลังใจอริสานะคะ... โอลิมปิกเกมส์ปีนี้ไม่ได้เหรียญทอง ขอโทษทุกคนจริง ๆ ยังไงจะฝึกซ้อมให้หนักกว่านี้ค่ะ”            “พยายามเข้านะครับ... คุณอริสา” เสียงจากกองเชียร์ปะปนกันไป ประมาณสิบกว่าคนได้ เธอต้อนรับด้วยรอยยิ้มบาง ๆ จับมือในแบบชาวตะวันตกอย่างเท่าเทียม พยายามที่จะจดจำใบหน้าของพวกเขาไว้ในความทรงจำ ทั้งชายหญิงวัยรุ่น ชายร่างสูงใหญ่หน้าตาหล่อเหลาเอาการ เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ กับคุณพ่อคุณแม่ เธอยกมือลูบศีรษะเบา ๆ            “เป็นเด็กดีนะเรา... มาดูกีฬากับพ่อแม่สนุกไหมคะ?”            “สนุกค่ะ หนูชอบดูพี่ ๆ แข่งกีฬา” เด็กสาวยิ้มตอบ ขณะจับจูงมือสองหนุ่มสาว หนึ่งในแฟนคลับของเธอที่ถ้าหากว่าไม่เป็นแฟนพันธุ์แท้จริง ๆ คงไม่พาเด็กสี่ขวบมาดูกีฬายิงปืนแน่            เมื่อเสียงประกาศดังว่าแมตช์ต่อไปกำลังจะเริ่ม หลายคนก็กลับไปยังที่นั่งอัฒจันทร์ของตน หนุ่มวัยห้าสิบ โค้ชส่วนตัวเข้ามาตบบ่าเบา ๆ            “เอ้า... ไม่เป็นไรนะ อริส” หนุ่มใหญ่เปรยยิ้มแล้วจากไป ไม่มีคำพูดอะไรต่อจากนั้น แปลว่าเขาอาจจะต้องคัดสรรนักกีฬาใหม่ในปีหน้า            หญิงสาวเดินดุ่ม ๆ ไปหยิบกระเป๋าในล็อกเกอร์ของห้องนักกีฬา เสื้อกันหนาวอย่างหน้าสวมทับไว้อีกชั้นหนึ่ง แล้วก้มหน้าก้มตาเดินไม่สนใจใคร ซ่อนความผิดหวังทั้งหมดไว้บนสีหน้าเรียบเฉย ราวตุ๊กตาไร้ชีวิต...            หากเธอแพ้... จะต้องหมั้นกับผู้ชายที่แม่ชอบ ทั้งที่แม่ไม่ได้อยู่กับเธออีกแล้ว            ‘เตกับอริส ลูกชายลูกสาวของแม่... แต่งตัวเป็นคู่บ่าวสาวตัวน้อย เหมือนพระเอกนางเอกตอนเด็ก ๆ น่ารักจริง ๆ แม่ชอบมากเลยจ๊ะ’            คำพูดนั้นยังดังก้องในหัวสมอง มันติดตามไปจนเกิดความเจ็บปวดมากเสียจนต้องรีบออกไปให้ไกลจากสถานที่แห่งนี้            เธอไม่อยากเจอหน้าพ่อ...            พ่อที่น่ารักของเธอเหมือนตายไปพร้อมแม่ แม้ว่าพ่อจะยังตามใจเธอเพราะกลัวว่าเธอจะไม่กลับบ้าน ซึ่งเธอคงทำมันแน่ ในเมื่อพ่อชอบพูดเรื่องเดิมซ้ำไปซ้ำมา คือเรื่องในวันวานของเด็กสาวตัวน้อยที่คงไม่ได้คิดอะไรกับการขอแต่งงานเด็กชายเตชิน เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแต่งงานมันคืออะไร กระทั่งว่าตอนนี้ก็อยากจะใช้ชีวิตแบบหญิงสาววัยยี่สิบห้าปี            ทว่าในฐานะนักกีฬา และนักเรียนทุนก็ยากหน่อย            แชมป์โลกรุ่นเยาวชนสองปีซ้อนตอนอายุสิบเจ็ดปี พอเปลี่ยนมาแข่งกับรุ่นใหญ่เธอไม่เคยได้เหรียญทองอีกเลย...            หิมะโปรยปรายลงมาท่ามกลางอากาศหนาวจัดองศาติดลบสิบองศาในฤดูหนาว ใกล้เคียงกับประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เมืองซูริคซึ่งเธอกำลังจะจบการศึกษาปริญญาโทด้านสัตวศาสตร์            ด้วยเงินทุนของรัฐบาล เธอคงจะต้องกลับไปใช้หนี้ด้วยการทำงานในองค์การปศุสัตว์หรือที่ไหนสักแห่ง แต่เมื่อไม่นานมานี้พ่อได้นำเงินไปโปะหนี้ทั้งหมด ยื่นคำขาดให้เธอกลับไปทำงานที่ฟาร์ม...            และก็คงจะหลบหน้าป้าขวัญกับนายเตชินไม่พ้น...            แต่เล็ก ๆ มาเธอและพี่ชายเพื่อนบ้านคนนี้สนิทสนมกันมาก ถึงขั้นว่าทางผู้ใหญ่อยากให้หมั้นหมายกันไว้ เป็นแม่ของเธอที่บอกว่าขอให้เด็ก ๆ ได้ตัดสินใจด้วยตัวเองว่าจะเลือกใครเป็นคู่ครอง ในวันที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่            ในวันนั้นเธอจึงร้องไห้เป็นใหญ่โต เพราะอยากแต่งงานกับพี่เต แต่แล้วในที่สุดเธอกลับต้องขอบคุณแม่ เมื่อต่างคนได้ลืมเลือนเรื่องนี้ไปตามกาลเวลา ประกอบกับว่าบ้านของตระกูล ‘สิงหวัฒน์’ ย้ายถิ่นฐานกลับไปอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ก่อนกลับมาอยู่เขาใหญ่อีกครั้ง            พอได้กลับมาคบหาสมาคมตามประสาเพื่อนบ้าน... พ่อก็คงจะคิดถึงแม่ก็แค่นั้น            ทำไมจะต้องเอาความรู้สึกของตัวเองมาลงที่เธอล่ะ? ทำไมเธอจะต้องหมั้นกับผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ แม่ตายไปแล้ว... แม่ไม่ได้อยู่กับเธออีกแล้ว...            ความเศร้าหมองกัดกินจิตใจราวหิมะอันเหน็บหนาวที่กำลังกัดเซาะมือทั้งสองจนต้องซุกมันไว้ในกระเป๋าเสื้อโค้ทสีดำ ผ่านท้องถนนที่มีผู้คนเดินประปราย อริสาไม่ได้ตรงกลับที่พักแต่หยุดปลายเท้าลงหน้าร้านสะดวกซื้อ มีตู้ขายของด้วยระบบหยอดเหรียญ มีอัดลมและผลไม้ ขนมห่อเล็ก รวมไปถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์... แทบจะมีทุกยี่ห้อ            ดวงตาคู่สวยสั่นไหวระริกมองกระป๋องหลากสีสัน ความขุ่นเคืองใจที่สั่งสมมานานทำให้เธอไม่ต้องคิดอะไรมาก มือหยอดเหรียญลงช่อง เสียงก๊องแก๊งดัง สองกระป๋องหล่นลงมาแล้วก็ไม่รอช้า แต่เป็นเพราะความหนาวสั่นของมือที่เพิ่งควักออกมาจากกระเป๋า กระป๋องเบียร์สีทองตัวอักษรแปลกตาหล่นตุ้บ!            มันกลิ้งหมุนไปกับพื้นสีขาวละลานตา เกือบจะชนเข้ากับรองเท้าเป็นเงามันของชายแปลกหน้า ขณะที่เขาเพียงโน้มตัวลงหยิบมันกลับขึ้นมาส่งให้เธอ            “อ้าว... คุณ?”            คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นมองเจ้าของร่างสูงในเสื้อโค้ทตัวใหญ่ เมื่อสักครู่เธอเห็นว่าเขาเป็นหนึ่งในกลุ่มแฟนคลับ            “กินเบียร์แก้หนาวเป็นความคิดที่ดี แต่ใส่ถุงมือดีกว่าครับ ที่นี่หนาว...” ไอเย็นลอยวนอยู่ยามพูดพ่นลมหายใจ บนวงหน้าคร้ามคมมีผ้าพันคอปกปิดอยู่ถึงช่วงแก้มสาก ถึงเห็นหน้าของเขาเพียงครึ่ง            นัยน์ตาคู่สีน้ำตาลพร่างพราวราวมีเพชรฝังอยู่ข้างใน... พาดวงตาคู่สวยประกายแวววาวปะติดอยู่บนนั้น            ให้ตายสิ! ผู้ชายคนนี้ตาสวยมาก            และเป็นเพราะว่าเธอยังยืนนิ่งอึ้งมองเขาโดยไม่ตอบอะไร ชายหนุ่มรั้งกระป๋องเบียร์กลับไปดึงฝา ฟองเบียร์พุ่งออกมาตามแรงอัดของมันที่กระแทกพื้นเมื่อสักครู่ จนเธอต้องรีบรับมาดื่มอย่างรวดเร็ว ชายแปลกหน้ายังใจดีถอดถุงมือส่งให้            “อย่าทานเยอะนะครับ เบียร์ที่นี่แรง เดี๋ยวจะเมา”            เสียงทุ้มนุ่มละมุนหูของเขาดึงสติของเธอกลับมา อริสาไม่ปฏิเสธน้ำใจเขาสักอย่างรับถุงมือมาแบบหน้าด้าน ๆ ด้วยอีกต่างหาก            “เอ่อ... ขอบคุณนะคะ แล้วคุณไม่หนาวเหรอ?”            “ไม่เป็นไรครับ ผมมีถุงมืออีกคู่ในรถ ปีหน้าลงแข่งอีกนะ ผมจะมาเชียร์คุณอริสา”            “ค่ะ ฉันจะไปแข่งแน่ ๆ” ในน้ำเสียงและแววตาเต็มไปด้วยความมั่นใจ ขณะที่ชายหนุ่มแย้มยิ้มอยู่บนใบหน้า เป็นรอยยิ้มที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นผ่อนคลาย            “ขอบคุณค่ะ คุณ..?” แล้วเลิกคิ้วขึ้นถามเจ้าของวงหน้าคร้ามคม มือของเธอสั่นเทาเพราะความหนาวแต่กลับรู้สึกดี กับทั้งถุงมือและเบียร์เกาหลียี่ห้อหนึ่ง ในสายตาของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความชื่นชม            “แฟนคลับครับ... อริสาแฟนคลับ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD